ตอนที่ 8 พระชายา Vs หยงไท่เฟย
“หลินเฟยลี่ เจ้าอย่าได้บังอาจ...”
“คนที่บังอาจน่าจะเป็นคนที่ไท่เฟยคอยปกป้องจนละเลยกฎระเบียบเหล่านี้มากกว่านะเพคะ ดูสิ แค่บีบน้ำตาจระเข้ไม่กี่หยดก็เรียกคะแนนสงสารจากพระองค์ได้ น่าสมเพชเสียจริง หากว่าจะอยู่กันด้วยกฎหมู่เช่นนี้ เห็นทีเรื่องนี้เมื่อท่านอ๋องเสด็จกลับมา หม่อมฉันคงต้องกราบทูล…”
“เจ้า…เจ้ากล้าหรือ??”
เฟยเย่รู้จุดอ่อนของนางแล้ว เช่นนี้นี่เอง นางเองก็คงเกรงกลัวอำนาจท่านอ๋องอยู่ไม่น้อย แม้ว่าเรือนหลัง สาวใช้และบ่าวไพร่จะเป็นคนของนางเกือบทั้งหมด
แต่ทหารองครักษ์รอบ ๆ ตำหนักเป็นคนของท่านอ๋อง ที่ฟังเพียงคำสั่งของท่านอ๋องและพระชายาเท่านั้น นางเข้าใจแล้วว่าจะเดินเกมไปในรูปแบบใด
“(ถงอิน นังดอกบัวขาว เจ้านี่น่าสนใจดีนะ)”
“เจ้าคิดจะทำอะไร มีอะไรก็เข้าไปคุยกันข้างใน”
“ได้เพคะ แต่ว่า…หลังจากที่ข้าสั่งลงโทษพวกนางก่อน”
“พระชายาเพคะ พวกนางเป็นสาวใช้ในตำหนักขอทรงโปรดปรานี…”
ถงอินเดินออกมาและคุกเข่าอีกครั้งเพื่อเรียกร้องความเห็นใจให้พระชายายอมปล่อยสาวใช้ โดยปกตินางก็มักจะใช้วิธีนี้ซื้อใจสาวใช้ระดับล่างให้เป็นพวกของนาง เฟยเย่หันมามองหน้านาง
“อ้อ ข้าเกือบลืมเจ้าไปเสียสนิท เจ้าเองก็เช่นกัน เจ้ามีหน้าที่ดูแลสาวใช้เป็นดั่งหัวหน้าพวกนางแต่กลับละเลย ทหาร!! โบยนางด้วยเช่นกัน”
“เจ้าอย่าได้บังอาจ!!…ถงอินเป็น…”
“นางเป็นสาวใช้!! หยงไท่เฟย พระองค์คงมิได้แก่จนเลอะเลือนลืมฐานะของนางไปใช่หรือไม่เพคะ ในเมื่อเป็นสาวใช้ที่ไร้กฎระเบียบ ก็ต้องถูกลงโทษด้วยเช่นกัน พวกเจ้ารออะไรอยู่นำตัวนางไปโบย!!”
""พ่ะย่ะค่ะ""
“ไม่นะ ไท่เฟยเพคะ ช่วยหม่อมฉันด้วยเพคะ!”
