ตอนที่ 3【1】
แคว้นเหลียงขึ้นชื่อว่าเป็นแคว้นที่มีขนาดใหญ่กว่าแคว้นฉินถึงเท่าตัว...
ฤดูหนาวนี้ประชาชนแคว้นเหลียงประสบปัญหาไม่ต่างอันใดกับแคว้นอื่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารที่ขาดแคลนอย่างหนัก ประชาชนล้มตายจากอากาศที่หนาวเย็นยาวนานมากกว่าปกติ ยาสมุนไพรต่าง ๆ แทบหาไม่ได้
กองกำลังเหลียงอันสมควรเดินทางออกหาซื้ออาหารจากแคว้นต่าง ๆ ตั้งแต่หนึ่งเดือนที่แล้ว ทว่ากลับไม่สามารถทำได้เนื่องจากหิมะตกหนัก รถม้าจึงไม่สามารถเดินทางได้
ณ ท้องพระโรงแคว้นเหลียง ฮ่องเต้เหลียงเจิ้งหลงนั่งประทับอยู่บนบัลลังก์มังกรทองอย่างสง่างามแต่ดวงพักตร์กลับหม่นหมอง พระองค์กำลังว่าราชการในหัวข้อการแก้ไขปัญหาเรื่องการขาดแคลนอาหารอย่างหนักของประชาชน
“ปีนี้ฤดูหนาวช่างโหดร้ายยิ่งหนัก แม้ว่าพวกเราจะวางแผนการรับมือไว้ดั่งเช่นทุกปีแต่ก็หาได้ประสบความสำเร็จไม่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไปแคว้นเหลียงคงได้ล่มสลายแน่” ฮ่องเต้เหลียงเจิ้งหลงตรัส
“ฝ่าบาท เช่นนั้นพวกเราจะทำเช่นใดกันดีเล่าพ่ะย่ะค่ะ” เสนาบดีกรมวังทูลถาม
“ในเมื่อเรื่องเงินมิใช่ปัญหาของแคว้นเหลียง เช่นนั้นพวกเราเพียงให้ทหารออกไปซื้อเสบียงมาจากแคว้นอื่น มากหน่อยเช่นนี้คงพอแก้ปัญหาได้” เสนบดีกรมคลังเสนอความเห็น
“แต่ข้าว่ามันคือการแก้ไขปัญหาแบบปลายเหตุ หากเราสามารถแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุได้คือหนทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้องที่สุดมิใช่หรือ” องค์ชายใหญ่เหลียงเฟิ่งหลงหรือเฟิ่งอ๋องตรัสเสนอความเห็น
“พี่ใหญ่พูดได้ถูกต้อง แต่ผ่านมากี่ปีแล้วก็หามีผู้ใดแก้ไขปัญหาเรื่องอาหารได้ไม่ เช่นนั้นท่านจะกล่าวขึ้นมาด้วยเหตุอันใด” องค์ชายรอง
เหลียงเว่ยหลงหรือเว่ยอ๋องคัดค้าน
“น้องรอง หากเจ้าไม่พูดอันใดมิมีผู้ใดว่าเจ้าเป็นใบ้”
“เจ้าใหญ่ เจ้ารอง พวกเจ้าก็เลิกทุ่มเถียงกันเสียที ว่าแต่เจ้าสาม
แคว้นที่เจ้าไปทำการค้าขายด้วยเป็นเช่นไรบ้าง” ฮ่องเต้ยกพระหัตถ์ขึ้นห้ามมิให้อ๋องทั้งสองทะเลาะกัน
“กราบทูลเสด็จพ่อ แคว้นฉินเป็นแคว้นที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในแถบนี้
มิเสียแรงที่ครั้งนี้กระหม่อมได้ออกไปติดต่อทำการค้านอกเมืองหลวง กระหม่อมได้เห็นวิถีชีวิตและการผลิตเสบียงอาหารที่แตกต่างกันออกไปพ่ะย่ะค่ะ หลังจากฤดูหนาวนี้ผ่านพ้น กระหม่อมจะกลับไปทันทีอีกครั้งอาจจะมีหนทางแก้ไขปัญหาเรื่องอาหารของแคว้นเหลียงได้พ่ะย่ะค่ะ” หนิงอ๋องกราบทูลด้วยความสุขุม
“เจ้าสาม เป็นความจริงเช่นนั้นหรือ ช่างเป็นข่าวดียิ่ง”
ฮ่องเต้แคว้นเหลียงถามย้ำ พระองค์ทรงพึงพอใจไม่น้อยเมื่อได้ยินว่าโอรสมีหนทางแก้ปัญหา
“กระหม่อมยังไม่สามารถให้คำตอบในครั้งนี้ได้พ่ะย่ะคะ ท่านอาจารย์เทียนอยู่ที่แคว้นฉินตลอดฤดูหนาวเพื่อทำการพิสูจน์ จนป่านนี้ยังไม่มีการส่งข่าวกลับมา หลังจากผ่านพ้นฤดูหนาวไปแล้ว กระหม่อมจะเร่งเดินทางไปยังแคว้นฉินโดยไวพ่ะย่ะค่ะ” องค์ชายเหลียงหนิงหลงกราบทูลต่อเสด็จพ่อและที่ประชุมให้ทราบโดยทั่วกัน
หลังจากนั้นหัวข้อการหารือก็ไม่มีสิ่งใดเป็นพิเศษ ทุกคนแยกย้ายกลับไปทำงานอย่างเคร่งครัด หนิงอ๋องเองก็เช่นกัน เขากำลังเดินทางกลับไปยังตำหนักของตัวเองแต่องครักษ์ขององค์ชายใหญ่เข้ามาแจ้งก่อนว่าต้องการพบ
ถัดจากนั้นไม่กี่ยาม ภายในเหลาอาหารแห่งหนึ่งของเมืองหลวง ท่านอ๋องทั้งสามใช้สถานที่แห่งนี้ในการพบปะพูดคุยและปรึกษาหารือกันอย่างลับ ๆ ในความเป็นจริงแล้วท่านอ๋องทั้งสามมิได้ไม่ถูกกันดังเช่นที่แสดงออกให้คนทั่วไปเห็น เป็นเพียงกุศโลบายของฮ่องเต้เพียงเท่านั้น
“น้องสาม เจ้าพูดจริงเช่นนั้นหรือที่ว่าอาจจะหาวิธีปลูกผักได้ในแคว้น
เหลียงของเรา” เฟิ่งอ๋องตรัสถามขึ้นด้วยพระพักตร์สดใส เรียวโอษฐ์แย้มขึ้นอย่างยินดี
“ใช่ ๆ ข้าก็อยากรู้ว่าเป็นความจริงหรือไม่” เว่ยอ๋องถามต่อ
“พี่ใหญ่ พี่รอง ข้าก็ตอบไปแล้วว่ายังไม่มีข้อสรุปใด ๆ ทั้งนั้นจนกว่าข้าจะกลับไปที่แคว้นฉินอีกครั้ง ตอนนี้ท่านอาจารย์เทียนอยู่ที่นั้นเพื่อเฝ้าติดตามผลการทดลอง หากว่าทำสำเร็จ เช่นนั้นจึงจะเป็นข่าวดีของแคว้นเรา” หนิงอ๋องตอบพระเชษฐาเสียงเรียบ
“น้องสาม หากว่าเจ้าสามารถหาวิธีสำเร็จ ความดีความชอบเช่นนี้สมควรตกเป็นของเจ้า เช่นนั้นเจ้าก็สมควรรับตำแหน่งรัชทายาท เจ้าเอาตำแหน่งนั้นไปเถิด ข้าจะได้ไม่ต้องถูกกดดันจากเสด็จแม่อีกต่อไป” เฟิ่งอ๋องตรัสขึ้นด้วยความสบายใจ
ที่ผ่านมาเหลียงเฟิ่งหลงถูกพระมารดาตีกรอบไว้แน่นหนา ทั้งความกดดันและความคาดหวัง ด้วยเพราะเป็นองค์ชายใหญ่ของแคว้น
“ข้าเห็นด้วยกับพี่ใหญ่”
“เจ้าทำความดีความชอบมากมาย มีความสามารถ สมควรรับตำแหน่งไปโดยมิต้องมีการทดสอบใด ๆ แล้ว” เว่ยอ๋องสนับสนุนความเห็นของเฟิ่งอ๋องอย่างชัดเจน
