ตอนที่ 3 อาหารอันใดช่างหอมเช่นนี้【1】
รถม้าของเถ้าแก่หวังวิ่งเข้ามาจอดที่หน้าบ้านสกุลจางในเวลาเช้าตรู่ไม่ขาดไม่เกินจากเวลาที่นัดหมาย วันนี้สามคนพ่อแม่ลูกสกุลจางจะเข้าเมืองไห่ถังไปด้วยกัน จางอี้หมิงเล่าเหตุการณ์เมื่อวานตอนบ่ายให้บิดาฟังเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจางอี้เทาก็เข้าใจดี
อี้หมิงยังได้เตรียมทั้งน้ำตาลผัก เกลือผัก และน้ำมันให้ท่านพ่อใส่ในตะกร้าไม้ไผ่แบกขึ้นหลังมาด้วย เด็กชายให้พี่อาคุนแวะที่เหลาซิ่งฝูเพื่อไปขอยืมตัวท่านลุงอู๋เจ๋อไปช่วยทำอาหารให้หนิงอ๋อง โดยเด็กน้อยให้เหตุผลกับท่านปู่ว่า การที่ท่านลุงอู๋ได้ทำอาหารถวายให้กับหนิงอ๋องจะทำให้ชื่อเสียงของเหลาซิ่งฝูโด่งดังยิ่งขึ้น หากว่าเป็นที่พอพระทัยของหนิงอ๋องแล้วนั้น โอกาสที่หนิงอ๋องจะสนับสนุนเหลาซิ่งฝูจึงมีมากตามไปด้วย อีกอย่าง ให้หัวหน้าพ่อครัวได้เรียนรู้ไว้ จะได้นำมาทำเป็นรายการอาหารชนิดใหม่ในเดือนถัดไป
ส่วนเหตุผลสำคัญที่จางอี้หมิงไม่ได้บอกออกไปคือ เขารู้สึกคุ้นเคยกับท่านลุงอู๋มากกว่าคนครัวของหนิงอ๋อง ถ้าเกิดว่าเขาพูดไม่เข้าหู หัวของเขาอาจจะไม่ได้ตั้งอยู่บนบ่าอีกต่อไปก็เป็นได้ พ่อครัวที่ไหนก็หยิ่งยโสทั้งนั้น โดยเฉพาะเหล่าพ่อครัวหลวงที่ทำงานใกล้ชิดราชวงศ์ ดังนั้นการทำงานร่วมกับท่านลุงอู๋เจ๋อจึงเป็นทางออกและคำตอบที่ดีที่สุด
“ท่านลุงตื่นเต้นหรือไม่ขอรับ วันนี้ท่านลุงจะได้ทำอาหารชนิดใหม่อีกแล้วนะขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยเย้าหัวหน้าพ่อครัวอย่างอารมณ์ดี เขารู้ว่าท่านลุงอู๋หลงใหลการทำอาหารเป็นที่สุด
“ลุงตื่นเต้นนิดหน่อย เกรงว่าจะทำอันใดให้เป็นที่ระคายพระทัยหนิงอ๋องน่ะสิ” อู๋เจ๋อกล่าวด้วยความวิตกกังวล แม้ปากจะบอกว่าเล็กน้อยแต่ก็มีเหงื่อผุดพรายบนใบหน้า
“ท่านลุงอู๋อย่าได้เป็นกังวลเลยขอรับ ท่านลุงเพียงแต่ทำอาหารในห้องครัว คงมิได้ออกมาพบกับหนิงอ๋อง แต่ข้านี่สิคงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่นนั้นท่านลุงอู๋ต้องทำอาหารให้สุดฝีมือนะขอรับ บางทีท่านลุงอาจจะได้รางวัลหากเป็นที่ถูกพระทัยท่านอ๋องก็เป็นได้” เด็กน้อยเอ่ยปลอบใจและให้กำลังใจไปในคราวเดียวกัน
“ท่านลุงให้คนเตรียมวัตถุดิบตามรายการนี้ด้วยนะขอรับ ได้แก่...” จางอี้หมิงบอกให้หัวหน้าพ่อครัวจัดเตรียมวัตถุดิบจากเหลาซิ่งฝูไปตามที่เขาจะต้องใช้ ที่สำคัญคือไม่ลืมให้ท่านลุงเตรียมอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการทำอาหารในครั้งนี้ด้วย
