ตอนที่ 3 เหลาอาหารเฟิงฟู่【1】
“ท่านแม่ ต้องการสิ่งใดหรือไม่ขอรับ” จางอี้เทาเอ่ยถามมารดาตอนเช้าในวันรุ่งขึ้น ชายหนุ่มจัดเตรียมของให้พร้อม วันนี้เขากับบุตรชายจะเข้าเมืองเพื่อเอาสูตรพะโล้แห้งไปลองเสนอขายแก่บรรดาเหลาอาหารในเมือง ตามที่ได้คุยกันไว้ตั้งแต่เมื่อวาน
“อาเทา นี่เงินหนึ่งตำลึง เจ้าเอาติดตัวไว้ ซื้อพวกเนื้อสัตว์กับเครื่องเทศและข้าวสารก็เพียงพอแล้ว อย่างอื่นยังพอมีเหลือ ถ้าเจ้าเห็นว่าสิ่งไหนดีก็ซื้อมาเถอะ เราคงต้องเริ่มเก็บสะสมเสบียงสำหรับฤดูหนาวแล้ว ถ้ารอซื้อในตอนนั้น แม่เกรงว่าราคาสินค้าอาจจะขึ้นเอา” นางหูยื่นเงินให้กับบุตรชายพร้อมกับเอ่ยสำทับอีกเล็กน้อย
“ได้ขอรับ น้องหญิงเล่า เจ้าอยากได้สิ่งใดหรือไม่” จางอี้เทารับเงินมาจากมารดาแล้วจึงหันไปถามภรรยาเสียงนุ่ม
“ท่านพี่ รอข้าสักประเดี๋ยวเจ้าค่ะ” หลี่อ้ายแจ้งสามีและเดินไปที่มุมหนึ่งสำหรับวางเสื้อผ้า นางหยิบเอาผ้าปักและถุงหอมที่เก็บพับไว้อย่างเรียบร้อยออกมาทั้งหมดที่มีอยู่ แล้วจึงกลับมาหาสามี
“ท่านพี่ ผ้าปักกับถุงหอมพวกนี้ ท่านพี่ลองเอาไปถามที่ร้านผ้าดูว่าพอจะขายได้หรือไม่ ข้านำมาด้วยตอนที่เราย้ายออกจากเมืองหลวง ก่อนหน้านี้ข้าเก็บไว้ ถ้าไม่มีเหตุจำเป็นจริง ๆ จะไม่นำออกมาขาย ตอนนี้พวกเราต้องการเงินสำหรับซื้อเสบียงตามที่ท่านแม่บอก ท่านพี่เอาไปขายเถอะเจ้าค่ะ” หลี่อ้ายยื่นห่อผ้าขนาดไม่ใหญ่มากให้กับสามี
“แต่ว่าของพวกนี้มันเป็นสินเดิมของน้องหญิงมิใช่หรือ เหตุใดถึง...” จางอี้เทามองดูผ้าในมือ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดจนจบ หลี่อ้ายก็ชิงกล่าวออกมาเสียก่อน
“ท่านพี่ ตอนนี้ครอบครัวเราต้องการเงินเพื่อนำมาซื้อเสบียงสำหรับฤดูหนาวที่จะมาถึงนี้ ของพวกนี้ถ้ามันช่วยครอบครัวเราได้ ข้าไม่เสียดาย อีกอย่าง เรากำลังจะสร้างบ้านใหม่ ยังมีสิ่งของที่ต้องซื้ออีกมาก ท่านพี่อย่าได้กังวลไปเลยเจ้าค่ะ”
หลี่อ้ายยกมือสามีขึ้นมาแล้วตบลงไปเบา ๆ เป็นการให้กำลังใจชายหนุ่มทางหนึ่ง นางรู้ว่าสามีไม่อยากขายสมบัติของภรรยา เขาอยากทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวที่ดี แต่ในตอนนี้ นางควรจะอยู่เคียงข้างเขาในฐานะภรรยา อะไรที่ช่วยได้ นางก็ยินดี
“ขอบใจน้องหญิงมาก พี่จะพยายามให้มากขึ้น พี่สัญญาว่าในอนาคต พี่จะซื้อผ้าสวย ๆ มาให้น้องหญิงได้ปักจนไม่มีที่เก็บเป็นแน่” จางอี้เทาได้แต่กุมมือภรรยาไว้แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าสิ่งของพวกนี้มีความหมายอย่างไร เขามองเพียงปราดเดียวก็รู้ถึงราคาของสิ่งในมือนี้แล้ว
ตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่หมู่บ้านหลัวถง ภรรยาของเขาก็ไม่เคยได้สวมใส่เสื้อผ้าที่สวยงาม เครื่องประดับก็เป็นเพียงปิ่นเงินเก่า ๆ อันเดียว แป้งผัดหน้าอย่าได้ถามถึง เพราะแม้แต่เงินที่จะเอาไปซื้ออาหารยังไม่มีสักอีแปะ
เพราะต้องการช่วยเหลือครอบครัวในยามยาก นางจึงนำออกมาขาย ภรรยาที่ดีเช่นนี้ เขาจะหาได้จากที่ไหนอีก อี้เทาจึงได้แต่ให้สัญญากับตนเองในใจว่าสักวันหนึ่งภรรยาของเขาต้องได้สวมใส่ชุดที่ดีที่สุด เครื่องประดับต่าง ๆ เขาก็จะไม่ให้น้อยหน้าภรรยาบ้านอื่นเป็นแน่
“ท่านพี่ ผ้าปักนี้ราคาขายไม่ควรต่ำกว่าห้าตำลึงนะเจ้าคะ เพราะข้าใช้ไหมอัคนีในการปัก ลวดลายพวกนี้ข้าก็เป็นคนออกแบบเองทั้งหมด ที่เมืองหลวงอย่างน้อยต้องได้ราคาชิ้นละเจ็ดตำลึง แต่ที่นี่ชาวบ้านหรือก็ยากจน คงขายราคานี้ไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ควรได้สักห้าตำลึงเจ้าค่ะ” หลี่อ้ายเอ่ยสำทับสามีอีกครั้ง ผ้าปักลวดลายงดงามพวกนี้เป็นสินเจ้าสาว ถือว่ามีมูลค่าพอสมควร นางไม่เสียดายถ้ามันจะช่วยครอบครัวได้
“พี่รู้แล้ว น้องหญิงไม่ต้องเป็นห่วง” อี้เทาเอ่ยตอบรับภรรยา
“ท่านพ่อ ไปกันเถอะ ถ้าหากช้าอาจจะไม่ทันเกวียนท่านลุงผินนะขอรับ” จางอี้หมิงที่ยืนมองอยู่ เห็นสองสามีภรรยาแสดงความรักกันก็ยิ่งอยากทำให้ครอบครัวร่ำรวยขึ้นในเร็ววันแทบไม่ไหว
ท่านพ่อกับท่านแม่จะต้องกลับมามั่งคั่งอีกครั้ง เขาสัญญา...
.
เมื่อบอกกล่าวกิจต่าง ๆ เสร็จ พวกเขาจึงออกจากบ้านมาที่เกวียนลุงผินเพื่อมุ่งสู่เมืองไห่ถัง การเดินทางใช้เวลาเท่าเดิมเหมือนที่เข้าเมืองมาครั้งแรก ไม่นานสองพ่อลูกบ้านสกุลจางก็มาเดินอยู่บนท้องถนน หลังจากที่จ่ายค่าผ่านเข้าประตูเมืองมาแล้ว
“หมิงเอ๋อร์ ไม่ใช่เจ้าจะเอาเกลือผักมาให้เถ้าแก่หวังดูเป็นตัวอย่างหรอกหรือ” จางอี้เทาถามบุตรชาย เขาเพิ่งนึกขึ้นได้ ตอนแรกตนเองจะถามตั้งแต่ที่บ้านแล้วแต่ก็ลืม เพราะมัวแต่ซาบซึ้งใจกับภรรยาแสนดี
“ข้าว่าจะรอไปก่อน ยังไม่เอาออกมาขายขอรับท่านพ่อ น้ำตาลผักเพิ่งขายเป็นสินค้าใหม่ ถ้าเราเอาสินค้าตัวใหม่อันอื่นออกมาใกล้กันเกินไป อาจทำให้ยอดสั่งซื้อน้ำตาลผักน้อยลง อีกอย่าง ข้ายังหาวิธีหลีกเลี่ยงปัญหาเกี่ยวกับการค้าเกลือไม่ได้ขอรับ”
“นั่นสิ พ่อลืมไป หมิงเอ๋อร์ของพ่อช่างเก่งกาจยิ่ง” จางอี้เทาเอ่ยชมบุตรชายพร้อมกับลูบศีรษะน้อย ๆ นั้นไปมาอยู่สองสามที
“ข้ารู้ขอรับว่าข้าเก่ง อิอิ”
“เจ้าเด็กขี้อวด” จางอี้เทาเปลี่ยนจากลูบผมเป็นยีผมจางอี้หมิงไปหนึ่งทีด้วยความมันเขี้ยว ช่างหลงใหลในตัวเองเสียจริงเด็กคนนี้
“เอ่อ ท่านพ่อ ท่านคงไม่ลืมเอาน้ำมันหมูกับน้ำตาลผักมาใช่หรือไม่ขอรับ” อี้หมิงถามบิดาเพื่อความมั่นใจ