“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านก็รู้ว่าทำเช่นนั้นมิได้”
“น้องสาม เจ้าคงเป็นกังวลเรื่องเสนาบดีเฒ่าพวกนั้นใช่หรือไม่ ที่ถูกเสด็จแม่ชักใยอยู่เบื้องหลัง” เฟิ่งอ๋องเอ่ยถาม
“น้องสามเจ้ามิต้องเป็นกังวล เจ้าก็รู้ว่าพี่ใหญ่กับข้าหาได้ต้องการตำแหน่งรัชทายาทหรือขึ้นเป็นฮ่องเต้ไม่ ตำแหน่งที่เหนื่อยเช่นนั้นใครจะไปอยากได้กัน นอกจากพี่ใหญ่กับข้าแล้วก็มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่มีความเหมาะสม องค์ชายอื่นไม่อายุน้อยก็หาได้เก่งกาจมีความสามารถเช่นเจ้าไม่ ในเมื่อข้ากับพี่ใหญ่ปล่อยมือแล้ว ดังนั้นเจ้าจึงเหมาะสมที่สุด ว่าแต่พี่ใหญ่เถอะ ท่านจะทำเช่นไรให้ฮองเฮาตัดพระทัยจากท่าน”
เว่ยอ๋องบอกพระอนุชาให้สบายใจก่อนจะหันไปถาม พระเชษฐาที่กำลังมีสีหน้าลำบากใจกับคำถามของน้องชาย
พระมารดาของเหลียงเฟิ่งหลงคือฮองเฮา พระนางเป็นชาวแคว้นเหลียงอย่างแท้จริงและมิต้องการให้สายเลือดผสมของหนิงอ๋องที่มาจากแคว้นจ้าวได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ จึงบังคับผลักดันบุตรชายเข้าแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท
โดยหารู้ไม่ว่าเฟิ่งอ๋องมิต้องการแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าเขาจะได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้แต่ก็ไม่สามารถมีทายาทสืบบัลลังก์ได้ เนื่องจากตนเป็นต้วนซิ่ว
เรื่องนี้มีเพียงฮ่องเต้และองค์ชายทั้งสามเท่านั้นที่รู้ พวกเขาพยายามช่วยกันหาทางออกของเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่ก็จนใจเหลือเกินที่มิอาจแจ้งให้ฮองเฮารับทราบได้
“ถ้าหากว่าเสด็จพ่อไม่ทรงรักเสด็จแม่อย่างหาที่สุดมิได้และไม่ต้องการทำร้ายเสด็จแม่ ข้าคงสะดวกใจให้เสด็จพ่อยกตำแหน่งแก่น้องสามไปแล้ว
ข้าโชคดีที่เสด็จพ่อทรงเข้าพระทัยว่าเรื่องความรักมันฝืนกันมิได้ หากวันใดเสด็จพ่อต้องตัดพระทัยจากเสด็จแม่ทั้งที่ยังรักใคร่ เสด็จพ่อคงต้องสู้ไม่ถอยแน่” เฟิ่งอ๋องตรัสเสร็จแล้วจึงยกสุราขึ้นจิบ หวังให้ฤทธิ์น้ำเมาช่วยบรรเทาความทุกข์ในใจ
“พี่ใหญ่ข้ายังโชคดีกว่าท่านนัก แม้ไม่มีมารดามาตั้งแต่เกิด แต่ก็ได้ฮองเฮาทรงเมตตาเลี้ยงดูมากับท่าน ข้าก็ทำร้ายฮองเฮามิได้เช่นกัน พระคุณที่เลี้ยงดูมาช่างใหญ่หลวง แต่ข้าก็มิปรารถนาตำแหน่งฮ่องเต้ ข้าอยากเป็นนักเดินทาง ออกท่องเที่ยวไปทั่วหล้า” เว่ยอ๋องปรารภขึ้นมาบ้าง