บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3【1】

ฉึก!

เสียงของลูกธนูที่พุ่งมาด้วยความเร็วและแรงปักลงไปบนขาของชายร่างใหญ่ตรงหน้าจางอี้หมิงราวกับจับวางจนต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เนื่องจากลูกธนูนั่นมีหัวเป็นตะขอ เมื่อถูกยิงว่าสร้างเจ็บปวดแล้ว การถอดออกนั้นยิ่งเจ็บปวดมากกว่า

“โอ้ย!”

เด็กน้อยที่กำลังตัวสั่นเทาเมื่อได้ยินเสียงร้องของคนร้ายก็ลืมตา ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งมุ่งตรงมาทางที่ตนเองนอนอยู่

“ท่านอ๋องน้อย เป็นเช่นไรบ้างขอรับ”

จากเสียงพูดทำให้จางอี้หมิงเงยหน้าขึ้นมองและเห็นว่าเป็นชายคนหนึ่งที่แต่งชุดสีดำทั้งตัวปิดหมดทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่ใบหน้าและเส้นผม ชายคนนั้นเอ่ยถามเด็กน้อยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล

จางอี้หมิงยังไม่ทันได้ตอบอันใดเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นคาวเลือดในปาก คาดว่าตอนที่เจ้าคนชั่วนั่นทุ่มเขาลงมาคงทำให้ปากแตกเพราะไปกระแทกกับพื้นดิน ถึงแม้ว่าจะเป็นตอนกลางคืน ไม่มีไฟคบเพลิงส่องสว่างมากมายดั่งในเมืองที่กำลังจัดงานรื่นเริง แต่ตะเกียงที่จางอี้หมิงนำมาก็มีแสงสว่างเพียงพอให้เด็กน้อยมองเห็นได้เลือนราง

“ท่านอ๋องน้อย ข้าน้อยเป็นองครักษ์หน่วยเหลียงไป๋ นาม ซาน(3) องครักษ์ส่วนตัวของหนิงอ๋องที่รับมอบหมายให้ถวายความคุ้มครองแก่ท่านอ๋องน้อยขอรับ ข้าขออภัยที่มาช้าจนทำให้ท่านอ๋องน้อยเกิดอันตราย” ชายที่อ้างตนว่าเป็นองครักษ์หน่วยเหลียงไป๋เอ่ยรายงานทีเดียวให้กับเจ้านายน้อยของตนเองได้ฟัง

เขาไม่น่าประมาทต่อหน้าที่และชะล่าใจแอบไปปลดทุกข์กลางทางเลย จะโทษก็ต้องโทษเจ้าปา (9) ที่เอาอาหารชั้นเลิศนั่นมาให้เขาได้ลองชิม ทำเช่นไรได้ในงานเทศกาลมีอาหารน่ากินเต็มไปหมด เนื่องจากกินมากไปหน่อยเขาจึงท้องเสียเข้าจนได้

เมื่อเสร็จธุระแล้วจึงออกตามหาท่านอ๋องน้อยเพื่อติดตามต่อไป แต่เขาก็เกือบหยุดหายใจเมื่อเห็นเจ้าคนร้ายนั่นยกเท้าขึ้นหวังเตะลงไปบนร่างกายของท่านอ๋องน้อย เขาจึงยิงธนูออกไปสกัดขานั้นไว้ตามสัญชาตญาณ โชคดีที่หน่วยเหลียงไป๋ถูกฝึกมาอย่างโชกโชน ความมืดเพียงเท่านี้หาได้ทำให้การยิงธนูพลาดเป้าไม่ แค่นี้ยังนับว่าเป็นเรื่องเล็กมาก ในแคว้นเหลียงใครบ้างมิรู้ว่าหน่วยเหลียงไป๋ ขึ้นชื่อเพียงใดในเรื่องของความถูกต้องแม่นยำและการรักษาความปลอดภัยให้กับเชื้อพระวงศ์คนสำคัญของแคว้น

ซานล้วงนกหวีดขึ้นเป่าเป็นทำนองสูงต่ำอยู่ไม่นาน ก็มีกลุ่มคนจำนวน 9 คน โผล่ออกมาล้อมทั้งคนร้าย เด็กบ้านซุน และจางอี้หมิงไว้

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงไม่ถึงครึ่งเค่อ หัวหน้าโจรที่เห็นลูกน้องโดนยิงด้วยลูกธนูเช่นนั้นจึงทำท่าว่าจะหนี แต่ก็ได้แค่นั้น เมื่อชายคนหนึ่งที่มาใหม่พุ่งไปจับเขาไว้พลางโยนลงไปนั่งกองกับพื้นที่มีคนร้ายอีกคนร้องโอดโอยด้วยความเจ็บนั่งอยู่

ทางด้านซุนซูลี่และซุนหมิงเย่ก็นั่งกอดกันกลมด้วยความกลัว เมื่อ

ซูลี่เห็นว่าคนที่มานั้นไม่มีเจตนาจะทำร้ายตนเป็นแน่ จึงรีบจูงมือน้องชายเดินเข้าไปหาจางอี้หมิงทันที