“หมิงหมิงน้อย เหตุใดต้องเอามีด หม้อ กระทะขนาดต่าง ๆ เหล่านี้ไปด้วย ที่จวนท่านอ๋องไม่มีอุปกรณ์เหล่านี้เช่นนั้นหรือ” อู๋เจ๋อเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ท่านลุง รู้จักการป้องกันไว้ดีกว่าแก้หรือไม่ขอรับ ข้าไม่รู้ว่าที่จวนหนิงอ๋องจะมีสิ่งเหล่านี้หรือไม่ พวกเราไม่ได้แบกหามไปเสียหน่อย หากไม่ได้ใช้ก็เพียงนำกลับมาเท่านั้น แต่หากว่าพวกเราไม่เตรียมไป แต่จำเป็นต้องใช้ ต้องเสียเวลากลับมาเอาที่เหลาอีก เวลาก็เหลือไม่มากในการทำอาหาร หากทำให้ท่านอ๋องเสวยพระกระยาหารช้าแล้วพระองค์ไม่พอพระทัย เหลาซิ่งฝูคงรับไม่ไหว เช่นนั้นสู้เตรียมไว้ตั้งแต่แรกดีที่สุดขอรับ”
จางอี้หมิงต้องป้องกันไว้ก่อนเพราะเขาไม่รู้จักนิสัยใจคอของท่านอ๋องผู้นี้ อะไรก็ตามให้ผิดพลาดน้อยที่สุดจะดีกว่า
“ท่านลุงให้พี่ชายหมินไปเป็นผู้ช่วยท่านลุงด้วยนะขอรับ” จางอี้ หมิงเอ่ยสำทับอีกครั้ง
เมื่อทุกอย่างลงตัว จางอี้หมิงจึงนั่งรถม้าต่อไปที่ร้านเถ้าแก่หวังเพื่อไปหาวัตถุดิบในการจัดทำหัวเชื้อน้ำตาล และจะกลับมารับอู๋เจ๋อและอู๋หมินในยามซื่อ (09.00 – 10.59) เพื่อเดินทางต่อไปยังจวนที่พักของหนิงอ๋อง
“หมิงเอ๋อร์ พ่อจะพาท่านแม่ของเจ้าไปพบเถ้าแก่เนี้ยร้านขายผ้า เจ้าอยู่พูดคุยกับเถ้าแก่หวังที่นี่เถิด พ่อกับแม่จะกลับมาให้ทันเวลาที่เจ้าจะไปรับท่านอู๋ที่เหลาซิ่งฝู เจ้าอยู่คนเดียวได้หรือไม่” จางอี้เทาแจ้งกำหนดการของตนเองและหลี่อ้าย พลางเอ่ยถามบุตรชายไปด้วย
เขาคิดดูแล้วว่าหากไปด้วยกันคงไม่ทันการณ์ หลี่อ้ายเองก็เพิ่งเข้ามาในเมืองครั้งแรก จะปล่อยให้ไปคนเดียวคงหลงทางเป็นแน่ จางอี้ หมิงเองก็พอจะเอาตัวรอดได้ด้วยความเฉลียวฉลาด อีกทั้งเถ้าแก่หวังก็เอ็นดูบุตรชายไม่น้อย เขาจึงตัดสินใจเช่นนี้
“ท่านพ่อ ข้าอยู่ได้ เชิญท่านพ่อกับท่านแม่ตามสบายขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยตอบบิดาแล้วจึงแยกตัวเดินเข้าไปที่ร้านเถ้าแก่หวัง ส่วนสองสามีภรรยาก็แยกไปร้านผ้าตามที่ได้บอกบุตรชายไว้เช่นกัน
“คารวะเถ้าแก่หวังขอรับ” จางอี้หมิงยกมือคารวะชายชราที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะคิดเงินใกล้กับประตูทางเข้าร้านขายของ
“ไม่ต้องมากพิธีหมิงหมิงน้อย เห็นอาคุนบอกว่าเจ้าต้องการหาวัตถุดิบในการทำหัวเชื้อน้ำตาลผักเช่นนั้นหรือ มีอันใดที่ข้าพอช่วยเจ้าได้หรือไม่” เถ้าแก่เจ้าของร้านเอ่ยทักทายเด็กน้อยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นและเสนอตัวช่วยเหลือด้วยความยินดี
“ขอบคุณเถ้าแก่ แต่ว่าข้าขอเดินดูก่อนนะขอรับ”
จางอี้หมิงยิ้มรับและเริ่มเดินสำรวจรายการสินค้าที่ขายภายในร้านของเถ้าแก่หวังไปทุกส่วน เมื่อสำรวจจนทั่วแล้วก็ต้องทึ่งกับรายการของในร้าน มันมีทั้งแบบที่เขารู้จักและไม่รู้จัก ด้วยความเป็นคนที่ทำอาหารมาก่อนและในภพนี้ ศาสตร์การทำอาหารยังไม่แพร่หลายมากนัก เมื่อเห็นวัตถุดิบอันใดน่าสนใจ รายการอาหารก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขาทันที
จางอี้หมิงตื่นตาตื่นใจกับสมุนไพรและเครื่องเทศต่าง ๆ ที่วางเรียงกัน พวกมันมีชื่อติดไว้ด้วย บางอย่างก็อ่านเข้าใจ บางอย่างก็ไม่เข้าใจ โชคดีที่ร่างนี้มีบิดาเป็นบัณฑิต เขาจึงได้ร่ำเรียนเขียนอ่านมาตั้งแต่เด็ก
“โอ้ เจอแล้ว เจ้าดอกเก็กฮวยสีเหลืองอยู่นี่เอง” สิ่งที่จางอี้หมิงกำลังมองหาอยู่คือดอกเก็กฮวยแห้งเพื่อนำมาใช้ทำหัวเชื้อน้ำตาลผัก
ดอกเก็กฮวยมีกลิ่นหอมและสีสันสวยงาม ในเมื่อหันมาใช้หญ้าหวานใบสดในการทำหัวเชื้อ จางอี้หมิงจึงคิดเอาสีเหลืองของดอกเก็กฮวยไปทำให้สีเขียวและกลิ่นของหญ้าหวานลดลง
“เถ้าแก่ ข้าต้องการดอกเก็กฮวยแห้งเป็นจำนวนมากในการทำน้ำตาลผัก ขอเถ้าแก่เตรียมไว้ให้พร้อมด้วยในวันที่ไปรับน้ำตาลผักทุก ๆ เจ็ดวัน ท่านต้องเอาดอกเก็กฮวยไปส่งให้ข้าที่เรือน สำหรับค่าใช้จ่ายท่านสามารถหักเอาไว้ได้เลยขอรับ”
“แล้วเจ้าต้องใช้ดอกเก็กฮวยแห้งมากเพียงไหนเล่าหมิง หมิงน้อย”
“หนึ่งพันจินขอรับ สำหรับน้ำตาลผักหนึ่งแสนไห”
“โอ้ มากถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ได้ ๆ ข้าจะได้จัดเตรียมไว้ให้” เถ้าแก่หวังอุทานออกมาแต่ก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“นายช่างเหอจะเริ่มสร้างบ้านในอีกสี่วันข้างหน้า ระหว่างนี้เถ้าแก่สามารถนำไหไปส่งไว้ที่หัวหน้าหมู่บ้านได้เลยขอรับ อีกสิบวันนับจากวันนี้ เถ้าแก่สามารถไปรับน้ำตาลผักรอบแรกได้เลย และหลังจากนั้นสามารถไปรับได้ทุกสามวันเช่นที่ผ่านมาขอรับ”
“ได้ ตกลงตามนี้”
“เถ้าแก่ ท่านสามารถจัดหาเมล็ดข้าวสาลีจำนวนมากได้หรือไม่ขอรับ” จางอี้หมิงเอ่ยถามต่อ
เมื่อครู่นี้เขาเดินผ่านมาเห็นว่ามีข้าวสาลีอยู่ แต่นั่นไม่เพียงพอกับความต้องการของเด็กน้อย
“เจ้าต้องการเมล็ดข้าวสาลีจำนวนมากไปทำไมหรือหมิง หมิงน้อย”
“ข้าอยากทำสินค้าตัวใหม่ออกมาขายน่ะขอรับ แต่มันต้องใช้เมล็ดข้าวสาลีจำนวนมาก”
“โอ้ สินค้าตัวใหม่เช่นนั้นหรือ น่าสนใจยิ่งนัก ต่อให้หายากแค่ไหนข้าก็จะหามาให้เจ้าให้จงได้ แต่ว่าเจ้าต้องการเร่งด่วนหรือไม่”
“ไม่ขอรับ ข้าจะทำหลังจากส่งน้ำตาลผักให้ท่านอ๋องเสร็จสิ้นแล้วขอรับ”
จางอี้หมิงได้คำตอบที่ต้องการแล้วจึงเดินสำรวจไปทั่วร้านขายของและจดจำไว้ว่ามีวัตถุดิบหรือสินค้าตัวไหนบ้าง เมื่อถึงเวลากำหนดที่จางอี้เทาและหลี่อ้ายกลับมาที่ร้านเถ้าแก่หวัง เด็กน้อยจึงค่อยเลิกการมองหาวัตถุดิบเพิ่ม
เมื่อสองสามีภรรยามาถึง ทุกคนจึงเดินทางไปที่เหลาอาหารซิ่งฝูเพื่อรับอู๋เจ๋อกับอู๋หมินต่อ เหลาอาหารซิ่งฝูมีรถม้าไปส่งสองพ่อครัวถึงที่หมายเพราะมีวัตถุดิบและอุปกรณ์ในการทำอาหารไปด้วยมากมาย และจะได้ไม่นั่งเบียดกันในรถม้าของเถ้าแก่หวัง
