บทที่ 1 คืนวันวาน
ณ จวนสกุลเฉิน เมืองอวี้อัน แคว้นเจวี้ยนจู
ในคืนฤดูเหมันต์อันแสนเหน็บหนาว หิมะตกโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า แสงจันทร์ส่องนวลให้ความสว่างไสว ดวงดาวพราวระยับแต่งแต้มท่ามกลางความมืดมิด ภายในห้องกว้างที่ถูกแต่งแต้มด้วยของสีแดงมงคล มีเตาไฟขนาดใหญ่กำลังลุกโชติช่วงให้ความอบอุ่น แสงเทียนจากตะเกียงส่องแสงให้ความสว่างไสว ปรากฏร่างหงส์ของสตรีผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเตียง
มือขาวอวบบีบเข้าสลับคลายออกหลายต่อหลายครั้ง ริมฝีปากจิ้มลิ้มแต้มชาดสีแดงเม้มเข้าหากันแน่น ยิ่งเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของคนที่เดินใกล้เข้ามา ก้อนเนื้อในอกซ้ายก็เต้นแรงขึ้นด้วยความตื่นเต้น
แอ๊ด!
ประตูบานไม้ถูกผลักให้เปิดออก ร่างสูงของคนผู้หนึ่งเยื้องย่างเข้ามา เฉินเป่าหลิน เงยหน้าขึ้นแลเห็นว่าคนผู้นั้นคือสามีหมาดๆของนางก็รีบก้มหน้างุด หัวใจดวงเล็กเต้นกระหน่ำราวจะหลุดออกมานอกอก
มู่หวังเหล่ย มองคนเจ้าเนื้อที่แต่งกายด้วยชุดเจ้าสาวสีแดง ก่อนจะยกยิ้มเบาๆที่มุมปาก เมื่อเห็นแก้วขาวอวบของนางเปล่งสีแดงระเรื่อ
ฟูกนอนอ่อนยวบลงทันใดเมื่อร่างสูงของมู่หวังเหล่ยนั่งลง เฉินเป่าหลินสะดุ้งขึ้นสุดตัวเมื่อท่อนแขนกำยำแนบสนิทชิดกับท่อนแขนของนาง จึงรีบขยับออกห่างอย่างรวดเร็ว ทว่าร่างสูงก็ขยับตาม เฉินเป่าหลินไม่ยอมแพ้ง่ายๆ จนกระทั่งนางขยับไปชิดขอบเตียง
มู่หวังเหล่ยเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆด้วยความขบขัน ก่อนจะเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วเพียงครั้งเดียว ร่างกำยำก็แนบชิดกับนางอีกครั้ง
"หลินเอ๋อร์ เจ้าสาวของข้า" ชายหนุ่มเอ่ยเสียงนุ่มทุ้ม จับเฉินเป่าหลินให้หันหน้ามาหา ก่อนจะใช้มือเปิดผ้าคลุมหน้าสีแดงออก
"เจ้าช่างงดงามยิ่งนัก" เอ่ยเสียงทุ้มด้วยถ้อยคำหวานหู
นิ้วใหญ่ของเขาไล้ไปตามกรอบใบหน้ากลม ที่แต้มแต่งด้วยเครื่องประทินโฉมส่งผลให้ใบหน้าดูผุดผาดยิ่งกว่าเดิม ทว่าเฉินเป่าหลินหาใช่สตรีที่มีใบหน้างดงาม ไม่ได้เป็นที่หมายปองของบุรุษ หากเป็นเฉินเหมยฉีพี่สาวของนางก็ว่าไปอย่าง อีกทั้งนางยังมีปานสีดำน่าเกลียดที่แก้มขวา ร่างกายอวบท้วมไม่น่าดูเท่าใดนัก
มือหนาเชยคางมนให้หันมาสบตา ใบหน้าคมเคลื่อนเข้าไปใกล้ ก่อนที่ริมฝีปากหนาจะแนบลงไปบนกลีบปากบาง เฉินเป่าหลินก็เบนหน้าหนีไปเสียก่อน
"คุณชายมู่ ท่านแต่งงานกับข้าแล้ว ท่านต้องรักษาคำสัตย์สาบานที่ให้ไว้กับท่านพ่อของข้าให้ได้นะเจ้าคะ"
