ตอนที่ 6
น่าแปลกที่เขาไม่เคยรู้สึกชื่นชมผู้หญิงคนไหนเหมือนกับความรู้สึกที่กำลังเกิดกับเธอในตอนนี้
“ตายจริง…ที่แท้ก็จุดใต้ตำตอ สวัสดีค่ะคุณไทเลอร์”
เธอแกล้งทำเสียงตกใจ ก่อนยกมือขึ้นไหว้นอบน้อม
หากแต่ไม่ทันที่ไทเลอร์จะกล่าวอะไร เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน
เป็นวิไลวรรณนั่นเองที่โทรเข้ามา หล่อนรีบรายงานให้รู้ว่าพีระพงษ์ได้สัมภาษณ์แอลลี่แทนเขาไปแล้วเมื่อครู่ และตัดสินใจรับหญิงสาวเข้าทำงานเป็นที่เรียบร้อย
ไทเลอร์เหมือนมีเลขาฯ สองคน วิไลวรรณเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของพีระพงษ์ก็จริง แต่เธอจำเป็นต้องรู้รายละเอียดเกี่ยวกับตารางนัดหมายในแต่ละวันของเขาด้วยเช่นกัน แม้ว่าไทเลอร์จะมีสายสมรเป็นเลขาฯ ส่วนตัวอยู่แล้วก็ตาม
เกี่ยวกับสายสมร อันที่จริงไทเลอร์ไม่ปลื้มเธอสักเท่าไร เพราะชายหนุ่มรู้ดีว่าการที่สายสมรถูกส่งมาเป็นเลขาฯ ส่วนตัวของเขานั้นเกิดจากความเห็นชอบแบบเผด็จการทางความคิดของสโรชาซึ่งเป็นคู่หมั้นของเขานั่นเองที่ต้องการให้ช่วยจับตาดูความประพฤติของเขา ด้วยหวาดระแวงว่าเขาอาจจะเผลอไผลไปทำรุ่มร่ามกับพนักงานสาวๆ ของโรงแรมเข้าสักวัน โดยเฉพาะแผนกต้อนรับที่ต้องคัดสรรเฉพาะหญิงสาวหน้าตาสะสวยเข้ามาทำงาน
ในสายตาของไทเลอร์ นอกจากสายสมรจะไม่สวย จืดชืดไร้เสน่ห์ มิหนำซ้ำเธอยัง ‘เนิร์ด’ อีกด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอก็มีข้อดีในเรื่องสติปัญญา ทำงานเร็วและเก่งคอมพิวเตอร์
จากบุคลิกภาพของสายสมรที่ได้เห็น ไทเลอร์เดาได้ว่าตอนเป็นนักศึกษาสายสมรต้องเป็นพวกที่ไม่ชอบเข้าสังคม วันๆ หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องเรียน ถือตำราเล่มหนาๆ สวมแว่นตากรอบดำหนาเตอะ แต่งตัวเชยๆ แต่ที่สายสมรสามารถเข้ามานั่งเชิดหน้าเป็นเลขาฯ หน้าห้องของเขาได้อย่างทุกวันนี้ ก็เพราะว่าเธอเป็นญาติและเป็นเพื่อนรักของสโรชา
“โอเค…งั้นก็ดีแล้ว เอาเป็นว่าวันนี้ผมไม่เข้าออฟฟิศนะ อะไรที่นัดไว้ก็บอกให้เลื่อนไปพรุ่งนี้…ตอนบ่ายผมไม่รับโทรศัพท์”
ไทเลอร์สั่งสั้นๆ
เขานึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าการที่พีระพงษ์ตัดสินใจสัมภาษณ์แอลลี่ด้วยตัวเองนั้น…บางทีอาจจะมีเหตุผลบางอย่างซ่อนเร้นเอาไว้ ซึ่งไทเลอร์ก็พอจะรู้ทัน ด้วยสัญชาตญาณของความเป็นเสือผู้หญิง ราวกับ ‘เสือ’ เห็น ‘เสือ’ ด้วยกันเอง ทำให้เขาอดครุ่นคิดไปในทางลบไม่ได้ว่าบางทีว่าที่พ่อตาของเขาซึ่งในอดีตก็เคยสร้างวีรกรรมความเจ้าชู้จนกระฉ่อนฉาวเป็นที่เล่าลือ อาจจะเกิดความสนใจในตัวของแอลลี่ขึ้นมาก็ได้ เหมือนสุภาษิตสำนวนไทยที่ว่า ‘วัวแก่อยากกินหญ้าอ่อน’
