ตอนที่ 7
น้ำเสียงบอกความเกรงใจ
“ไม่ได้ครับ…ผมคิดว่าสภาพของคุณเปรอะเปื้อนจนต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่แล้วล่ะ เอาอย่างนี้ดีกว่า…ผมขออนุญาตไปส่งคุณที่บ้านนะครับ…คุณพักอยู่ที่ไหนครับ”
แอลลี่นึกในใจว่าคำเล่าลือในแวดวงไฮโซที่ว่าเขาคือ ‘เสือผู้หญิง’ นั้นคงไม่ผิดแน่ๆ นี่แค่เจอกันยังไม่ถึงสิบนาทีเลยด้วยซ้ำ ไทเลอร์ก็รุกเร้าถึงขั้นจะไปถึงห้องเธอให้ได้
ทว่าหญิงสาวก็มั่นใจว่าเธอไม่ใช่ลูกกวาง ไม่ใช่กระต่ายน้อยที่เงอะงะออกมาให้เสือขย้ำได้ง่ายๆ และโอกาสนี้จะเป็นสะพานที่ทอดพาเธอไปสู่ชีวิตของผู้คนในตระกูลอัครพลไพศัลย์ได้รวดเร็วขึ้น
“จะดีหรือคะ…ฉันพักอยู่ไกลนะคะ กลัวว่าจะเสียเวลาทำงานของคุณ”
เธอส่งสายตาเกรงใจออกไปให้เขารู้
“ไกลแค่ไหนก็ไม่ใช่ปัญหาครับ วันนี้ผมว่างแล้วครับ เพิ่งบอกกับเลขาฯ ไปเมื่อครู่ว่าจะไม่เข้าออฟฟิศ อืม…ถ้าคุณไม่ขัดข้องผมขอไปส่งนะครับ ท่านประธานบริษัทตัดสินใจรับคุณแล้วก็จริง แต่ผมอยากสัมภาษณ์เพิ่มเติมอีกสักนิด เอ่อ…เรียกว่าสัมภาษณ์อาจจะดูเป็นทางการไปหน่อย เอาเป็นว่าคุยกันไปพลางๆ ในรถจะดีกว่า เราจะได้รู้จักกันดีขึ้น เพราะว่างานของคุณขึ้นตรงกับผม…ถ้าได้คุยกันในรายละเอียด จะทำให้คุณเข้าใจหน้าที่รับผิดชอบได้เร็วขึ้น”
เขาทำเสียงจริงจัง
หญิงสาวรู้สึกว่าการอาสาไปส่งเธอกลายเป็นการเป็นงานขึ้นมาในทันที แม้ว่าสายตาของไทเลอร์นั้นอ่านไม่ยากว่าเขาต้องการอะไรจากผู้หญิงสวยอย่างเธอ
“งั้นก็ได้ค่ะ…”
หญิงสาวพยักหน้าน้อยๆ
“เชิญครับ”
ชายหนุ่มผายมือไปยังรถคันหรูที่วาบวับอยู่ในประกายแสงแดดของยามสาย จอดเลียบไหล่ทางห่างออกไปเพียงไม่กี่ก้าว
หญิงสาวก้าวตามร่างสูงใหญ่ไปช้าๆ
ไทเลอร์รีบอ้อมไปเปิดประตูอีกข้าง
เมื่อแอลลี่ทรุดร่างรัดรึงลงนั่งเป็นที่เรียบร้อยเขาก็ก้าวยาวๆ อ้อมหน้ารถเข้ามานั่งในตำแหน่งคนขับ สตาร์ตเครื่องยนต์แล้วรีบเลี้ยวออกไปจากประตูทางเข้าด้านหน้าโรงแรมในทันทีก่อนที่สายตาไม่พึงประสงค์ของคนรู้จักจะมาเห็นเข้าเสียก่อน เห็นได้ชัดว่าเขาค่อนข้างระมัดระวังว่าจะตกเป็นเป้าสายตา
ระหว่างทางที่นั่งรถมาด้วยกัน ไทเลอร์เป็นฝ่ายชวนแอลลี่คุยตลอดทาง อันที่จริงก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับงานอย่างที่เขาเกริ่นเอาไว้ก่อนหน้าเลยสักนิด ด้วยแต่ละคำถามที่ไทเลอร์อยากรู้ ล้วนมุ่งตรงมาที่เรื่องส่วนตัวของเธอเสียมากกว่า
“อยู่เมืองไทยมานานหรือยังครับ…”
สายตาคมชำเลืองแลมาเล็กน้อยขณะถาม
“เพิ่งมาอยู่เมืองไทยได้ปีเดียวค่ะ…พอเรียนจบแล้วได้งานทำก็ตัดสินใจมาอยู่เมืองไทย แต่ก็ไปๆ กลับๆ ระหว่างเมืองไทยกับเวียดนามค่ะ…ครอบครัวของฉันอยู่ที่เวียดนาม”
หญิงสาวรู้สึกเจ็บปวดใจเมื่อต้องเอ่ยถึงคำว่า ‘ครอบครัว’ ซึ่งทุกวันนี้มีแค่เธอกับมารดาที่น่าสงสาร
“คุณ…เอ่อ ยังโสดใช่ไหมครับ ผมหมายถึงแฟน”
ไทเลอร์ตัดสินใจถามในเรื่องที่เขาอยากรู้มาตลอดทาง อันที่จริงเขารู้แล้วว่าสถานภาพเธอโสดจากจดหมายสมัครงาน แต่ก็ยังไม่วายละลาบละล้วงอยากรู้ไปถึงเรื่องแฟน
ถ้าหากแอลลี่ไม่เคยรู้จักผู้ชายคนนี้มาก่อนจากข่าวซุบซิบในแวดวงไฮโซว่าเขาเจ้าชู้และเป็นเสือผู้หญิงตัวยง เธอคงรู้สึกตกใจที่เขาถามออกมาตรงๆ ทำเอาตั้งตัวไม่ทัน
“โสด…แต่ฉันมีแฟนแล้ว เราคบหากันได้สักพักแล้วล่ะค่ะ”
คนถูกถามตอบตามตรง
ไทเลอร์พยายามซ่อนอาการตกใจจากสิ่งที่ได้ยิน
เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลกตรงไหนไม่ใช่หรือ ถ้าผู้หญิงสวยๆ อย่างแอลลี่จะมีแฟนแล้ว
และเรื่องที่เธอมีแฟนก็ไม่ใช่เหตุผลสำคัญที่จะหยุดความต้องการของไทเลอร์ที่มีต่อแอลลี่
“แฟนคุณเป็นคนไทยหรือคนเวียดนามครับ”
น้ำเสียงของไทเลอร์เต็มไปด้วยความอยากรู้
“เวียดนามค่ะ”
“แล้วตอนนี้เขาอยู่ไหนครับ”
“อยู่ที่เวียดนามค่ะ”
เป็นคำตอบซึ่งทำให้ไทเลอร์รู้สึกโล่งอกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ครู่ใหญ่ๆ ต่อมา…
รถหรูของไทเลอร์ก็แล่นมาถึงที่พักของหญิงสาวย่านชานเมือง