ตอน 4
แม้จะมีผู้ชายหน้าตาดี หล่อลากดินสักปานใดทั้งทำงาน สถานศึกษา ตามสถานที่ต่างเธอได้เดินทางไปทำงาน มักจะส่งเกี้ยวยื่นความจำนงจีบเธอ แต่เธอหาเปิดใจให้ใครไม่ อีกอย่างไม่มีผู้ชายสักคนฝ่าด่านอรหันต์บิดาไปได้ ไอยราจึงโสดมาจนอายุยี่สิบสาม โดยไม่มีแฟนแม้จะป็อบปี้เลิฟก็ตาม ยกเว้นตอนเรียนมัทธยม เคยแอบหลงรักรุ่นพี่คนหนึ่ง เขาเป็นนักกีฬาฟุตบอลดาวเด่นประจำโรงเรียน เธอคลั่งราวกับวัยรุ่นคลั่งดารา เพียงแค่ได้มีโอกาสเดินผ่านหน้าบ้านรุ่นพี่คนนั้นเธอยังใจสั่น หน้าแดง ในขณะที่รุ่นพี่คนนั้นไม่เคยรู้เรื่องนี้แม้แต่นิดเดียว
บรรยากาศเก่าๆ ไม่มีหลงเหลือให้ไอยราได้จดจำ ตึกรามบ้านช่องผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดเข็มทอง โดยเฉพาะคอนโด ที่อยู่อาศัย บ้านหลังเล็กหลังนั้นจะอยู่ไม๊ คนร่างบางหน้าหมวยนั่งหลังเบาแอบคิดหวานเรื่อยเปื่อยเพียงลำพัง ครั้นได้หวนคิดถึววันวานยังหวานอยู่ในวัยเยาว์
“ยัยไอแกจำบ้านหลังเล็กพี่คนนั้นได้ไม๊” จู่ๆมลสิตาถามขึ้น ขณะเดียวกันไอยรายังพาตัวเองวนเวียนในความคิดภวังค์ความเก่า
“หืม กะ...แกว่าไงนะมล” สะดุ้งกับเสียงเรียก แผ่นหลังรีบดีดเด้งจากเบาะทันที
“บ้านพี่คนนั้นไง พี่นักฟุตบอลที่แกแอบปิ๊งเค้าไง”
“ยังอยู่เหรอ” เลิกคิ้วสูงหยั่งถามอาจจะได้อะไรบ้างจากปากเพื่อน มองแผ่นหลังมลสิตา ไล้สายตาไปยังเส้นทาง เวลานี้ได้เปลี่ยนแปลงไปมากกว่าเมื่อก่อนจนผิดหูผิดตา ใช่เธอจำบ้านเล็กนั้นได้ดี แต่ตอนนี้รู้สึกจะหายไปจากแผนที่ในสมองน้อยๆของเธอ
“เปล่านี่ รู้สึกพี่เค้าจะย้ายไปนานแล้วล่ะคงตั้งแต่เราเรียนจบนั่นล่ะ ฉันไม่เคยเจอพี่เค้าอีกเลยตั้งแต่เราสองคนแยกจากกัน บ้านพี่เค้าคงขายให้โครงการสร้างคอนโดด้วยล่ะมั๊ง” นิ้วเรียวมลสิตาชี้ไปตรงคอนโดหรู
“เหรอนึกว่ายังอยู่” ตอนนั้นจำได้ว่าใบหน้าหมวย ผุดรอยยิ้มได้ทุกครั้ง ตอนเดินกลับบ้าน ในทุกๆเย็นหลังเลิกเรียน วันใดได้เห็นรุ่นพี่ กับบ้านหลังน้อยของเขาปลายเขตชุมชนหนาแน่นไอยราจะเหม่อมอง และยิ้มกับตัวเองทุกครั้ง อารมย์ตอนนั้นคงตามประสาวัยรุ่นแตกเนื้อสาว
“นั่นแน๊ แอบหวังอยู่สิท่าจะได้เจอพี่เค้า ป่านนี้มีครอบครัวไปแล้วมั๊ง เรายังยี่สิบสาม พี่เค้าจะเท่าไหร่” มลสิตายกนิ้วขึ้นนับ อาวุธได้แต่มองตามสองสาวสลับกับมองเส้นทางด้วยความไม่เข้าใจ คนไม่เจอกันนานย่อมระลึกความหลังกัน เขาไม่ถือสา เวลานี้เขาคงเป็นส่วนเกินระหว่างสองสาวสินะ
“จะสามสิบแล้วนะ” มลสิตาพูดออกมาพอนับจบ
“แกยังนับอยู่หรือไงยัยมล”
“แค่เล่นๆ น่ะ” ถึงคอนโดพอดี อาวุธจอดรถ ก้าวลงอ้อมไปเปิดประตูให้มลสิตา ครั้นพอจะเอื้อมมือเปิดประตูอีกอีกบานให้ไอยราบ้าง ทว่าไม่ทัน หญิงสาวก้าวลงซะก่อน อาวุธมองตาม รู้สึกผู้หญิงคนนี้ช่างคล่องแคล่ว ท่าทีเก่งกาจ มาดผู้นำไปซะหมด อาวุธได้แต่มองตาม ไอยรายืนนิ่งข้างมลสิตาแหงนมองคอนโดที่พักมลสิตา
