บทที่ 2 เป็นเพียงวิญญาณล่องลอย
จากงานมงคลที่ทุกคนควรมีความสุขกลับกลายเป็นงานโศกเศร้าเข้ามาแทนที่ สามวันหลังจากงานมงคลสมรสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งปีแห่งแคว้นเจวี้ยนจู มู่หวังเหล่ยก็ได้ประกาศข่าวเศร้าออกมาให้ทุกคนทราบว่า บัดนี้เฉินเป่าหลิน ภรรยาของเขาได้สิ้นชีพลงแล้ว สาเหตุมาจากนางแพ้สุรามงคลอย่างรุนแรงจนล้มป่วย อาการเป็นตายเท่ากัน หมอไม่สามารถยื้อชีวิตของนางไว้ได้ สามวันต่อมานางได้สิ้นชีพลงอย่างสงบ ไม่มีใครคลางแคลงสงสัย เพราะมู่หวังเหล่ยใช้เส้นสายที่มีจัดการปิดปากทุกคนที่รู้เรื่องนี้
พิธีศพถูกจัดขึ้นอย่างรวดเร็วในอีกสามวันต่อมา วันนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มคล้ายกำลังจะมีพายุฝนห่าใหญ่ ขบวนศพถูกเคลื่อนไปตามท้องถนน หน้าขบวนมีร่างสูงของมู่หวังเหล่ยเดินอยู่ ขอบตาของเขาแดงก่ำ หน้าตาเศร้าศร้อยบ่งบอกถึงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ถัดมาเป็นร่างบางของเฉินเหมยฉีที่อยู่ในอาการโศกเศร้าไม่ต่างกัน และร้องไห้กระซิกๆไปตลอดทาง บรรยากาศเต็มไปด้วยความเศร้าโศก ชาวเมืองที่ออกมายืนดูขบวนแห่ศพต่างพากันรู้สึกสงสารและเห็นใจ
'โกหก! สร้างภาพเก่งเหลือเกิน!' ร่างโปร่งแสงปรากฏขึ้น พลางกรีดร้องออกมาสุดเสียงทว่าไม่มีผู้ใดได้ยิน เฉินเป่าหลินได้แต่มองตามขบวนศพของตนไปด้วยความโกรธแค้น
'หญิงร้ายกับชายชั่วผู้นี้ต่างหากที่ฆ่าข้า ท่านป้า! ท่านลุง! ท่านได้ยินหรือไม่ พวกมันต่างหากที่เป็นคนร้าย' ร่างบางลอยไปลอยมา แต่ก็เปล่าประโยชน์เพราะไม่มีผู้ใดเห็นนาง
'เฉินเป่าหลิน เฉินเป่าหลิน ชีวิตเจ้าช่างน่าเวทนายิ่งนัก'
เมื่อทำอะไรไม่ได้ก็หยุดยืนนิ่งเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าที่มีเม็ดฝนห่าใหญ่โปรยปรายลงมา เหล่าบรรดาชาวเมืองต่างพากันวิ่งวุ่นหลบฝนกันจ้าละหวั่น เพียงชั่วพริบตาเดียว บนถนนที่เคยเต็มไปด้วยผู้คนเนืองแน่นก็สลายกลุ่มไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงแค่ร่างสูงของบุรุษสองคนยืนอยู่
'ผู้ใดกัน' เฉินเป่าหลินเอียงคอมองด้วยความสงสัย ก่อนจะลอยไปหยุดอยู่ตรงหน้าของชายผู้นั้นทันทีที่ใจนึก
บุรุษรูปร่างสูงใหญ่แต่งกายด้วยชุดคลุมสีดำสนิท บนศีรษะสวมหมวกฟางใบใหญ่ปิดบังใบหน้าจากสายตาของชาวเมือง ก่อนที่เขาจะค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองตามขบวนศพไปอย่างไม่ละสายตา
'องค์ชายสาม ฉินอ๋องงั้นหรือ!' หญิงสาวขานชื่อของเขาออกมาเสียงดังด้วยความตกใจ นางเคยเห็นองค์ชายสามผู้นี้ประปราย ทว่าไม่เคยพูดคุยกันเป็นการส่วนตัว ทุกคราที่เจอกันมีเพียงแค่นางที่ยอบกายทำความเคารพ และเขาก็เดินผ่านนางไปราวกับว่านางไร้ตัวตนสำหรับเขา
ฉินเจิ้นหยาง หรือฉินอ๋องเป็นโอรสองค์ที่สามของฉินหานเฟยฮ่องเต้ ทว่าชายผู้นี้ขึ้นชื่อเรื่องความเสเพลและความไม่เอาไหน บรรดาชาวเมืองต่างตั้งฉายาให้เขาว่าเป็น องค์ชายนอกคอก แม้จะเป็นโอรสที่เกิดจากฮองเฮา ทว่ากลับไม่เป็นที่โปรดปรานของฉินหานเฟยฮ่องเต้เท่าใดนัก ในขณะที่องค์ชายองค์หญิงคนอื่นๆ ได้อยู่ในวังหลวงอย่างสุขสบาย ทว่าฉินอ๋องกลับต้องระเห็จออกมาสร้างจวนอยู่ที่ชานเมือง
"กลับเลยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ" หานเซียว องครักษ์หนุ่มผู้ติดตามเอ่ยถามเจ้านาย
"อืม" ทายาทของโอรสสวรรค์ขานรับเบาๆ จากนั้นก็ออกตัวเดินจากไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับที่ขบวนแห่ศพจากไป
'สงสัยจะแอบมาเที่ยวหอบุปผางามตามเคย' เฉินเป่าหลินเบ้ปากใส่เขาหนหนึ่ง ยามนี้นางอยู่ในสถานะวิญญาณ ไร้ซึ่งกายหยาบ ฉะนั้นแล้วนางไม่เกรงกลัวผู้ใดทั้งสิ้น เพราะไม่ว่านางจะทำอะไรก็ไม่มีผู้ใดรับรู้ถึงการมีอยู่ของนางอยู่ดี