หยงไท่เฟยพูดไม่ออก ปากนางสั่นและเถียงพระชายาหลินไม่ได้เลยสักคำ เรื่องนี้หากจะพูดกันตามจริง สาวใช้ไม่ให้เกียรตินางถูกลงโทษก็ถือว่าถูกต้อง หากไม่ลงโทษก็จะถือเป็นความบกพร่องที่นางได้กล่าวออกมา
“ไท่เฟยเพคะ ช่วยด้วย ไท่เฟยเป็นลม”
ถงอินถือโอกาสนี้รีบวิ่งไปพยุงหยงไท่เฟยเพื่อหลีกหนีความผิด เฟยเย่หันไปมองทั้งคู่ที่หน้าลานตอนนี้สาวใช้และบ่าวไพร่ทั้งหมดต่างมารวมตัวกันที่หน้าตำหนักหน้ากันหมด
“แย่จริง....ดูเหมือนว่าไท่เฟยจะเป็นลมนะ”
“เพคะพระชายา ขอทรงโปรด…หม่อมฉันจะพยุงไท่เฟยเข้าไปพัก…”
“ไม่ต้อง ๆ อาจิงเจ้าช่วยไปพยุงไท่เฟยเข้าไปพักด้านใน เจ้าสองคนไปช่วยนางด้วย”
“เพคะพระชายา”
สาวใช้ที่ยืนอยู่รับคำสั่งพระชายาทันที ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้ใดกล้าจะทำกิริยาหยาบคายกับพระชายาอีกแล้วเมื่อเห็นว่าสาวใช้สองคนนั้นถูกโบยและยังไม่ทราบชะตากรรมพวกนางหลังจากนี้
“พระชายาเพคะ หม่อมฉันเป็นผู้ดูแลไท่เฟยมาโดยตลอด เกรงว่าคนอื่น ๆ จะไม่รู้พระทัย”
“เจ้าอย่าได้เป็นห่วง สาวใช้ของข้าอาจิงได้ร่ำเรียนวิชาแพทย์มานิดหน่อย นางพอจะมีความรู้เรื่องการดูแลผู้สูงอายุ ที่เจ้าพูดมาก็น่าคิดนะ เจ้าเป็นสาวใช้เพียงคนเดียวที่ไท่เฟยไว้ใจดูท่าว่าข้าควรจะหาสาวใช้อีกคนมาช่วยแล้วละ หากว่าวันหนึ่งขาดเจ้าไปเกรงว่านางคงจะแย่”
“พระชายา พระองค์ทรงทำเกินไปหรือไม่เพคะ”
“เจ้าไม่พอใจสิ่งใดงั้นหรือ สายตานั่นจะบอกอะไรข้างั้นหรือ สายตาแข็งกร้าวหมัดนั่นกำแน่น เจ้าโกรธงั้นหรืออันถง หรือเจ้าลืมไปแล้วจริง ๆ ว่าเจ้าเป็นผู้ใดในตำหนักนี้เอาละพูดมากพอแล้ว ลากนางไปโบยส่วนนางสองคน โบยให้ครบแล้วส่งไปขายทันที อย่าให้ข้าเห็นนางสองคนที่นี่อีก”
“พระชายาเพคะ หน้าที่ดูแลสาวใช้เป็น…”
“เป็นหน้าที่ของพระชายาท่านอ๋องเช่นกันที่จะมาช่วยหยงไท่เฟยดูแล อันถงดูเหมือนว่าเจ้าจะลืมไปอีกแล้วสินะ โบยนางสิบไม้แล้วส่งกลับไปที่ห้อง อ้อ ให้คนจัดตำหนักกลางข้าให้ด้วย ภายในครึ่งชั่วยามหากยังไม่เรียบร้อย อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้าพวกเจ้า”
""พ่ะย่ะค่ะ/เพคะ""
สาวใช้และบ่าวไพร่ในตำหนักรีบวิ่งไปทำหน้าที่กันอย่างรวดเร็วจนชนกันวุ่นวาย พวกเขาไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีวันเช่นนี้ วันที่มีคนที่เป็นใหญ่มากกว่าหยงไท่เฟยมาดูแลตำหนักท่านอ๋อง
เฟยเย่มองใบหน้าของอันถงที่ถูกโบยด้านล่าง สายตานางไม่ได้ยอมแพ้แม้ว่านางจะเจ็บแต่ก็แทบจะไม่ร้องออกมาเลยสักนิด
“น่าสนใจนี่ ดูแล้วไม่ธรรมดาเลย”
หลิน
เฟยเย่เดินกลับเข้าไปในตำหนักหน้าของไท่เฟยเพื่อดูอาการนาง ที่จริงนางรู้ว่าหยงไท่เฟยเพียงแค่แกล้งเป็นลมเพื่อจะช่วยอันถงและหลีกหนีความเสียหน้าเท่านั้นแต่นึกไม่ถึงว่าจะถูกเฟยเย่ดัดหลังด้วยวิธีนี้และยังยืนกรานลงโทษอันถงอีกด้วย
“หยงไท่เฟยอาการดีขึ้นหรือยัง เจ้าส่งคนไปเรียกหมอหลวงมาตรวจอาการหน่อย”
“ไม่ต้อง!!”
“อ้อ ดูแล้วอาการของพระองค์จะดีขึ้นแล้ว ไม่น่าเชื่อเลยนะเพคะ”
“เจ้า…เจ้า…กล้าสั่งโบยคนของข้า”
“คนของพระองค์งั้นหรือ ไท่เฟยเพคะ บ่าวไพร่ในตำหนักล้วนเป็นคนของท่านอ๋อง และในเมื่อหม่อมฉันแต่งเข้ามาแล้วหน้าที่ดูแลตำหนักและเรือนหลังเวลาท่านอ๋องไม่อยู่ก็ต้องเป็นหน้าที่ของหม่อมฉัน แม้ว่าก่อนหน้านี้พระองค์จะเป็นผู้ดูแลแต่ก็…อย่างที่เห็น”
“กฎระเบียบหละหลวมดูไม่เคร่งราวกับมิใช่ตำหนักอ๋อง บ่าวไพร่สาวใช้เหล่านี้ คงได้เวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว ดังนั้นเมื่อไท่เฟยไม่ค่อยมีเวลาอีกทั้งสุขภาพก็ไม่ใคร่จะสู้ดีนัก หน้าที่นี้หม่อมฉันคงต้องจัดการดูแลเองแล้วละเพคะ”
“หยุดนะ!! เจ้าอย่าได้บังอาจตราบใดที่ข้ายังอยู่ที่นี่ เจ้าไม่มีสิทธิ์!!”
“หยงไม่เฟยคงลืมเรื่องจดหมายที่เขียนไปหาหม่อมฉันแล้วสินะเพคะ หากว่าหม่อมฉันจะส่งจดหมายนั่นไปปรึกษาท่านอ๋องที่ชายแดนก่อนจะตัดสินใจน่าจะเป็นการดีกว่าที่จะ….”
“ช้าก่อน เจ้า…เจ้าอย่าได้นำเรื่องร้อนพระทัยนี้ไป…รบกวนท่านอ๋อง ตอนนี้ท่านอ๋องกำลังรับศึกอยู่เรื่องภายในตำหนัก”
“หืม อย่างไรเพคะ”
หยงไท่เฟยไม่คิดว่านางกลับมาในครั้งนี้จะมาพร้อมกับท่าทีที่แตกต่างกันเช่นนี้ ราวกับมิใช่คนเดียวกันเช่นนี้ สายตานั่นทำให้นางเริ่มหวาดกลัว
นางพึ่งก้าวเข้ามาในตำหนักไม่ถึงสามเค่อก็สั่งโบยอันถงสาวใช้ข้างกายไท่เฟยที่ไม่เคยมีผู้ใดกล้าต่อว่าอีกทั้งในตอนนี้คนทั้งตำหนักต่างเห็นที่นางสั่งลงโทษล้วนเริ่มหวาดกลัวนางมากขึ้น
ตำหนักกลาง
“พระชายาเพคะ ทำเช่นนี้จะเป็นการสร้างศัตรูหรือไม่เพคะ พระองค์ตรัสว่าการที่เรามาที่นี่เป้าหมายมีเพียงแค่….”
“เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้พวกนางก่อกองทัพในนี้งั้นหรือ ก่อนที่พวกนางจะทำเช่นนั้น มิสู้ข้าเร่งสร้างกองทัพของตัวเองขึ้นมาก่อนแล้วค่อยรวบกัดหัวกัดหางทีเดียวไม่ดีกว่างั้นหรือ เจ้าเอานี่ไป”
“นี่คือสิ่งใดหรือเพคะ”
“รายชื่อในนั้นคือสาวใช้ที่เป็นลูกน้องคนสนิทของอันถง พวกนางเป็นทั้งคนสนิทและเป็นลูกน้องที่ซื่อสัตย์ที่นางคอยเรียกใช้งาน เป็นคนที่เราต้องจัดการกลุ่มแรก
คนเหล่านี้กินเบี้ยหวัดท่านอ๋องกับสกุลหลินที่จ่ายให้แต่กลับทำงานรับใช้สวะอย่างอันถง ดูแล้วข้าก็ไม่ควรเก็บขยะเปียกพวกนี้เอาไว้ให้เกิดปัญหาทีหลัง”
“เกือบสิบคน นี่จะให้ทำอย่างไรกับพวกนางเพคะ หรือว่าพระองค์จะสั่งลงโทษเช่นเดิมอีก”
“ไม่ต้องทำอย่างไร เราแค่รอเวลาเท่านั้น น่าจะอีกไม่นานนี้หรอก"
“รอเวลาหรือเพคะ แล้วรอเวลาอันใด”
"รอหมูเข้าอวย แล้วจับเชือดทีเดียว”
“เพคะ”