บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 ชีวิตใหม่และความลับของไท่จื่อ

สตรีหน้าตาจิ้มลิ้ม งดงามราวกับรูปปั้นแกะสลัก นับว่าเป็นหญิงงามล่มเมืองคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ แม้แต่เฉินเป่าหลินยังมองอย่างตะลึงจนตาค้าง แต่ดูเหมือนว่าความงามของนางจะใช้ไม่ได้กับฉินเจิ้นหยาง เพราะทันทีที่เขาเห็นหน้านาง เขาก็ถอนหายใจออกมาแรงๆด้วยความหงุดหงิด

"เดินมานี่! อย่าชักช้า!" เขาขึงตาใส่นางอย่างน่ากลัว หญิงสาวบีบมืออันสั่นเทาของตนไว้แน่น ใช้ฟันขบกัดริมฝีปากจนห้อเลือด หลับตาก้าวดุ่มๆตรงเข้าไปหาตามคำสั่ง 

ทว่า...

ตูมมมม! 

เพราะมัวแต่หลับตาจึงทำให้มองไม่เห็นทาง ร่างแน่งน้อยจึงตกลงไปในสระน้ำ โดยที่ท้ายทอยของนางกระแทกเข้ากับขอบสระอย่างแรง และในตอนนั้นเองวิญญาณของเฉินเป่าหลินก็ถูกดึงไปยังใต้น้ำ เข้าสู่ร่างของสตรีวัยกำดัดผู้นั้น!

จวนสกุลเยว่

สายฝนกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย เสียงฟ้าร้องเปรี้ยงปร้างดังน่ากลัว ฟ้าแลบแปลบปลาบเปลี่ยนบรรยากาศรอบกายให้กลายเป็นสีขาวโพลน บรรดาสาวใช้ต่างพากันวิ่งวุ่นปิดหน้าต่างกันไปทั่วทั้งเรือนใหญ่

เปรี้ยง!

เสียงสายฟ้าฟาดดังกระหึ่มไปทั่วทั้งพสุธา ส่งผลให้คนที่นอนอยู่สะดุ้งตื่น เปลือกตาบางขยับยุกยิกไปมา ก่อนจะค่อยๆเปิดขึ้น เฉินเป่าหลินเบ้ปาก อาการปวดโจมตีไปทั่วทั้งร่างโดยเฉพาะบริเวณท้ายทอยของนาง

"โอยย ปวดคอจังเลย" มือบางยกขึ้นลูบไปที่ต้นตอ พลางบ่นพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าตอนนี้ตนอยู่ในสถานที่ๆไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย

"ข้าอยู่ที่ไหนกัน" ดวงตากวางกวาดมองไปรอบห้อง แน่นอนว่าที่นี่คือหอนอน แต่เป็นของผู้ใดกัน วิญญาณของนางต้องอยู่ที่จวนอ๋องสิ แล้วนางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน

หญิงสาวเดินไปหยุดยืนอยู่หน้ากระจก ปากบางเผยอค้างด้วยความตกใจ ยกมือขึ้นลูบใบหน้าของตนไปมา

"ข้าเข้ามาอยู่ในร่างของสตรีผู้นั้นหรือ"

พลันสมองก็นึกไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ สตรีหน้าตางดงามราวกับบุปผาผู้นั้นถูกจับได้ว่ากำลังแอบดูฉินไท่จื่ออาบน้ำ จากนั้นนางก็ตกลงไปในสระน้ำ ไม่นานวิญญาณของเฉินเป่าหลินก็ถูกดึงเข้าไปในร่างของหญิงสาวผู้นี้

"เป็นไปได้อย่างไรกัน" หญิงสาวพึมพำออกมาเบาๆ ในขณะที่ยังคงใช้มือลูบคลึงใบหน้าของตนไปมา

"ฟางเอ๋อร์ เหตุใดถึงได้ลุกขึ้นมาเดินเช่นนี้เล่า" เสียงห้าวของคนผู้หนึ่งดังขึ้น พร้อมกับร่างท้วมของชายวัยกลางคนก้าวเดินเข้ามา เส้นขนที่อยู่เหนือริมฝีปากกระตุกหงึกหงัก

เฉินเป่าหลินผินหน้าไปมองด้วยความงุนงง ดูจากการแต่งกายที่หรูหราแล้ว เขาคงจะเป็นเจ้าของจวนแห่งนี้ไม่ผิดแน่

"ท่าน..."