มู่หวังเหล่ยได้ยินเช่นนั้นก็พลันชะงักไปเล็กน้อย หวนนึกถึงคำสัตย์ที่ให้ไว้กับท่านราชเลขาธิการเฉินเปาหลาง บิดาของเฉินเป่าหลินเมื่อหลายเดือนก่อน
'ข้าขอให้คำสัตย์สาบานว่าจะรักและดูแลเฉินเป่าหลินไปตราบชั่วชีวิตจะหาไม่ขอรับ' เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แววตาไม่หวั่นไหวบ่งบอกถึงความจริงใจ
เฉินเปาหลางที่นอนอยู่บนเตียงไม้ผงกศีรษะรับเบา ๆ ริมฝีปากหนาที่แห้งแตกระแหงแย้มยิ้มออกมาเล็กน้อย พยายามรวบรวมเรี่ยวแรงอันน้อยนิดยกมือขึ้นคว้าหมับไปที่ท่อนแขนกำยำของเขา
'ยะ อย่า ผะ ผิด คำ สะ สาบาน ระ เรื่องนั้น ดะ ด้วย"
'ข้ารับปากขอรับจะไม่มีวันทำให้ท่านราชเลขาธิการผิดหวังอย่างเด็ดขาด'
เฉินเปาหลางมองชายหนุ่มรุ่นลูกด้วยความซาบซึ้งใจ ก่อนจะหันไปหาบุตรสาวผู้เป็นที่รักที่นั่งอยู่ข้างๆกัน
'เจ้า มะ มี วาสนา ดี ยะ ยิ่งนัก แค่นี้ พะ พ่อก็หมดห่วงแล้ว' เขาส่งยิ้มให้บุตรสาวเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เปลือกตาจะค่อยๆปิดสนิทลง มือที่จับอยู่บนท่อนแขนของมู่หวังเหล่ยตกลงข้างตัวพร้อมกับลมหายใจที่มอดดับไป
'ท่านพ่อ! ไม่นะเจ้าคะ ฮือ กลับมาอยู่กับลูกก่อน!' เฉินเป่าหลินกรีดร้องสุดเสียง เขย่าตัวของผู้เป็นพ่อไปมา น้ำตาไหลพรากด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง
'ทำใจเถิดนะหลินเอ๋อร์ อย่างไรเจ้าก็ยังมีพี่ที่อยู่กับเจ้า พี่จะดูแลเจ้าเอง' เฉินเหมยฉีน้ำตาไหลเปื้อนใบหน้าไม่ต่างกัน แต่กระนั้นนางก็ยังพยายามทำตัวเข้มแข็ง ดึงร่างท้วมของน้องสาวมากอดแนบอก
และเพราะเหตุนี้การแต่งงานในวันนี้จึงแตกต่างจากการแต่งของสกุลอื่นๆ เพราะมู่หวังเหล่ยต้องแต่งเข้ามาที่บ้านของเจ้าสาวเพื่อมาดูแลจวนสกุลเฉินต่อจากประมุขของจวนที่ได้จากไปเมื่อสี่เดือนก่อน
"ข้าเป็นคนรักษาคำพูด หลินเอ๋อร์ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่มีวันผิดคำสาบานอย่างแน่นอน" เขาเอ่ยพลางดึงเฉินเป่าหลินเข้ามากอดแนบอก
"ข้าเชื่อใจคุณชายมู่เจ้าค่ะ จากนี้ไปข้าขอฝากชีวิตทั้งหมดไว้กับท่าน" หญิงสาวซบใบหน้าลงบนอกแกร่ง แม้ว่าการแต่งงานในครั้งนี้จะไม่ได้เกิดจากความรัก แต่เฉินเป่าหลินก็เชื่อว่าท่านพ่อของนางคงดูคนไม่ผิด บุรุษผู้นี้ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย อีกทั้งยังเป็นคนสุภาพเรียบร้อยและเฉลียวฉลาด ท่านพ่อของนางจึงไว้วางใจฝากฝังนางไว้กับเขา
"ได้ฤกษ์ดีแล้วมาดื่มสุรามงคลกันเถิด" ร่างสูงผุดลุกขึ้นยืนตรงไปยังโต๊ะไม้ ยกป้านสุราขึ้นมารินสุราใส่จอก ก่อนจะเดินกลับมานั่งลงเคียงข้างคนตัวเล็กอีกครั้ง