สี่ปีต่อมา
วิญญาณของเฉินเป่าหลินวนเวียนไม่ไปไหนมาเป็นเวลากว่าสี่ปีแล้ว หนแรกนางคิดว่าหลังจากที่นางสิ้นชีพลง วิญญาณของนางคงจะสลายหายไปตามกาลเวลา ทว่าเวลาได้ล่วงผ่านมานานแล้ว แต่วิญญาณของนางก็ยังคงอยู่
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เฉินเป่าหลินมองเส้นทางชีวิตของหญิงร้ายกับชายชั่วที่อาศัยอยู่ที่จวนสกุลเฉินของนาง พวกมันอยู่อย่างสุขสบายและมีความสุข แตกต่างจากนางที่เป็นเพียงวิญญาณล่องลอยไปมา ทำได้แค่เพียงมองดูพวกคนชั่วเสวยสุขอยู่ที่จวนสกุลเฉินของนาง
สรรพสิ่งบนโลกผันเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ยามนี้มู่หวังเหล่ยได้ครองตำแหน่งราชเลขาธิการผู้ยิ่งใหญ่แทนท่านพ่อของนางที่ล่วงลับไปด้วยแผนการอันแยบยล แม้เขาจะยังทำการก่อกบฏไม่สำเร็จ แต่ยามนี้เขามีอำนาจบารมียิ่งใหญ่คับฟ้า เป็นรองแค่เพียงฉินหานเฟยฮ่องเต้และฉินไท่จื่อเท่านั้น ทว่ามู่หวังเหล่ยกลับยังไม่ได้แต่งงานใหม่ บรรดาชาวเมืองต่างพากันคิดว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะเขายังคงอยากไว้ทุกข์ให้กับภรรยาเก่า ในใจของเฉินเป่าหลินได้แต่หัวเราะหยัน คงมีเพียงนางคนเดียวที่รู้ว่าแท้จริงแล้วหาได้เป็นเช่นนั้นไม่
วันหนึ่งข่าวเศร้ามาเยือนแคว้นเจวี้ยนจู เหตุเพราะองค์รัชทายาทเสด็จสวรรคตจากไข้ป่า ทำให้ตอนนี้ตำแหน่งองค์รัชทายาทว่างเว้นลง พ้นจากงานโศกเศร้า ชาวเมืองก็ต่างเบนเป้าหมายไปหาองค์ชายสองทุกคนต่างคาดหวังให้เขาขึ้นรับตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ ทว่าผ่านไปไม่นานก็ได้รับรู้ข่าวอันน่าตกใจว่าตอนนี้องค์ชายสองได้หนีไปบวชเป็นนักพรตที่วัดบนภูเขา และมีความตั้งใจอันแรงกล้าว่าจะบวชตลอดชีวิต!
ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่ได้ครอบครองตำแหน่งองค์รัชทายาทก็คือองค์ชายสามหรือฉินอ๋อง เนื่องด้วยเขาเป็นโอรสองค์สุดท้ายที่ประสูติจากฮองเฮา ถือเป็นสายเลือดบริสุทธิ์โดยชอบธรรม หลังจากข่าวนี้ถูกเปิดเผย บรรดาชาวเมืองต่างพากันส่ายหน้าอย่างระอา ไม่อยากจะคิดถึงอนาคตของแคว้นเจวี้ยนจู หากต้องตกไปอยู่ในกำมือขององค์ชายจอมเสเพล
ผู้คนต่างพากันสวดภาวนาของให้ฉินหานเฟยฮ่องเต้มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน อย่าเพิ่งให้ฉินอ๋องได้ขึ้นครองราชย์ในเร็วๆนี้เลย
"หากเจ้าได้เป็นพระชายาของฉินไท่จื่อ งานของเราจะสำเร็จได้โดยง่ายขึ้น"
"ท่านพี่! ท่านจะให้ข้าแต่งงานกับองค์รัชทายาทหรือ!" เฉินเหมยฉีเอ่ยถามมู่หวังเหล่ยด้วยความตกใจ
"องค์รัชทายาทเป็นคนเสเพล นิยมชมชอบสาวงาม หากเจ้าเข้าไปอยู่ในตำแหน่งไท่จื่อเฟย เจ้าจะมีอำนาจล้นฟ้า เสริมอำนาจให้ข้ายิ่งใหญ่ขึ้นกว่าเดิม"
"แต่ว่าข้าไม่อยากเป็นของผู้ใดนอกจากท่าน"
มู่หวังเหล่ยได้ยินเช่นนั้นจึงดึงร่างบางเข้ามากอด
"ฉีเอ๋อร์ บางคราเจ้าต้องยอมเสียสละทำเพื่ออนาคตของเรานะ หากเจ้าช่วยข้ากำจัดฉินไท่จื่อได้ และข้ากำจัดฉินหานเฟยฮ่องเต้ได้ เมื่อข้าได้ครอบครองบัลลังก์มังกรทองแล้ว ข้าจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นฮองเฮาเคียงข้างข้าตลอดไป"
เฉินเหมยฉีนิ่งไปชั่วครู่ พลันไม่นานจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะกล่าวว่า
"ตกลง ข้ารักท่าน ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อให้เราได้ครองคู่กัน"
มู่หวังเหล่ยได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มพราย ดวงตาลุ่มลึกไม่อาจคาดเดาความคิดได้ เขารู้ว่านางรักเขามากเพียงใด เขาจึงใช้ความรักที่นางมีให้เป็นประโยชน์เพื่อหลอกใช้นาง!