"พ่อเอง จำพ่อได้หรือไม่" เขากล่าวพลางย่างกรายมาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าของนาง สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลระคนเป็นห่วง

อ้อ... เขาเป็นพ่อของนางสินะ เฉินเป่าหลินคิดในใจ

"ใช่แล้ว ท่านพ่อของข้า เหตุใดข้าจะจำไม่ได้เล่า" นางส่งยิ้มแป้นให้กับเขา พลันไม่นานก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บ

โป๊ก!

"โอ๊ยย ท่านพ่อเขกศีรษะข้าทำไมกันเจ้าคะ" มือบางยกขึ้นลูบหัวของตนป้อยๆ พร้อมทำหน้ายู่ มองคนที่แทนตัวเองว่าพ่อด้วยความไม่เข้าใจ

"ข้าไม่ใช้แส้ไม้ไผ่ตีเจ้าก็ดีตั้งเท่าไหร่แล้ว เห็นแก่ว่าเจ้าไม่สบายหรอกนะ กล้าดีอย่างไรถึงได้แอบเข้าไปที่ห้องอาบน้ำของฉินไท่จื่อ!" 

"ข้า... ข้า..." เฉินเป่าหลินได้แต่อ้ำอึ้ง ไม่รู้จะแก้ตัวว่าอย่างไรดี เพราะนางไม่รู้สาเหตุว่าหญิงสาวผู้นี้แอบเข้าไปที่นั่นเพราะเหตุใด

"ดีแค่ไหนแล้วที่เขาไม่สั่งลงโทษเจ้า เลิกทำตัวแบบนี้เถอะฟางเอ๋อร์ หากเจ้าอยากมีสามี พ่อจะหาให้ แต่ล้มเลิกความคิดที่จะเป็นไท่จื่อเฟยได้แล้ว พ่อรู้ว่าลูกรักฉินไท่จื่อ แต่วังหลังสุดแสนจะอันตราย พ่อเป็นเพียงแค่หมอหลวง หาใช่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ พ่อไม่มีอำนาจมากพอที่จะปกป้องเจ้าได้หรอกนะ"

มือใหญ่ของเขาจับไปที่ไหล่กลมกลึงของบุตรสาว เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง เฉินเป่าหลินอึ้งไปชั่วครู่ คิดตามคำพูดของคนเป็นพ่อ พลันไม่นานก็เบิกตากว้าง ดีดนิ้วดังเป๊าะเมื่อมีความคิดดีๆเกิดขึ้นในหัว

"จริงด้วย!"

หากนางจะสามารถคานอำนาจของมู่หวังเหล่ยได้ นางก็ต้องมีอำนาจเหนือกว่าเขา และหากนางได้เป็นไท่จื่อเฟย และควบคุมฉินไท่จื่อผู้ไม่เอาไหนไว้ในกำมือได้ นางก็จะสามารถใช้อำนาจที่มีกำจัดและเปิดโปงความชั่วช้าของมู่หวังเหล่ยได้

ตุ้บ!

"อูยยย" เฉินเป่าหลินร้องโอดโอยด้วยความเจ็บ ยกมือจับหน้าผากของตน เมื่อโดนคนเป็นพ่อใช้นิ้วดีดอย่างแรง

"จริงอะไร ที่พ่อพูดมาทั้งหมดเจ้าฟังบ้างหรือไม่"