“ไปเร็วขึ้นไปบนห้องกัน ฉันจะสัมภาษณ์แกทุกซอกทุกมุมเลยล่ะ เรียกว่าให้สมกับความคิดถึง พี่อาอยู่ทานข้าวกับใลนะคะ ห้ามบอกว่าพี่ไม่ว่าง ห้ามบอกว่าพี่ต้องกลับไปทำงาน” ยกนิ้วเป็นเชิงห้ามชายหนุ่ม ทุกครั้งเธอมักจะได้ยินคำนี้จากปากเซ็กซี่ของชายหนุ่ม คราวนี้ มลสิตาจะไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้น ยิ่งเขาพูดน้อยเธอต้องยิ่งรุกเร้าให้หนัก
“อืม...ก็ได้จ้ะ” สั้นๆ แค่นี้ล่ะอาวุธตอบมลสิตาไป ตั้งแต่รู้จักกับแม่สาวโฉบเฉี่ยวแสนมั่นใจ มลสิตาเป็นฝ่ายพูดอยู่คนเดียว อาวุธเคลิ้มตาม จนลืมตัวกลายเป็นแฟนกับแม่สาวช่างพูดกระทั่งทุกวันนี้ ผู้บริหารเสียท่านักข่าวว่างั้นเถอะ
สองสาวได้ย่างก้าวเข้ามาถึงในพักสุดหรูภายในคอนโดหลักล้านของมลสิตา ต่างทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาตัวนุ่มสีครีมสะอาดตา ถอดเสื้อนอกคลายออกเพื่อความสบายมากขึ้น มลสิตาโทรสั่งอาหารและเครื่องดื่มสำหรับสามที่ ก่อนจะหายเข้าไปในห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดร่างกาย อากาศเมืองไทยร้อน ไม่เหมาะนักที่จะมาถึงแล้วนั่งทานอาหารได้เลย
“ไอแกไปอาบน้ำสิจะได้สบายตัว จะได้กินอาหารกัน” ส่งผ้าขนหนูให้ไอยรายังนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา ในมือถือนิตยาสารแฟชั่น พลิกดูไปมาไม่ได้สนใจอ่านเนื้อหาบนกระดาษอาบมัน
“เอ่อ แกฉันเกรงใจว่ะ แกทานอาหารกับแฟนแกเถอะ” ปรายตาไปทางชายหนุ่ม เขานั่งอ่านนิตยสารเงียบๆ คนพึ่งกลับมาคงจะอยากสวีตกัน หรืออยู่ด้วยกันเป็นส่วนตัวบ้าง ตอนนี้ไอยรากำลังคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นก้างชิ้นโตสำหรับคู่รัก
“ไม่เป็นไรฉันกับพี่อา คบกันมานานรู้ใจกัน”
“แกหายไปทำงานนานหรือยัง” ไอยราถามคนที่พยายามดึงเธอขึ้นจากโซฟา
“ครึ่งเดือน”
“นั่นล่ะ พี่เค้าคงอยากจะอยู่กับแกมากกว่าจะมีฉันเป็นส่วนเกิน”
“แต่...ฉันอยากคุยกับแก แกก็รู้แกกับฉันไม่เจอกัน 6-7 ปี แค่นี้แกให้ฉันไม่ได้หรือไงยัยไอ” มลสิตาเหลือบตาจ้องมองใบหน้าเฉี่ยวสวยตรงหน้า ยัยนี่สวยตลอดจริงๆ ทั้งที่ไม่ได้แต่งงาน ยังใสสวยขนาดนี้ เธอสิขาวจนซีด พลางสำเรืองสายตาไปทางชายหนุ่ม อาวุธไม่เคยปริปากพูดอะไร เขานิ่งและนิ่ง ไม่ว่ามลสิตาจะบอกให้เขาทำอะไร ไม่ใช่เพราะเขารักเธอมากมายนักหรอก แต่พูดไม่ทันเธอต่างหาก
“ตามสบายเถอะครับ ไม่ต้องห่วงพี่ พี่กับมลคบกันนานสนิทกันเพื่อนของมลก็เหมือนเพื่อนของพี่” เขาแทรกเสียงขึ้น คิดว่าหญิงสาวผู้มาใหม่คงเกรงใจเขาเอามากๆ จึงได้พูดแบบนั้น “เดี๋ยวทานอาหารเสร็จ พี่ว่าจะกลับ เพราะมีงานต้องทำเหมือนกัน” ตอนแรกเขาคิคจะกลับตั้งแต่ส่งสองสาวขึ้นห้อง แต่เพราะมลสิตาชวนให้อยู่รับประทานอาหารด้วยกัน เกรงเธอจะเสียใจ ยิ่งไม่ได้เจอกันนานร่วมครึ่งเดือน มลสิตาเดินทางไปทำข่าวสึนามิถึงญี่ปุ่นเขาแอบเป็นห่วงเกรงจะได้รับอันตราย จึงโทรสอบถามตลอด พอได้พบว่ากลับมาครบสามสิบสองเขารู้สึกโล่งใจ
“เอาอย่างนี้ยัยไอ ขากลับแกก็กกลับพร้อมพี่อาสิ พี่อาคะไปส่งยัยไอที่เก็ตเฮ้าส์ด้วยนะคะ ถือว่ามลฝากละกัน มลคงไปไหนต่อไม่ไหวแล้วล่ะคะ” ถือโอกาสฝากแฟนหนุ่มให้ไปส่งเพื่อนรักซะเลย สำหรับเธออยากพักจริง หากไม่ติดว่าไม่ได้เจอกับไอยรานานร่วมหลายปี ป่านนี้เธอเองคงทิ้งตัวลงนอนหลับอุตุเรียบร้อยโรงเรียนไทยไปแล้ว อีกใจหนึ่งก็ว่าจะไปส่งไอยราเอง หวังจะได้รู้ที่อยู่ที่พักของเพื่อนในยามอยู่เมืองไทย
“ทานอาหารกันเถอะค่ะ” จึงนั่งลงรับประทานอาหาร ระหว่างนั้นมลสิตา สวมวิญญาณนักข่าวสัมภาษณ์ไอยราอย่างที่ได้บอกไว้จริง หากเขียนเป็นสคริปคงยาวได้หลายหน้าเป็นแน่ หลังจากสองสาวจากกันไปมีเรื่องมากมายไม่แพ้กัน มลสิตาสอบเข้าเรียนในคณะอักษรศาสตร์เอกสื่อสารมวลชน
พอจบการศึกษาได้มีผู้ใหญ่ใจดีฝากเข้าทำงานในสถานีโทรทัศน์มีชื่ออยู่ในปัจจุบันนี้ มลสิตาดีใจที่ได้ทำงานในสายงานที่ได้ล่ำเรียนมา ตอนแรกสถานีให้เธอทำงานเป็นนักข่าวตามติดตูดดารา ไฮโซ เสนอสายงานข่าวบันเทิง
แต่งานสายนี้สำหรับมลสิตาไม่รุ่ง จึงพยายามพิสูจน์ฝีมือ ทำงานลุยๆ เช่นข่าวการเมือง ข่าวอาชญากรรม พวกจับยาเสพติดตามจับผู้ร้ายไล่ล่า มลสิตาลุยมาทุกหัวระแหง สาเหตุทำให้มลสิตาได้พบกับอาวุธคือการทำข่าวการเมือง และเรื่องมันก็ยาวๆ
ไอยราเข้าเรียนในคณะวิทยาศาสตร์ ขณะศึกษาอยู่ที่ฮ่องกง ทั้งที่บิดาต้องการให้เรียนในสาขาการบัญชี หรือบริหาร และหลักสูตรอีกมากมายนอกห้องเรียน เพื่อหวังให้สืบทอดกิจการ ไอยรามีปากเสียงทะเลาะกับบิดาแทบทุกวันเกี่ยวกับสาขาวิชาเรียนของตัวเอง
จนแล้วจนรอด บิดาผู้ทรงอำนาจ โหดเหี้ยมในสายตาลูกน้องนับห้าร้อยชีวิต กลับส่งมีแววตาอ่อนโยนต่อบุตรสาวแสนรักเพียงคนเดียว ยอมจำนนให้ไอยราศึกษาในสาขาที่ชอบได้ ทว่าจะต้องทำการตกลงกันก่อน เพื่อสืบทอดกิจการอันไม่ค่อยถูกต้องนัก ของสกุลเฉินตาม วันเวลาที่บิดาได้กำหนดไว้ ไม่มีทางบิดพลิ้วได้ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม
ทั้งไอยราและมลสิตา ผลัดกัรเล่าอัตฐะชีวิตตัวเอง หลังแยกจากกันไป ให้กันและกันฟัง โดยมีผู้ฟังที่ดีอีกคนนั่งฟังไม่มีปริปากเขาทำหน้าที่ผู้ฟังที่ดี
“มล ว่าแต่พี่อาเขาเคยพูดทันแกไม๊”
“พี่อาเขาพูดน้อย เก่งทำงาน”
“ถ้าให้ฉันเดา ที่แกได้เป็นแฟนกับพี่อาฉันว่าแกคงจีบพี่อาก่อนแน่เลย”