ทางด้านเฉินเป่าหลิน วิญญาณของนางได้ยินบทสนทนาเต็มสองหู
'หึ! ยังไม่ล้มเลิกความคิดชั่วช้าอีกสินะ เจ้ามันเลวจนไม่อาจสรรหาคำบรรยายออกมาได้เลยจริงๆ'
ฉับพลันจึงนึกขึ้นมาได้ว่า นางจะให้แผนการของมู่หวังเหล่ยสำเร็จไม่ได้ เพราะถ้าหากเขาทำสำเร็จ แผ่นดินแคว้นเจวี้ยนจูต้องลุกเป็นไฟ หากตกอยู่ในกำมือของคนชั่วเช่นเขา!
'ข้าต้องไปเตือนฉินไท่จื่อ' นางคิด พลันร่างโปร่งแสงก็หายวับไป
วิญญาณของเฉินเป่าหลินมาปรากฏอยู่ที่ๆหนึ่ง หญิงสาวหันมองไปรอบกายจึงพบว่ามันเป็นห้องอาบน้ำ
'เหตุใดข้าถึงมาโผล่ที่นี่ แล้วฉินไท่จื่ออยู่ที่ใดกัน' หญิงสาวหันหน้าซ้ายทีขวาทีเพื่อมองหาเป้าหมาย แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แวว จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ไม่ว่านางจะอยากไปที่ไหน ไปพบใคร เพียงแค่ใจนึกถึง นางก็จะมาปรากฏอยู่ที่แห่งนั้นแล้ว
นางค้นพบว่านี่เป็นข้อดีเพียงอย่างเดียวสำหรับวิญญาณ
ทันใดนั้นเอง...
พรวด!
'กรี๊ดดดดดด' เฉินเป่าหลินกรีดร้องออกมาสุดเสียง เมื่อจู่ๆร่างหนาของใครบางคนก็โผล่พรวดขึ้นมาจากใต้น้ำในอ่างไม้ หญิงสาววิ่งเข้าไปหลบอยู่หลังฉากกั้นอย่างลืมตัว เพราะเกรงว่าจะถูกจับได้
"ออกมา! ข้าสั่งให้ออกมาเดี๋ยวนี้!" น้ำเสียงแหบห้าวดุดันตวาดดังก้อง
'เขาเห็นข้างั้นหรือ เป็นไปได้อย่างไรกัน' หญิงสาวตกตะลึงไปชั่วขณะก่อนจะค่อยๆชะโงกหน้าออกไปมอง แลเห็นดวงตาดุดันกำลังจดจ้องมองมายังนาง
'ไท่จื่อเพคะ หม่อมฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาแอบดูฝ่าบาทนะเพคะ พระทัยเย็นๆแล้วคุยกันก่อนดีหรือไม่ หม่อมฉันมีข่าวสำคัญมาบอกเพคะ' เฉินเป่าหลินพยายามไกล่เกลี่ย ทว่าดูเหมือนว่าเขาไม่คิดจะฟังนางเลยแม้แต่น้อย
"ข้าบอกให้ออกมา! หาไม่ข้าจะฆ่าเจ้า!" ชายหนุ่มขู่เสียงเหี้ยม และนั่นทำให้คนที่ซ่อนอยู่หวาดกลัวจนตัวสั่น
"อะ ออกแล้วเพคะ ฮึก"
เฉินเป่าหลินผินหน้าหันไปมองตามเสียง หลังม่านบางปรากฏร่างของสตรีผู้หนึ่งเดินออกมา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยหยดน้ำตา ตัวสั่นสะท้านราวกับลูกนก
'อ้าว เขาไม่ได้มองเห็นข้าหรอกหรือ' นางเปรยเบาๆ พร้อมเดินออกมาจากที่ซ่อน ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เมื่อครู่นี้นางตกใจจนปัสสาวะเกือบราด