ตอนที่ 8
เหตุผลที่แอลลี่เลือกออกมาอยู่ไกลก็เพราะว่าเธอเกลียดมลพิษและปัญหาการจราจรติดขัดของเมืองหลวงซึ่งเต็มไปด้วยความแออัดยัดเยียด
ชายหนุ่มจอดรถใต้คอนโด แล้วเดินออกมาส่งเธอถึงหน้าประตูทางเข้าลิฟต์
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ”
“ด้วยความยินดีครับ”
เมื่อเสร็จจากร่ำลากัน ขณะที่แอลลี่ยกมือไหว้ขอบคุณในความมีน้ำใจของเขาที่พาเธอมาส่งจนถึงที่พัก จู่ๆ ร่างรัดรึงของหญิงสาวก็เกิดอาการซวนเซ ทำท่าคล้ายจะเป็นลม แอลลี่ถลาเข้าซบไทเลอร์ เขาคว้าร่างบอบบางเอาไว้ในอ้อมกอดได้ทันท่วงที
“แอลลี่…”
เขาเรียกด้วยความห่วงใย
หญิงสาวทำท่าคล้ายกับว่าไม่รู้สึกตัวไปชั่วขณะ
“ขอโทษค่ะ…หน้ามืดนิดหน่อยน่ะค่ะ รู้สึกเหมือนจะเป็นลมยังไงไม่รู้”
เมื่อสติคืนกลับมา แอลลี่พยายามขืนกายออกมาจากอ้อมกอดของเขา แต่ไทเลอร์ไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ในสภาพซึ่งหน้าอกของทั้งสองเบียดชิดกัน หัวใจของไทเลอร์เต้นแรงจนแอลลี่รู้สึกได้
“เป็นแบบนี้เดินไม่ไหวแน่ๆ เดี๋ยวผมประคองขึ้นไปส่งนะครับ”
เขาอาสาด้วยความเป็นห่วง ดวงตาคมกริบเหมือนสัตว์นักล่ากำลังจดจ้องจะฉีกเนื้อเหยื่อสาวด้วยความหิวกระหาย แต่แอลลี่หาได้หวั่นเกรง
“ขอบคุณค่ะ…”
แอลลี่กระตุกยิ้มเยือกเย็น ขณะซ่อนเสี้ยวหน้าเอาไว้กับแผงอกกว้างของไทเลอร์
มือเรียวของเธอเอื้อมไปเกาะแขนซึ่งรกไปด้วยเส้นขนของเขา ไทเลอร์เป็นผู้ชายที่ขนดกมาก นอกจากไรหนวดเหนือริมฝีปากและตอเคราเขียวๆ ที่โอบอยู่รอบสันกรามทั้งสองข้าง ขนที่แผงอกก็รกเลยขึ้นมาเกือบถึงคอ ยิ่งทำให้เขาดูเถื่อนดิบน่าค้นหา
แอลลี่ทำท่าออดอ้อนออเซาะได้อย่างแนบเนียน ปล่อยให้เขาประคองร่างบอบบางที่ทำท่าราวกับว่าป่วยมากนักหนา หายลับเข้าไปในลิฟต์
“ชั้นไหนครับ…”
ไทเลอร์ถามหลังจากบานประตูสีเงินปิดฉับเข้าหากัน
“ชั้นเจ็ดค่ะ”
เธอตอบเบาๆ พยายามทำใบหน้าให้ดูเซียวซีดน่าสงสาร
ไทเลอร์เอื้อมมือข้างหนึ่งออกไปกดหมายเลขชั้นบนแผงปุ่มกดลิฟต์ ขณะที่มืออีกข้างยังโอบแผ่นหลังของแอลลี่เอาไว้ในอ้อมแขนไม่ยอมปล่อย
นาทีนั้นหญิงสาวรู้สึกได้ถึงความใกล้ชิดของเธอกับเขา
ร่างกายเสียดสีกันแนบแน่น ความอบอุ่นแผ่ลามออกมาจากร่างกายใหญ่โตของไทเลอร์ จมูกเชิดรั้นของแอลลี่ได้กลิ่นอาฟเตอร์เชฟอ่อนๆ ที่กรุ่นอยู่ข้างๆ ซอกคอและตอเคราเขียวๆ ซึ่งเจ้าตัวเพิ่งโกนมาเมื่อเช้า
บานประตูสีเงินแยกออกจากกันอีกครั้ง
ไทเลอร์ประคองร่างบอบบางออกมาจากลิฟต์ ก้าวไปตามโถงทางเดินทอดยาวจนถึงหน้าประตูห้องพักของหญิงสาว
“นี่ค่ะ…”
แอลลี่ยื่นกุญแจให้เขา
“ผมช่วย…”
ชายหนุ่มไขกุญแจห้องแล้วประคองร่างอ่อนเปลี้ยเข้าไปในห้องพักซึ่งมีขนาดไม่กว้างขวางนัก
สายตาคมกริบของไทเลอร์แลสำรวจไปรอบๆ ห้อง สังเกตเห็นข้าวของเครื่องใช้และสิ่งอำนวยความสะดวกน้อยชิ้น มีเท่าที่จำเป็น แม้ห้องจะเล็กไปนิดในความรู้สึกของเขา แต่ก็ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์แบบน็อกดาวน์สมัยใหม่เพื่อประหยัดพื้นที่ในการใช้สอย
“ช้าๆ นะครับ…”
เขาพาเธอมานั่งลงบนโซฟาหนังสีดำที่ตั้งอยู่ตรงมุมห้อง จากนั้นคว้ารีโมตที่เสียบไว้ข้างผนังขึ้นมาเปิดเครื่องปรับอากาศ เพราะคิดว่าความเย็นอาจช่วยให้อาการเป็นลมแดดของหญิงสาวดีขึ้น หารู้ไม่ว่านั่นเป็นเพียงมารยาหญิง
“ขอบคุณค่ะ…เกรงใจคุณเหลือเกิน ขอบคุณที่ช่วยพามาส่งถึงห้องนะคะ”
เสียงหวานเอื้อนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
คนฟังรู้สึกได้ถึงอาการออดอ้อน แอลลี่ช่างเป็นผู้หญิงที่น่ารักเหลือเกินในสายตาของเขา
“ไม่เป็นไรครับ…คิดเสียว่าไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน อีกไม่กี่วันเราก็จะได้ร่วมงานกันแล้ว”
สายตาของไทเลอร์ฟ้องว่าเขายังไม่อยากกลับ แต่ก็พยายามบอกตัวเองให้รู้จักระงับอารมณ์เอาไว้ ใจเย็นเอาไว้ก่อน ไหนๆ เขาก็ได้รู้แล้วว่าเธอพักอยู่ที่นี่ ยังมีโอกาสอีกมากมายที่จะสานความสัมพันธ์กับหญิงสาวที่เขารับรู้ได้ถึงความร้อนแรงคนนี้
“ถ้าคุณดีขึ้นแล้วผมคงต้องขอตัว…เว้นเสียแต่ว่าคุณอยากให้ผมอยู่เป็นเพื่อน”