จวนที่พำนักของหนิงอ๋องอยู่ตรงบริเวณชานเมืองติดกับกำแพงเมืองและห่างจากตัวเมืองไปอีกเล็กน้อย เนื่องจากมีกองกำลังทหารจำนวนถึงห้าร้อยนายคุ้มครองเงินทองและอาหาร จึงทำให้ไม่สามารถซื้อจวนในตัวเมืองได้ด้วยข้อจำกัดของพื้นที่
รถม้าสองคันแล่นจากตัวเมืองมุ่งสู่จวนอ๋อง จางอี้หมิงดูตื่นเต้นกว่าใคร เด็กน้อยนั่งไม่เป็นสุข เขาขยับตัวขยุกขยิกตลอดเวลาจนจางอี้เทาทนไม่ไหวต้องอุ้มบุตรชายขึ้นมานั่งบนตักแล้วกอดเอาไว้
“หมิงเอ๋อร์ อย่าได้เป็นกังวล เจ้ามิได้ไปพบท่านอ๋องคนเดียว อย่าลืมว่าเจ้ายังมีบิดาและมารดามาด้วย ไม่ว่าจะเป็นใคร พ่อจะไม่ยอมให้ใครมาทำอันใดเจ้าได้ หายใจเข้าลึก ๆ ไม่ต้องประหม่า คิดเสียว่าท่านอ๋องคือท่านอา ท่านลุง ท่านปู่คนหนึ่งดีหรือไม่”
จางอี้เทาลูบแขนให้กำลังใจและเอ่ยปลอบบุตรชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ท่านพ่อ ข้ากลัวขอรับ” จางอี้หมิงซุกใบหน้าเข้าหาอกอุ่นของบิดา เขารู้สึกอุ่นใจขึ้นมาไม่น้อยเลยในอ้อมแขน
นี่สินะคือความรักของบิดามารดา อ้อมกอดที่เขาโหยหามาตลอดชีวิตของอานนท์ มันอบอุ่นและให้ความรู้สึกปลอดภัยเช่นนี้นี่เอง
“หมิงหมิงน้อย ข้าก็จะอยู่เคียงข้างเจ้าด้วยอีกคน ไม่ต้องกลัวหรอก ท่านอ๋องใจดีมาก ท่านไม่ได้ดุร้ายอันใด” เถ้าแก่หวังเอ่ยปลอบใจเด็กน้อยอีกคน เขาไม่แปลกใจเลย เด็กชายตรงหน้าต่อให้เฉลียวฉลาดแค่ไหนก็เป็นเด็กอายุเพียงห้าขวบปีเท่านั้น
เมื่อรถม้าสองคันมาถึงหน้าประตูจวนอ๋อง อาคุนจึงลงไปบอกกล่าวทหารที่ยืนรักษาการณ์อยู่ ไม่นานก็มีชายชราซึ่งคาดว่าจะเป็นพ่อบ้านของจวนอ๋องออกมาต้อนรับและให้ทุกคนเดินตามไปที่ห้องครัว
เนื่องจากตอนนี้ท่านอ๋องยังติดธุระจึงมีคำสั่งให้บ้านสกุลจางทำอาหารให้พร้อมนำขึ้นโต๊ะเสวยในยามอู่ (11.00 – 12.59) หลังจากที่เสวยเสร็จแล้วจึงจะให้คณะของเถ้าแก่หวังเข้าพบต่อไป
ด้วยข้อจำกัดมากมายทำให้เถ้าแก่หวัง จางอี้เทาและหลี่อ้ายนั่งรออยู่ที่ห้องรับรอง ไม่ได้เข้าไปที่ห้องครัวเช่นเดียวกับอู๋เจ๋อ อู่หมินและจางอี้หมิง หลี่อ้ายจึงให้กำลังใจบุตรชายแล้วมองเด็กน้อยเดินเข้าไปในครัวโดยมีจางอี้เทากุมมืออยู่ข้างๆ
“ตี้ปิน นี่คืออู๋เจ๋อ อู๋หมินและจางอี้หมิง ผู้ที่จะมาทำอาหารให้ท่านอ๋องได้เสวยในกลางวันนี้ ขอให้เจ้าอำนวยความสะดวกให้กับพวกเขาด้วย พวกท่านทั้งหลาย นี่คือตี้ปิน หัวหน้าพ่อครัวประจำจวนอ๋อง หากพวกท่านต้องการสิ่งใด ตี้ปินพร้อมช่วยเหลือ อย่าลืมเวลาที่ต้องนำอาหารขึ้นโต๊ะเสวยเล่า”
พ่อบ้านจวนเอ่ยแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายได้รู้จักกันก่อนที่จะเอ่ยกำชับถึงเวลาตั้งโต๊ะเสวยอีกครั้งแล้วเดินจากไป