"ฟังเจ้าค่ะ" แต่จะทำตามหรือไม่ก็อีกเรื่องหนึ่ง ท้ายประโยคนางคิดในใจ

"เช่นนั้นก็ดี กลับขึ้นเตียงไปนอนพักผ่อนเถอะ คราวหน้าคราวหลังอย่าทำเช่นนี้อีก หนนี้เจ้ายังมีวาสนาที่ยังคงมีชีวิตอยู่ พ่อนึกว่าเจ้าจะสิ้นชีพอยู่ในอ่างน้ำนั่นไปเสียแล้ว" เยว่หานตงกล่าวพลางส่ายศีรษะอย่างระอา ท้ายทอยของนางกระแทกขอบอ่างอย่างแรงจนเป็นรอยช้ำขนาดใหญ่ ทำให้เขานึกหวั่นใจไม่น้อย

หากยังดีที่นางไม่เป็นอะไรมาก คงยังไม่ถึงคราวเคราะห์ของนางกระมัง แต่ก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว เขาเสียภรรยาสุดที่รักไปเมื่อตอนที่เยว่หรงฟางอายุได้ราวสี่หนาว เขาต้องเลี้ยงดูนางตามลำพัง นางเป็นดั่งแก้วตาดวงใจของเขา ถ้าหากเขาเสียนางไปอีกคน เขาจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร

เฉินเป่าหลินได้ยินเช่นนั้นจึงร้องอ้อออกมาเบาๆ ที่แท้แล้วสตรีผู้นี้ลื่นล้มท้ายทอยฟาดขอบสระตายนี่เอง เมื่อเจ้าของร่างตายไป วิญญาณก็จะสลายหายไป ทำให้วิญญาณของนางถูกดึงเข้ามาอยู่ในร่างนี้แทน แต่เพราะเหตุใดวิญญาณของนางถึงไม่สลายไปเหมือนวิญญาณของคนอื่นๆ และต้องวนเวียนอยู่ถึงสี่ปี อีกทั้งยังได้เข้ามาอยู่ในร่างของคนอื่นเช่นนี้เล่า

"เลิกคิดฟุ้งซ่านแล้วกลับไปนอนได้แล้ว พ่อจะให้เมิ่งหยวนต้มยามาให้" เยว่หานตงกล่าวกับบุตรสาว เฉินเป่าหลินไม่มีทางเลือกจึงจำต้องเดินกลับไปล้มตัวลงนอนอยู่บนเตียงตามคำสั่ง ทางด้านคนเป็นพ่อเมื่อเห็นบุตรสาวปิดเปลือกตาลงจึงค่อยเดินออกไปจากห้อง

ทว่าคล้อยหลังจากที่ประตูปิดลง คนที่นอนอยู่ก็ตวัดผ้าห่มออกจากกายพร้อมผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ยามนี้เฉินเป่าหลินพอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้แล้ว ร่างนี้คือร่างของบุตรสาวของท่านหมอหลวงเยว่หานตง สกุลเยว่เป็นหมอมาหลายชั่วอายุคนและรับใช้ข้างกายของฮ่องเต้มาหลายรัชสมัย นางรู้เรื่องราวแค่เพียงว่าท่านหมอเยว่หานตงมีบุตรสาวเพียงแค่คนเดียว นางเป็นหญิงงามล่มเมือง ความงามเป็นที่กล่าวขานไปทั่วแคว้น มีบุรุษหลายตระกูลเคยส่งพ่อสื่อมาพูดคุย

ทว่าท่านหมอหลวงเยว่หานตงหวงบุตรสาวยิ่งกว่าไข่ในหิน เวลานี้เจ้าของร่างนี้อายุได้สิบเจ็ดหนาวแล้ว หากพ้นวัยสิบแปดหนาวก็จะกลายเป็นสาวเทื้อ ยากที่จะมีบุรุษมาสู่ขอ ทว่าเยว่หานตงกลับลั่นวาจาไว้ว่า บุตรสาวของเขายังมีเวลาเหลืออีกหนึ่งปี ค่อยแต่งงานตอนนั้นก็ยังไม่สาย 

แต่ไม่ว่าจะนึกอย่างไร นางก็นึกชื่อเจ้าของร่างนี้ไม่ออกเสียที...