“ค่ะ…คุณไทเลอร์”
วิไลวรรณรู้ว่าไม่ควรซักไซ้ต่อ
เมื่อวางสายจากเลขาฯ ความสนใจของชายหนุ่มก็มุ่งตรงมาที่แอลลี่ในทันที
สายตาคมกริบของเขาจดจ้องอยู่ที่ดวงหน้าสะสวย เม็ดเหงื่อที่พรมพราวอยู่ใต้ไรผมและหน้าผากนูนสวยกลับไม่ได้ทำให้ความน่าสะดุดตาและมีเสน่ห์ของหญิงสาวชาวเวียดนามคนนี้ลดน้อยลงแต่อย่างใด ในทางตรงกันข้าม แสงแดดที่สาดมากระทบพวงแก้มเรื่อละมุน ขับให้ผิวขาวผ่องยิ่งเปล่งปลั่ง ละมุนละไมไปด้วยเลือดเนื้อของวัยสาวจนเขาอยากเอื้อมมือออกไปลูบไล้สัมผัส
ไทเลอร์ยอมรับว่าเคยเห็นผู้หญิงเวียดนามสวยๆ มาก็เยอะ…แต่ไม่เคยเจอใครสวยจับจิตจับใจเหมือนแอลลี่ ยืนยันด้วยทุกเวลานาทีที่กำลังคุยกัน สายตาของเขาแทบไม่ละจากใบหน้าของเธอ
ชายหนุ่มบอกไม่ถูกว่าเพราะอะไรที่ทำให้เขาเกิดความประทับใจในตัวหญิงสาวคนนี้ตั้งแต่แรกเห็น อาจจะเป็นเพราะดวงตาสวยปนโศกคู่นั้น
แม้ว่าในบางขณะ แววในดวงตาซึ่งเปล่งประกายออกมาจะดูลึกลับ ยากเกินจะอ่านออก แต่ในความลึกเร้นนั้นก็แฝงความน่าสนใจเอาไว้ไม่น้อย…รอยยิ้มน้อยๆ ที่ผุดเผยขึ้นมาอย่างมีปริศนา ทำให้แอลลี่ดูเหมือนเด็กสาวที่แอบไปทำความผิดในเรื่องต้องห้ามจนต้องเก็บงำความลับบางอย่างเอาไว้ตลอดเวลา ความคิดอ่านที่ไม่สามารถแพร่งพรายให้ใครรู้…ยิ่งทำให้แอลลี่กลายเป็นผู้หญิงลึกลับ น่าค้นหาเสียเหลือเกินสำหรับไทเลอร์
“ดูสิ…เสื้อผ้าคุณเปรอะหมดเลย เพราะความไม่ระวังของผมแท้ๆ”
สายตาสงสารแลสำรวจเรือนร่างของหญิงสาวด้วยความรู้สึกผิด
“ถัดไปอีกป้ายรถเมล์มีปั๊มน้ำมันค่ะ…เดี๋ยวเดินไปล้างทำความสะอาดในห้องน้ำก็ได้ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
เธอรู้ว่าหลังจากกล่าวจบประโยค เขาจะต้องเหนี่ยวรั้งเอาไว้อย่างแน่นอน ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่แอลลี่คาดเอาไว้ บางทีผู้ชายเจ้าชู้อย่างไทเลอร์ก็อ่านไม่ยาก
“ได้ยังไง…ถ้าขืนปล่อยให้คุณเดินจากไปแบบนี้จะยิ่งทำให้ผมรู้สึกแย่ไปใหญ่…ขอให้ผมได้ชดใช้ที่ทำเสื้อผ้าคุณเลอะเทอะไปหมด”
เขารีบแสดงความรับผิดชอบ ทั้งที่แอลลี่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะเรียกร้องแต่อย่างใด
“ไม่เป็นไรค่ะ…เดี๋ยวฉันไปเองได้ค่ะ”