"ข้าจะเป็นสามีที่ดี จะรักและซื่อสัตย์ต่อหลินเอ๋อร์เพียงผู้เดียว" เขาส่งรอยยิ้มอ่อนโยนไปให้นาง พลางยื่นจอกสุราหยกเนื้อดีให้กับนาง
"ต่อจากวันนี้เป็นต้นไป ชีวิตที่เหลืออยู่ของข้าขอฝากไว้ให้กับคุณชายมู่หวังเหล่ย" นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ริมฝีปากจิ้มลิ้มคลี่ออกจากกัน คนทั้งคู่คล้องแขนเข้าหากัน ยกจอกสุราขึ้นดื่มจนหมดจอก
ครั้นเมื่อมู่หวังเหล่ยวางจอกสุราลง มุ้งผ้าดิ้นถูกปลดลงมา เฉินเป่าหลินรับรู้ได้ถึงริมฝีปากหนาที่จรดลงบนพวงแก้มสาว ก่อนที่ชายหนุ่มจะซุกซบลงบนซอกคอหอมกรุ่น ในขณะที่มือหนาของเขาค่อยๆปลดสายรัดเอวออก
"อึ่ก!" เฉินเป่าหลินใช้มือดันร่างหนาของเขาออก ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปาก อาการคลื่นเหียนตีตื้นขึ้นมาอย่างกะทันหัน
"หลินเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรไป" คนที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นสามีเอ่ยปากถามด้วยความห่วง
"ทะ ท่านพี่ ขะ ข้าหายใจไม่ออก อุ๊บ" เอ่ยยังไม่ทันขาดคำ อาการคลื่นไส้ก็ตีขึ้นมาอีกหนหนึ่ง ร่างบางผุดลุกขึ้นจากเตียงหมายจะวิ่งไปหยิบกระโถน ทว่าลุกเดินได้เพียงไม่กี่ก้าว นางก็ล้มลงไปกองกับพื้น เรี่ยวแรงที่มีหายไปจนหมดสิ้น ทำได้เพียงโก่งคออาเจียนอยู่บนพื้น
"ละ เลือด ทะ ท่านพี่ ชะ ช่วยข้าด้วย" นางร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว มองก้อนเลือดที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจ พลันไม่นานก็รับรู้ได้ถึงของเหลวหนืดข้นที่ไหลออกมาจากจมูก หู และดวงตา เมื่อลองเอานิ้วไปแตะดูก็พบว่ามันคือโลหิตสีแดงฉาน
"ฮึก ฮือ" หญิงสาวร้องไห้จนน้ำตาผสมกับเลือดสดสีแดงไหลเปื้อนเต็มหน้า เงยหน้ามองคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีด้วยสายตาที่อ้อนวอน ทว่าสิ่งที่ได้รับกลับมาคือแววตาเฉยชาของมู่หวังเหล่ย
"ชู่วววว อย่าร้องไห้ไปเลย ไม่ต้องกลัวหรอกนะ อีกไม่นานเจ้าก็จะไม่ต้องทรมานอีกต่อไปแล้ว" ร่างสูงคุกเข่าลงนั่งตรงหน้าของนาง ใช้มือเชยคางมนให้หันมาสบตา แค่เพียงเท่านั้นเฉินเป่าหลินก็รู้แล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นฝีมือของเขา!
"ท่าน ทะ ทำเช่นนี้ ปะ ไป เพื่อเหตุใด"
"เงินทอง อำนาจและแผ่นดินนี้อย่างไรเล่า"
คำตอบของเขาทำให้เฉินเป่าหลินเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มู่หวังเหล่ยกำลังคิดก่อกบฏงั้นหรือ!
"ชะ ชั่วช้า ทะ ที่ สุด"
แม้เรี่ยวแรงจะมีแค่เพียงน้อยนิดแต่นางก็พยายามรวบรวมแรงเพื่อด่าชายชั่วช้าตรงหน้า ทางด้านของมู่หวังเหล่ยได้ยินคำด่าของนาง ดวงตาของเขาก็พลันลุกวาวขึ้น
หมั่บ!