ร่างบางลุกขึ้นเดินไปรอบๆห้องอย่างสำรวจ จวนสกุลเยว่ไม่ได้ใหญ่โตโอ่อ่าเท่าจวนสกุลเฉิน แต่ข้าวของเครื่องใช้ก็หรูหราไม่น้อยเลยทีเดียว หญิงสาวเดินไปหยุดอยู่ที่โต๊ะหนังสือ มือบางดึงลิ้นชักโต๊ะหนังสือให้เปิดออก แลเห็นหนังสือไม่ไผ่วางอยู่จึงหยิบมาเปิดอ่าน จึงได้รู้ว่าหนังสือเล่มนี้ก็คือสมุดบันทึกดีๆนี่เอง

ข้าติดตามท่านพ่อไปที่จวนอ๋องหลายปี ทำให้ข้าได้เห็นการเติบโตขึ้นของใครคนหนึ่ง จากบุรุษรูปร่างผอมแห้งในวันนั้น ในวันนี้กลับเติบโตกลายเป็นบุรุษหน้าตาหล่อเหลา รูปร่างของเขาล่ำสันกำยำ ดวงตาสีนิลของเขาทำให้หัวใจของข้าเต้นแรงจนควบคุมไม่ได้ 

เฉินเป่าหลินเปล่งเสียงอ่านข้อความที่ถูกขีดเขียนบันทึกเอาไว้ หากเดาไม่ผิดนางคงจะหมายถึงฉินไท่จื่อสินะ

ไม่ว่าบุรุษผู้ใดที่ได้พบข้า พวกเขาจะมองข้าตาไม่กะพริบ ทุกคนต่างพากันแย่งชิงเข้ามาทำความรู้จักข้า แตกต่างจากฉินอ๋องที่มักมองข้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรำคาญ ทำให้ข้ารู้สึกปวดใจยิ่งนัก

อ่านไปเส้นขนในกายก็ลุกชันไปด้วย เจ้าของร่างนี้คงจะรักใคร่หลงใหลฉินไท่จื่อไม่น้อยเลยทีเดียว ดวงตากลมโตไล่สายตาอ่านตัวอักษรที่ถูกบันทึกเอาไว้ไปเรื่อยๆ พบว่านอกจากจะพูดถึงความหล่อเหลาของฉินไท่จื่อแล้ว ที่เหลือจะเป็นการเขียนบรรยายเชิงตัดพ้อถึงฉินไท่จื่อเสียมากกว่า ทว่าข้อความในหน้าที่สิบแปดกลับทำให้เฉินเป่าหลินถึงกับชะงักงัน

วันนี้อากาศร้อนอบอ้าวยิ่งนัก อาจเป็นเพราะเข้าสู่ฤดูสารทแล้ว ข้านอนไม่หลับจึงออกมาเดินเล่น พบว่าตะเกียงที่ห้องหนังสือถูกจุดเอาไว้ คิดว่าท่านพ่อคงอยู่ข้างในนั้น ข้าจึงเดินเข้าไปหมายจะไปถามไถ่ แต่ผู้ใดจะไปรู้ว่าข้ากลับได้ล่วงรู้ความลับเรื่องอาการประชวรของฉินอ๋องแทน

"ความลับเรื่องอาการประชวรของฉินไท่จื่องั้นหรือ" ปากบางเปล่งเสียงทวนคำออกมาเบาๆ นางรู้แค่เพียงว่าเดิมทีฉินอ๋องเคยถูกงูพิษกัดเมื่อครั้งยังเยาว์วัย ทำให้ร่างกายของเขาไม่แข็งแรงต้องถ่ายเลือดทุกๆเดือนมิใช่หรือ หรือว่าแท้จริงแล้วฉินไท่จื่อไม่ได้ป่วยเพราะถูกงูพิษกัด ที่สำนักวังหลวงประกาศออกมาเช่นนั้นเพราะต้องการปิดบังเรื่องอะไรบางอย่าง!

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันมุ่น ร่างบางหย่อนกายนั่งลงบนโต๊ะไม้ มือบางเปิดหนังสือในหน้าถัดไป พยายามหาบันทึกที่พูดถึงอาการป่วยของฉินไท่จื่อแต่ก็ไม่พบ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel