ตอนที่ 3
เขาไม่ได้สนใจในถ้อยคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านั้นเลยแม้แต่น้อย เหมือนรู้ว่าความทะเยอทะยานและความใฝ่ฝันของเขานั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าจะถูกทำลายลงด้วยลมปากของผู้คนที่ไม่มีความสำคัญต่อชีวิตของเขาเลยสักนิด
ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่สายตามองการณ์ไกลของพีระพงษ์คาดเอาไว้ไม่ผิด เพราะว่าอีกยี่สิบกว่าปีต่อมา BK Paradise Hotel ก็ตกอยู่ในมือของเขาที่กุมอำนาจบริหารแต่เพียงผู้เดียว เมื่อถึงวันที่นายธานินทร์ผู้เป็นพ่อตาชราโรยจนต้องวางมือจากธุรกิจที่เคยดูแล ทรัพย์สินมหาศาลของพ่อตาก็ตกทอดมาถึงลูกสาวในเวลาต่อมา ซึ่งรพีพรรณก็ไว้วางใจให้สามีสุดที่รักอย่างเขาเป็นคนจัดการทุกสิ่งทุกอย่างแต่เพียงผู้เดียว
ครู่ต่อมา…
ก๊อกๆ ๆ
เสียงเคาะดังขึ้นที่หน้าประตู พร้อมกันนั้นเรือนร่างบอบบางสูงระหงสะดุดตาของหญิงสาวที่มารอรับการสัมภาษณ์ ก็ปรากฏต่อหน้าชายวัยกลางคนผู้เป็นประธานของบริษัท
แวบแรกที่พีระพงษ์เงยหน้าขึ้นมอง ก็ทำให้จังหวะยกถ้วยกาแฟขึ้นดื่มถึงกับชะงักค้าง เพราะดวงหน้าหมดจดงดงามของหญิงสาวตรงหน้า ทำให้เขาฉุกคิดถึงอดีตที่เวียดนามขึ้นมาทันที ยิ่งดวงตาที่วิบวับไปด้วยหยาดแววชีวิต กำลังมองสบตาเขา ช่างคลับคล้ายคลับคลาว่าเขาเคยเห็นดวงตาคู่นี้มาก่อน จากที่ไหนสักแห่ง…ซึ่งนานมาแล้ว
ใบหน้าของหญิงสาวคนนี้สะกิดใจเขาอย่างแรง ทำให้ตะกอนอดีตที่ถูกกลบฝังเอาไว้ในความทรงจำมานานกว่ายี่สิบปีของพีระพงษ์ ถูกตีกวนขึ้นมาอีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“สวัสดีค่ะ…”
หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้อ่อนช้อย
เธอมีรูปร่างสูงระหง ใบหน้าสะสวยสะดุดตา ผิวขาวละเอียดลออสะอาดสะอ้าน ช่วงขายาวเรียว ใบหน้ารูปไข่นวลเนียน ดวงตาคมซ่อนประกายกล้า จมูกโด่งเป็นสันสวย ริมฝีปากสีแดงระเรื่อเหมือนกุหลาบแรกแย้มที่คลี่กลีบรับอรุณแรก เรือนผมสีดำสลวยยาวประบ่าส่งให้ใบหน้าซึ่งเปล่งปลั่งไปด้วยวัยสาวยิ่งสะสวยเข้าไปอีก นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นดูลึกลับ มีเสน่ห์ และทรงอำนาจ แฝงความมุ่งมั่นจนพีระพงษ์รู้สึกได้
แวบหนึ่งเขาสังเกตเห็นแววดุฉายประกายออกมาเล็กน้อย หากแต่ดวงหน้าเดียวกันนั้นก็สามารถคลี่คลายไปสู่รอยยิ้มอ่อนหวานได้อย่างเหลือเชื่อ…ขณะที่เธอเดินเข้ามาใกล้เขา
“เชิญนั่ง…”
พีระพงษ์ผายมือเชื้อเชิญ
“ขอบคุณค่ะท่าน”
หญิงสาวตอบเสียงเรียบ พลางทรุดร่างลงนั่งยังเก้าอี้อีกตัวที่ว่างอยู่ตรงหน้า แสดงความอ่อนน้อมต่อชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดสูทสีเทาภูมิฐาน เมื่อรู้จากเลขาฯ หน้าห้องว่าเขาคือประธานของบริษัทซึ่งจะเป็นคนสัมภาษณ์เธอเอง
วันนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่แอลลี่มีโอกาสได้เจอตัวจริงของผู้ชายคนนี้ คนที่มารดาของเธอเคยเล่าให้ฟังบ่อยๆ
ตัวจริงของพีระพงษ์ไม่ต่างไปจากภาพถ่ายซึ่งปรากฏอยู่ในนิตยสารจีเอ็ม แมกกาซีน ที่เขาได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ในคอลัมน์เกี่ยวกับผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจท่องเที่ยวและการโรงแรมจนเป็นที่จับตา
พีระพงษ์ในวันนี้ยังมีเค้าความหล่อเหลาไม่สร่าง แม่ร่างกายจะท้วมไปตามวัยซึ่งมากขึ้นทุกวัน แต่เขาก็ยังดูสมาร์ตและภูมิฐานสมวัย ไม่แปลกเลยที่ผู้หญิงสักคนจะหลงใหลเขาง่ายๆ
“เล่าอะไรเกี่ยวกับตัวคุณให้ผมฟังหน่อย…”
ประธานบริษัทเริ่มต้นด้วยคำถามแรก
คนถูกถามรู้ว่าเขาต้องการทดสอบเธอในเชิงจิตวิทยา จึงเริ่มแนะนำตัวว่าเธอชื่อแอลลี่ เป็นชาวเวียดนามโดยกำเนิด
หญิงสาวพยายามจะไม่เอ่ยถึงครอบครัวให้มากนัก แต่หันเหความสนใจของเขาด้วยการเล่าถึงการศึกษาและประวัติการทำงานที่ผ่านๆ มา
จากนั้นพีระพงษ์ก็ทดสอบความสามารถทางด้านภาษาด้วยการให้เธอแนะนำตัวเองในหลายๆ ภาษา ซึ่งแอลลี่สามารถพูดได้อย่างคล่องแคล่วมากกว่าห้าภาษา จริงอย่างที่วิไลวรรณได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ ว่าไทเลอร์ได้สัมภาษณ์หญิงสาวทางโทรศัพท์ไปแล้วครั้งหนึ่ง
“เกิดที่เวียดนามหรือ…”
พีระพงษ์ถามด้วยความอยากรู้ ขณะสบตากับหญิงสาว
“ค่ะ…”
คนถูกถามตอบสั้นๆ ดวงตาของเธอแฝงความทระนงเอาไว้อย่างเห็นได้ชัด
“เมืองอะไร”
“กว่างนิงห์…ย่านฮาลองค่ะ”
พีระพงษ์รู้จักเวียดนามเป็นอย่างดี BK Paradise Hotel มีสาขาอยู่ที่นั่น ‘ฮาลอง’ คือเมืองซึ่งมีพื้นที่เป็นอ่าว รู้จักกันดีในชื่อ ‘ฮาลองเบย์’ อยู่ทางตอนเหนือของเวียดนาม ใกล้ชายแดนติดต่อกับประเทศจีน
“แล้วครอบครัวล่ะ…”