บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 5 เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง

ตอนที่ 5 เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่าง

พระพักตร์คมของเจ้าชายชารีฟบึ้งตึงขึ้นทันทีที่องครักษ์รายงานว่านางแบบสาวตอบปฏิเสธที่จะมาร่วมโต๊ะเสวยอาหารกับพระองค์ในเย็นวันนี้ พระองค์ไม่เคยถูกหญิงสาวคนไหนปฏิเสธมาก่อน มีแต่จะมอบแทบเท้าของพระองค์ แล้วผู้หญิงคนนั้นถือดีมาจากไหน

“หยิ่ง! ยโส! โอหัง! นางถือดียังไงถึงกล้าปฏิเสธโอกาสทองที่ผู้หญิงทุกคน ต่างก็อยากได้!” พระสุรเสียงนั้นแข็งกร้าว เช่นเดียวกับแววพระเนตรที่ดุดัน

“นางอาจจะมีคนรักอยู่แล้วก็ได้พะยะค่ะถึงได้ปฏิเสธพระองค์ อีกอย่างนางก็เป็นแค่นางแบบธรรมดาๆไม่ได้โด่งดังอะไร อย่าไปสนพระทัยนางเลยพะยะค่ะ” ซาบาชให้ความเห็นและรับรู้ได้ถึงพลังความโกรธของชีคหนุ่ม

“นั่นแหละที่ทำให้ข้าไม่พอใจมาก เป็นแค่นางแบบธรรมดาๆ แต่กล้าหักหน้าคนอย่างข้าซึ่งเป็นถึงเจ้าชาย เจ้าคิดว่าข้าควรจะปล่อยนางไปเฉยๆ งั้นเหรอ...ข้าต้องการข้าต้องการรู้ว่านางเป็นใคร? เจ้าไปจัดการให้ข้าด้วย” รับสั่งจบมุมพระโอษฐ์ข้างหนึ่งก็ถูกยกขึ้นอย่างน่ากลัว

ซาบาชมองพระพักตร์ที่บึ้งตึงนั่นอย่างหวาดๆ เขารู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่สู้ดีนัก การถูกปฏิเสธในครั้งนี้เหมือนกับเป็นการหักพระพักตร์ และไม่ให้เกียรติกับองค์รัชทายาทหนุ่มจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แต่ความเดือดร้อนกำลังจะไปเยือนนางแบบสาวคนนั้นอย่างแน่นอน

“เฮ้อ....” นรีกานต์ถอนใจออกมาเป็นรอบที่เท่าไรของเช้านี้แล้วก็จำไม่ได้เหมือนกัน หญิงสาวรู้แต่เพียงว่ามันรู้สึกอึดอัดในใจอย่างบอกไม่ถูก และต้นเหตุมันก็มาจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้นั้นเอง เมื่อคืนเธอกะว่าจะเล่าให้รติรสกับเจ้านายหนุ่มฟัง แต่ทั้งคู่ก็ออกไปเที่ยวกันเสียก่อน เธอก็เลยไม่อยากขัดความสุขของคนทั้งคู่เพราะอีก 2 วันเจ้านายหนุ่มลูกครึ่งก็ต้องเดินทางกลับเมืองไทยแล้ว

“เป็นอะไรไปนาง ฉันเห็นเธอถอนหายใจแล้วถอนหายใจอีก มีเรื่องอะไรหนักใจนักหนาหรือไง” รติรสถามอย่างอดเป็นห่วงไม่ได้เพราะเฝ้าสังเกตอาการเพื่อนสาวมาตั้งแต่เช้าแล้ว

“ก็เมื่อวานนี้ตอนที่...” นรีกานต์กำลังจะเล่าให้เพื่อนสาวฟัง แต่ดูบิสผู้จัดการสาขาก็เข้ามาพอดีทำให้หญิงสาวต้องหยุดชะงักลงแค่นั้น

“คุณสองคนว่างไหม?” ดูบิสคลี่ยิ้มให้สองสาว

“รสมีงานเอกสารอีกนิดหน่อยค่ะ” รติรสตบมือลงบนแฟ้มเอกสารตรงหน้า

“นางว่างค่ะ ผู้จัดการมีอะไรเหรอค่ะ” นรีกานต์พยักหน้ารับพร้อมกับลุกขึ้น

“คือว่าพนักงานที่จะออกไปแจกตัวอย่างสินค้าผลิตภัณฑ์ใหม่ตามแหล่งชุมชนเกิดป่วยกะทันหันไปหนึ่งคนน่ะ ผมก็เลยอยากจะรบกวนคุณนางหน่อย” ดูบิสหันมาทางนรีกานต์พร้อมกับอธิบายเหตุผล

“ได้ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้ารับอีกครั้ง

“งั้นเดี๋ยวคุณไปขอรายละเอียดที่ฝ่ายสินค้าน่ะ”

“ค่ะ” นรีกานต์รับคำ จากนั้นดูบิสก็เดินออกไป

“ระวังตัวหน่อยนะนาง คุณโทมัสบอกว่าผู้ชายที่นี่ชอบแตะอั๋งผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงต่างชาติ” รติรสเตือนเพื่อนสาวตามที่คนรักเคยบอกไว้

“ขอบใจจ้ะ แล้วรสอยากทานอะไรไหมจะได้ซื้อมาฝากตอนขากลับ” นรีกานต์เก็บของลงใต้โต๊ะก่อนจะหันไปหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาคล้องบ่า

“ไม่ล่ะ เดี๋ยวตอนเย็นคุณโทมัสจะพาไปทานอาหารข้างนอก” รติรสบอกยิ้มๆ นรีกานต์จึงแกล้งมองค้อนและคลี่ยิ้มกว้างให้ก่อนจะเดินออกไป

หญิงสาวสวยในชุดพนักงานเข้ารูปที่กำลังยืนแจกยิ้มหวานและสินค้าตัวอย่างอยู่นั้นไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังตกเป็นเป้าสายตาจากผู้ชายถึงสองกลุ่มด้วยกัน

แววตาคมที่ซ่อนอยู่หลังกรอบแว่นสีดำหรี่ลงพร้อมกับจ้องเขม็งไปที่ร่างบางนิ่ง กรามทั้งสองข้างถูกขบเข้าหากัน ชารีฟไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่านางแบบสาวสวยที่ทำให้เขาทั้งร้อนรุ่มและเสียหน้าเมื่อวานนี้ จะเป็นเพียงพนักงานในบริษัทของเขาเอง แต่ชีคหนุ่มยอมรับเลยว่าสาวไทยนางนี้มีเรือนร่างที่เย้ายวน ดึงดูดสายตาของเพศตรงข้ามได้เป็นอย่างดีทีเดียว

“ความจริงฝ่าบาทไม่ต้องเสด็จมาก็ได้พะยะค่ะ กระหม่อมจะพาเธอผู้นี้ไปเข้าเฝ้าที่พระตำหนักเอง” ซาบาชกระซิบเบาๆเพื่อไม่ให้ผู้อื่นได้ยินสรรพนามที่ตนเองใช้ เขาเองไม่เข้าใจในตัวเจ้าชายหนุ่มเลยว่ากำลังทรงคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ เมื่อวานรับสั่งให้เขาพาตัวนางแบบสาวคนนี้ไปพบ แต่พอเขารายงานว่านางแบบสาวสวยเป็นแค่พนักงานที่บริษัทที่เพิ่งย้ายมาจากประเทศไทยก็ทรงเปลี่ยนรับสั่งทันที

“แบบนั้นมันไม่สนุกน่ะสิ ข้าต้องการเอาคืนผู้หญิงคนนี้ให้ได้อับอายต่อหน้าคนหมู่มาก ให้เธอรู้ว่าใครเป็นใคร ฮึ เป็นแค่พนักงานต่ำต้อย แต่กล้าหาญมาหยามเกียรติราชสีห์อย่างข้า” ราชนิกูลหนุ่มกระตุกยิ้มที่มุมโอษฐ์อย่างมีเลศนัย

“แต่ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกับคนรักของคุณโทมัสนะพะยะค่ะ ถ้าคุณโทมัสทราบจะไม่เป็นการดีนะพะยะค่ะ” องครักษ์หนุ่มเอ่ยเตือนอย่างเกรงว่าเพื่อนรักจะมีเรื่องบาดหมางใจกัน

“แล้วไง...เจ้าก็รู้นี่ว่าถ้าข้าต้องการจะทำอะไรแล้ว ไม่เคยกลัวสิ่งที่จะตามมา” มุมโอษฐ์หยักลึกยกขึ้นอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม

และในขณะที่สองหนุ่มต่างยศศักดิ์กำลังสนทนากันอยู่นั้นชายหนุ่มอีก 4 คนที่นั่งอยู่ทางโต๊ะด้านหลังของพวกเขาก็ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาพนักงานสาวด้วยท่าทางกรุ่มกริ่ม

“สาวต่างชาติเสียด้วยว่ะ” ชายหนวดยาวเอ่ยขึ้นเบาๆ ขณะที่เดินตรงไปหาพนักงานสาวสวย

“แบบนี้แหละที่ข้าชอบ” ชายร่างสูงยิ้มกริ่มและยกมือขึ้นลูบคางสากๆ ของตนเองเล่น สายตาหื่นกระหายจ้องไปที่ร่างบางอย่างไม่วางตา ก่อนจะเดินมาหยุดยืนข้างๆ กับพนักงานสาวแล้วคลี่ยิ้มกว้างให้

“พวกพี่ขอเหมาหมดได้ไหมจ๊ะคนสวย”

“คงไม่ได้หรอกค่ะ ทางบริษัทให้แจกให้คนละหนึ่งชิ้นเท่านั้นค่ะ” นรีกานต์ฝืนยิ้มและหยิบสินค้าตัวอย่างส่งให้ทั้งที่ไม่ชอบสายตาเล้าโลมของผู้ชายกลุ่มนี้เลยแต่มันเป็นหน้าที่ของเธอ

“แล้วมันใช้ทำอะไรล่ะจ๊ะน้องสาว” ชายร่างท้วมหนวดยาวพลิกสินค้าตัวอย่างในมือขึ้นดู ก่อนจะส่งยิ้มหวานให้หญิงสาว

“ใช้สำหรับชำระล้างจุดซ่อนเร้นของผู้ชายค่ะ เป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของทางบริษัทค่ะ ถ้าพวกพี่สนใจสามารถหาซื้อได้ตามห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศเลยนะคะ” สาวไทยอธิบายพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้าง

“ถ้างั้นชิ้นเดียวคงไม่พอหรอกจ๊ะเพราะของพวกพี่มันขนาดใหญ่” ชายคนแรกทำมือประกอบก่อนที่จะพากันหัวเราะชอบใจ นรีกานต์ข่มความโกรธของตัวเองเอาไว้พร้อมกับเตือนตัวเองในใจ

‘นับหนึ่งถึงสิบเอาไว้นรีกานต์ ใจเย็นๆ พวกเขาคือลูกค้า เย็นไว้ๆ’

“แล้วถ้าได้น้องสาวคนสวยไปช่วยล้างให้ก็ยิ่งดี ว่างหรือเปล่าล่ะจ๊ะ” ชายผิวขาวหัวเราะในลำคอพร้อมกับเอื้อมมือหยาบกระด้างหมายจะไปจับมือเรียว แต่สาวไทยก็ปัดมือใหญ่ออกอย่างแรง สร้างความไม่พอใจให้กับชายคนที่สามเป็นอย่างมาก

“เอ๊ะ! หวงตัวนักหรือไงถึงได้จับนิดจับหน่อยไม่ได้ ไม่รู้หรือไงว่าแถวนี้พวกพี่คุมอยู่ อย่าขัดใจพวกพี่ดีกว่า” สีหน้าที่ยิ้มแย้มเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงดุดันทันที

“ดิฉันไม่ทราบหรอกค่ะว่าที่นี่ใครคุมรู้แต่ว่าที่นี่เป็นที่สาธารณะทุกคนมีสิทธิ์ที่จะใช้ได้ แล้วถ้าไม่คิดจะสนใจสินค้าก็หลีกทางให้คนที่เขาสนใจเถอะค่ะ” นรีกานต์ข่มอารมณ์โมโหเอาไว้และปรับน้ำเสียงให้ราบเรียบ แต่น้ำเสียงที่ดังออกไปก็ยังฟังดูแข็งกระด้าง

“ไม่เอาน่าคนสวยอย่าเพิ่งโกรธสิเพื่อนพี่มันแค่แหย่เล่นเท่านั้น เอาเป็นว่าเดี๋ยวพวกพี่จะพาไปเลี้ยงรับขวัญก็แล้วกัน” ชายคนที่สี่ซึ่งมีรูปร่างต่ำกว่าอีกสามคนเอ่ยขึ้นพร้อมกับคลี่ยิ้มกว้าง

“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ขอตัวค่ะ” นรีกานต์บอกห้วนๆ แล้วหมุนตัวเดินหนีออกมา แต่ชายทั้ง 4 คนก็ไม่ยอมเลิกราและเดินเข้ามาขวางหน้าสาวไทยเอาไว้

“เดี๋ยวสิ ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยจะรีบไปไหนล่ะ” ท่าทางดุดันนั่นทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกกลัว ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปรอบๆ เพื่อหาทางหนีทีรอด แล้วเสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น

“ผู้หญิงเขาไม่ชอบ ก็อย่าไปก่อกวนเขาสิ!”

นรีกานต์รู้สึกใจชื้นขึ้นมาอย่างดีใจก่อนจะหันไปทางต้นเสียงและพบว่าเป็นผู้ชายร่างสูง 2 คน คนแรกใส่เสื้อยืดสีขาว สวมทับด้วยเสื้อหนังสีดำกับกางเกงยีน สวมแว่นตาสีดำไว้หนวดเล็กน้อย ส่วนอีกคนใส่เสื้อยืดสีดำกับกางเกงสียีน สวมหมวกแก๊ปสีดำ ไว้หนวดเคราตั้งแต่จอนผมลงมาจนถึงคาง

“แก 2 คนเสือกอะไรด้วยว่ะ คนเขากำลังคุยกันอยู่” ชายทั้ง 4 คนหันไปมองชายแปลกหน้าด้วยสายตาดุดัน

“ฉันก็ไม่ได้อยากยุ่งด้วยสักเท่าไรหรอกนะ แต่พอดีพวกฉันเป็นตำรวจน่ะทนเห็นพฤติกรรมเลวๆของพวกแกไม่ได้ แล้วช่วงนี้คุกก็กำลังว่างอยู่พอดี” ชารีฟมองเขม็งไปที่ชายอันธพาลทั้ง 4 คน ที่ยืนหน้าซีดตัวสั่นอยู่ด้วยแววตาขึงขัง

“เอ่อ...พวกเรา ขะ...แค่ล้อเล่นน่ะครับ มะ...ไม่มีอะไร” ชายผิวคล้ำพูดติดๆ ขัดๆ ก่อนจะวิ่งนำหน้าเพื่อนอีก 3 คนไปทางด้านหลังตึกสูง

“โธ่นึกว่าจะแน่” ซาบาชชกหมัดลงบนฝ่ามือของตนเองอย่างมันมือ

“ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยเอาไว้” นรีกานต์ก้มศีรษะลงนิดหนึ่ง ก่อนจะคลี่ยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตรให้กับชายหนุ่มทั้งสอง

“ไม่เป็นไร แต่คราวหน้าก็ควรจะหลีกเลี่ยงคนพวกนี้ให้ไกลอย่ามัวแต่ยืนส่งยิ้มหวานอยู่ เพราะพวกเขาจะคิดว่าคุณให้ท่า” คำพูดกับแววตาเย็นชาของชารีฟ ทำให้นรีกานต์ถึงกับหุบยิ้มลงทันที

“ดิฉันไม่เคยคิดจะให้ท่าใคร” สีหน้าของสาวไทยตึงเครียดขึ้น เธอคิดว่าได้เจอคนดีแล้วเชียวนะ แต่กลับมาเจอนายตำรวจปากร้ายแทน

“งั้นเหรอ...แต่รูปร่างหน้าตารวมทั้งท่าทางของคุณมันชวนให้คิดนี่นา แล้วส่วนมากผู้หญิงต่างชาติที่มาทำงานที่นี่ก็มีอาชีพเสริมเป็นผู้หญิงอย่างว่าด้วย ผมขอเตือนเอาไว้ก่อนนะว่าถ้าคุณมีอาชีพอย่างที่ผมพูดล่ะก็ผมจับคุณเข้าคุกได้นะ” ดวงตาคมสีน้ำตาลใต้แว่นตาสีดำกวาดมองไปทั่วร่างบางพร้อมกับรอยยิ้มกรุ่มกริ่ม ชารีฟนึกสนุก อยากจะแกล้งยั่วหญิงสาวตรงหน้าเล่น อยากดูสิว่าอีกฝ่ายจะทำยังไงต่อ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel