บทที่ : 6 เผาครัว
"หลานคาราวะ ไท่เฟย " ลี่เจาทำความเคารพหญิงชรา ทำความเคารพเสร็จนานแล้ว แต่คนข้างๆยังเงียบอยู่ ลี่เจาจึงใช้ข้อศอกสะกิด หมิงเวยที่ยังสะลึมสะลืออยู่ "ชิงหลิว คาราวะไท่เฟยเพคะ"
"ลุกขึ้นเถอะ พระชายา ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนห๊ะ " หญิงชรากล่าว
"ขออภัยเพคะ เมื่อคืนข้าไม่ค่อยได้นอน"
"ข้าเข้าใจ พวกเจ้าเพิ่งแต่งงานกัน เวลากลางคืนก็คงจะไม่ค่อยได้นอนเป็นเรื่องธรรมดา อย่าลืมมีหลานให้ข้าไวๆล่ะ"
"ไม่ใช่อย่างที่คิดนะเจ้าคะ"
"ไม่ต้องอายหรอก มาๆ กินข้าวกับข้า"
ทั้งสองนั่งประจำที่ของตน สาวใช้จึงนำอาหารมาวางตรงหน้าลี่เจา แต่สาวใช้อีกคนดันทำน้ำแกงหกใส่ชุดของหมิงเวย "บ่าวไม่ได้ตั้งใจ ขอพระชายายกโทษให้บ่าวด้วยเพคะ" สาวใช้รีบคุกเข่าขอโทษ
"ไม่เป็นไรๆ ลุกขึ้นเถอะ " คำพูดของหมิงเวยทำเอาทุกคนหันมามองเป็นตาเดียว
"มองข้าทำไม ข้าทำอะไรผิดงั้นเหรอ"
หมิงเวยกล่าว
"เปล่าๆ กินข้าวเถอะ " หญิงชราเอ่ย
ท่าทีและคำพูดที่เปลี่ยนไปของหมิงเวยทำให้เหล่าสาวใช้ต่างพากันแปลกใจ เพราะถ้าเป็นเมื่อก่อน สาวใช้เพียงแค่หวีผมให้เธอแรงไป ก็ถูกเธอสั่งโบยสามวันสามคืน แต่ครั้งสาวใช้ทำน้ำแกงร้อนๆหกใส่ เธอกลับไม่โกธรไม่ถือโทษใดๆ
สาวใช้วางน้ำแกงถ้วยใหม่ให้หมิงเวย
"น้ำแกงลูกบัวแดง ช่วยทำให้เลือดลมไหลเวียนได้ดี ช่วยปรับสมดุล เหมาะแก่การตั้งครรภ์ที่สุด" สิ้นคำของหญิงชรา หมิงเวยและลี่เจาก็สำลักน้ำแกงพร้อมกัน ก่อนจะเหลือบมองหน้ากันอย่างขุ่นเคือง ใครจะไปท้องกับอีตาเย็นชาจอมโหดคนนี้กัน ชาติหน้าเถอะจ้ะ ชิ ! หมิงเวยเบะปาก
"ทำไมอาหารในวังมันถึงได้จืดชืดแบบนี้ แถมถ้วยก็เล็กนิดเดียว กินไปยังไม่สะกิดกระเพราะเลย" หมิงเวยบ่นระหว่างกลับจวน
"นี่เป็นรสชาติที่พระชายาชอบที่สุดแล้วนะเพคะ เมื่อก่อนท่านก็ชอบทานแบบนี้ " สวีหรัน กล่าว
"ข้าน่ะเหรอ ชอบแบบนั้น "
"เพคะ ท่านน่ะไม่ชอบทานอาหารรสจัด อาหารมัน เลี่ยน ของหวาน ปริมาณอาหารต้อง2ส่วน3ของจานเท่านั้นในแต่ล่ะมื้อ เพราะว่ากลัวหุ่นจะเสีย ท่านเป็นคนกำชับกับพวกบ่าวในครัวเรือนเอง ท่านลืมแล้วเหรอเจ้าคะ"
"แบบนี้ ไม่กินดีกว่ามั้ง" หมิงเวยเดินเลี้ยวไปอีกทาง
"พระชายจะไปไหนเพคะ"
"ไปโรงครัว"
"ไปทำอะไรเพคะ จะไปหาเรื่องบ่าวไพร่อีกแล้วเหรอเพคะ"
"ข้าไม่ได้จะไปหาเรื่อง"
"แล้วจะไปทำอะไรเพคะ"
"เจ้าตามมาเถอะเดี๋ยวก็รู้"
จวนเมฆา ที่พักขององค์ชายสาม
"องค์ชาย ข้ามารายงานเรื่องราคาข้าวที่ข้าว และเสบียงที่หายไปพะยะค่ะ" ชางฉีเดินเข้ามา
"ได้เรื่องยังไงบ้าง" ลี่เจาวางหนังสือลง
"มีพ่อค้าข้าวกลุ่มหนึ่งได้กว้านซื้อข้าวไปเป็นจำนวนมาก เพื่อเอามาขายโก่งราคา และ เสบียงสินค้าที่เดินทางมาจากต่านเฟิงก็ถูกโจรปล้นไประหว่างทาง ทำให้เสบียงที่มาถึงเราไม่พอให้ประชาชน" ชางฉีกล่าว
"เป็นฝีมือของใคร"
" องค์ชายเซียว ผู้คุมหอยุ่นไท่ พยายามตามสืบเรื่องนี้อยู่ แต่ยังไม่ได้เบาะแสที่แน่ชัดพะยะค่ะ"
"อืม " ลี่เจาอ่านหนังสือต่อ
"ไฟไหม้แล้ววววว ไฟไหม้แล้วเจ้าค่าาาา " เสียงสาวใช้ตะโกนดังลอดเข้ามาในจวน
"ด้านนอกมีเรื่องอะไรกัน ทำไมถึงเสียงดังเช่นนี้ เจ้าออกไปดูสิ" ลี่เจาเอ่ย ชางฉีรับคำสั่ง พอออกไปไม่ทันถึงนาทีก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา "องค์ชายไฟไหม้ที่โรงครัวจวนบุปผาพะยะค่ะ" ชางฉีกล่าว ลี่เจาจึงรีบเดินออกไป
โรงครัว ควันไฟที่พวยพุ่งออกมา เหล่าคนใช้วิ่งพล่านหาน้ำมาดับไฟกันจ้าละหวั่น
"เป็นฝีมือของใคร ! " ลี่เจาเอ่ยถามเสียงดัง
สาวใช้ทุกคนจึงหยุดและมองไปยังคนที่นั่งจ๋องอยู่ข้างๆโรงครัวเป็นตาเดียวกัน
"จะมีใครได้อีกล่ะเพคะ"
ชัดเลย ! เมื่อเห็นดังนั้นความโมโหของเขาก็พุ่งปรี๊ด "โช่ว ชิงหลิว ! "