มือหนาเปลี่ยนมาบีบปลายคางอย่างแรง จนดวงหน้างามเหยเกด้วยความเจ็บ
"หากข้าเลว ท่านพ่อของเจ้าก็เลวเช่นกัน เพราะท่านพ่อของเจ้าร่วมมือกับข้ามาตั้งแต่ต้น รู้เห็นเป็นใจเรื่องราวทุกอย่าง แต่น่าเสียดายที่จิตใจของเขาโลเลไม่มั่นคง หากจิตใจของเขาแข็งแกร่งมากกว่านี้ เราคงยังร่วมงานกันต่อไปได้"
"ทะ ท่านทำ อะไร ท่านพ่อ ขะ ของข้า"
"ข้าก็ให้คนฆ่ามันอย่างไรเล่า หากเจ้าคิดไม่ถึงหรอกว่าผู้ใดเป็นคนทำ"
เฉินเป่าหลินน้ำตาไหลพรากครั้งแล้วครั้งเล่า จ้องมองคนตรงหน้าด้วยความแค้นใจ
แอ๊ด!
ประตูไม้ถูกผลักให้เปิดออกอีกหน พร้อมกับร่างบางของใครบางคนก้าวเข้ามาในห้อง นางมองไปยังคนที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นพร้อมกับเผยรอยยิ้มเยาะออกมา
"มันยังไม่ตายอีกหรือ"
"พี่สาว" เฉินเป่าหลินพึมพำเรียกชื่อพี่สาวของนางเบาๆ
"ฉีเอ๋อร์มาพอดีเลย เมื่อครู่นี้น้องสาวของเจ้ากำลังถามข้าอยู่พอดีว่าข้าทำอะไรกับท่านพ่อของนาง" มู่หวังเหล่ยลุกขึ้นเดินไปโอบเอวของเฉินเหมยฉีเอาไว้ ท่าทางสนิทสนมยิ่งกว่าคนรู้จักกันปกติทำให้เฉินเป่าหลินเริ่มรับรู้ว่าอะไรเป็นอะไร
ร่างบางของเฉินเหมยฉีเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของนาง ก่อนที่ริมฝีปากแต้มชาดสีแดงจะเอ่ยออกมา
"ข้าก็วางยาพิษฆ่ามันอย่างไรเล่า"
"ท่าน ทะ ทำแบบนี้ ดะ ได้อย่างไร เขา ปะ เป็นทะ ท่านพ่อ ขะ ของเรานะ" เฉินเป่าหลินส่ายศีรษะไปมา ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
"ข้าไม่เคยเห็นมันเป็นพ่อ มันเอาข้ามาเลี้ยงเพราะมันไม่อยากให้เจ้าเหงาก็แค่นั้นเอง มันไม่ได้รักข้าจริงๆหรอก มันทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้า ตำแหน่งฮองเฮาที่จะได้มา มันก็ตั้งใจจะยกให้เจ้า"
"ท่าน มะ หมายความวะ ว่าอย่างไร"
"ท่านพ่อของเจ้าให้การสนับสนุนข้าในการก่อกบฏ แลกกับการที่ข้ามอบตำแหน่งฮองเฮาให้เจ้าหากข้าได้ขึ้นครองราชย์แทนฉินฮ่องเต้" วาจานี้มู่หวังเหล่ยเป็นคนตอบ
"ข้าจะยอมได้อย่างไรกันในเมื่อข้ากับคุณชายมู่รักกันอยู่แล้ว" เฉินเหมยฉีเอ่ยพลางเดินเข้ามาใช้แขนคล้องคอของเขา ก่อนจะประกบจุมพิตอย่างดูดดื่ม มู่หวังเหล่ยครางเสียงแหบพร่า มือหนาบีบไปที่สะโพกงามงอนของนางผ่านเนื้อผ้า ไม่สนใจว่ามีใครกำลังมองตนอยู่
เฉินเป่าหลินอ้าปากกรีดร้องออกมาอย่างสุดเสียงด้วยความคับแค้นใจ ทว่าเสียงที่เปล่งออกมามีเพียงเสียงอืออาผ่านลอดลำคอเท่านั้น มือบางกำจิกแน่นเข้าหากัน ร่างกายเกร็งสะท้านด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะไอโขลกสำลักโลหิตออกมาอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับลมหายใจที่หมดลง ในขณะที่ดวงตายังคงจดจ้องไปยังร่างของสองหนุ่มสาวที่กำลังระเริงรักกันอย่างเร่าร้อน!