“หมิงหมิงน้อยเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง” ซูลี่เอ่ยถามพลางร้องไห้ออกมาเสียงดัง

“ท่านอ๋องน้อย เป็นเช่นไรบ้างขอรับ” ชายผู้มาใหม่เอ่ยถามขึ้นเป็นครั้งแรกก่อนที่จะแนะนำตนเองให้จางอี้หมิงได้ทราบ

“ท่านอ๋องน้อย ข้านามอี(1) เป็นหัวหน้าหน่วยเหลียงไป๋ กองกำลังส่วนตัวของหนิงอ๋อง ขอท่านอ๋องน้อยอย่าได้ตกใจและกลัวไปขอรับ” หัวหน้าองครักษ์อี เอ่ยอธิบายออกไป แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเขามิได้ยินเสียงใด ๆ ตอบกลับมาจากท่านอ๋องน้อยตรงหน้าเลยสักนิด

“หัวหน้า คาดว่าท่านอ๋องน้อยจะบาดเจ็บภายใน ต้องรีบพาตัวกลับจวนอ๋องโดยเร็วที่สุดขอรับ” เป็นซานที่สังเกตอาหารจางอี้หมิงและกล่าวรายงานให้หัวหน้าหน่วยทราบ

“อู่ (5) สือ (10) เจ้าสองคนจับตัวคนร้ายสองคนนั้นกลับไป พวกเจ้าที่เหลือส่วนหนึ่งไปตามหาครอบครัวของท่านอ๋องน้อยแล้วแจ้งเรื่องให้ทราบ อีกส่วนหนึ่งพาเด็ก ๆ และท่านอ๋องน้อยกลับจวนอ๋อง อย่าลืมว่าจงทำแบบเงียบ ๆ แยกย้ายกันไปได้”

หัวหน้าองครักษ์อีสั่งการเสร็จแล้วก็อุ้มจางอี้หมิงในท่าเจ้าสาวทะยานออกจากตรงนั้นเพื่อมุ่งหน้ากลับจวนอ๋อง องครักษ์ที่เหลือทำตามคำสั่งของหัวหน้าทันที คนหนึ่งอุ้มซุนซูลี่ อีกคนอุ้มซุนหมิงเย่ ที่เหลือก็คุมตัวคนร้ายกลับไป

จวนอ๋องในเมืองไห่ถังจุดไฟสว่างไสวไปทั่วทั้งจวน เมื่ออ๋องน้อยคนสำคัญของจวนได้รับบาดเจ็บหนัก จนป่านนี้ยังไม่สามารถพูดได้ หมอประจำจวนถูกเรียกตัวมารอไว้ก่อนแล้วจากสัญญาณลับที่หัวหน้าองครักษ์อีส่งออกไป

พ่อบ้านของจวนสั่งให้คนงานต้มน้ำร้อนเตรียมไว้รอท่า ทั้งผ้าขาวสะอาดอีกหลายผืน สมุนไพรต่าง ๆ ยาล้ำค่ามากมายถูกตระเตรียมไว้อย่างพรักพร้อม

เมื่อหัวหน้าองครักษ์อีอุ้มจางอี้หมิงวางลงบนเตียงใหญ่ในห้องนอนประจำที่จวนจัดไว้ให้สำหรับท่านอ๋องน้อย หมอประจำจวนและผู้ช่วยก็รีบเข้ามารับช่วงต่อทันที ทางด้านอู่ (5) กับสือ (10) นำคนร้ายไปขังไว้ สองพี่น้องบ้านซุนถลาจะตามน้องชายเข้าไปในห้องที่หมอกำลังทำการรักษาจางอี้หมิงอยู่

“พวกเจ้าสองพี่น้องอย่าได้เข้าไปรบกวนการรักษาท่านอ๋องน้อย หากเกิดความผิดพลาด หัวของเจ้าอาจจะไม่ได้ตั้งอยู่บนบ่าอีกต่อไป เหตุใดไม่ไปนั่งรอในห้องเงียบ ๆ เมื่อบิดามารดาของเจ้าตามมาจะได้เล่าเรื่องให้พวกเขาฟัง”

องครักษ์คนหนึ่งที่อุ้มพี่น้องบ้านซุนกลับมายังจวนถึงกับต้องรีบดึงตัวซุนซูลี่กับซุนหมิงเย่ไว้แล้วกล่าวเตือนเบา ๆ

“ท่านองครักษ์ต้องช่วยรักษาน้องชายหมิงให้ได้นะเจ้าคะ” ซุนซูลี่เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเทา ถึงอย่างไรนางก็เป็นเด็กสาวอายุเพียงสิบขวบปีเท่านั้น หลังจากผ่านเหตุการณ์เลวร้ายเช่นคืนนี้ก็ทำให้จิตใจไม่อยู่กับตัวแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel