ตอน 3
“ฉันไม่คิดเลยว่าจะได้เจอแกที่เมืองไทย แกทำงานอะไร เรียนจบอะไร มาทำอะไรที่เมืองไทย พ่อแม่แกเป็นไงบ้าง พี่แฟนหรือยัง แก...” ตั้งแต่ไอยราย้ายไปอยู่กับครอบครัวบิดา มลสิตาไม่ได้พบกับไอยราอีกเลย ทั้งคู่สนิทกันมากในคราวเรียนมัทธยมด้วยกัน เรียกว่ายุคคอซองขาสั้น เวลาผ่านไป ทั้งคู่เติบโตเป็นสาวเต็มวัย อะไรต่อมิอะไรเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา
“โอ้ย...พอก่อนแก หายใจทางเหงือกหรือไง” อดไม่ได้จะยกมือห้ามคนกำลังถามเธอราวกับรัวปืนกล
“เออ โทษทีฉันดีใจน่ะ ว่าแต่...จะตอบคำถามได้หรือยัง”
“ยัง”
“อ้าว ทำไมล่ะฉันอยากรู้เรื่องของแกนะใจสั่นหมดแล้วเนี่ย” มลสิตายกมือทาบอกอวบตัวเองบอให้อีกฝ่ายรู้ว่าเธอกำลังใจสั่นจริงๆ
“หาที่คุยกันดีกว่านี้ดีไหม เช่นที่พัก หรือร้านอาหาร เออ ฉันถามมั่งนะ แกไปไหนมา” ไอยราแทรกถามขึ้นต่อมาหากไม่รีบถาม เกรงจะไม่ได้พูดอีก เพราะยัยคนนี้พูดเก่ง คุยเก่งขั้นเทพ ตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกันแล้วมือบางออกแรงลากข้อมือเพื่อนรักเดินไปหาที่นั่ง ไม่เป็นไรเธอไม่รีบไปไหน ที่พักมีแล้ว งานคงจะได้ทำจริงจังสัปดาห์หน้า เธอแอบหลบบิดาและมารดามาก่อนกำหนด
“ไปทำข่าว” หย่อนก้นลงนั่งพลางตอบคำถาม
“ไปทำข่าว อย่าบอกนะว่าแกเป็นนักข่าว ไม่ใช่สเปคแกนี่งานแบบนี้ ความฝันของแกมันพวกนางแบบ ดารา ไม่ใช่หรือไง ไหงพลิกผันเป็นนักข่าวได้ล่ะ” แปลกใจกับคำบอกจากปากเพื่อน ที่รู้มาไม่ใช่แบบนี้ซะหน่อย
“ความฝันกับความจริง มันไม่เหมือนกันหรอกน่ายัยไอ” มลสิตาแหงนหน้ามองฟ้า นึกถึงคำพูดเคยคุยกันไว้เล่นๆกับไอยราก่อนจะวันเรียนจบไม่กี่วัน
“แกเป็นนักข่าวจริงหรือนี่”
“อืม”
“ว่าแต่” ยังไม่ทันที่ไอยราจะได้ถามอะไรต่อ มลสิตายกมือห้ามปากกำลังจะขยับไว้เสียก่อน
“อะไรอีกล่ะ” ไอยราชะงัก มองหน้าอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
“โน่นคนมารับฉัน กำลังมาโน่นแล้ว” นิ้วเรียวชี้ไปยังทิศทางที่มีชายหนุ่ม กำลังเดินส่งยิ้มหวานมาทางมลสิตา ผู้ชายรูปร่างหน้าตา ผิวพรรณ บุคคลิกเรียกได้ว่าดีเยี่ยม ท่าทีดูเป็นผู้ใหญ่ใจดี ในสูทเนื้อดีราคาแพง
ชายหนุ่มหน้าตาดีในความคิดของไอยรา หยุดยืนยิ้มละมุน มลสิตาตรงเข้าไปยกสองแขนโอบรอบคอเขา เขย่งหอมแก้มชายหนุ่มไม่อายสายตาใคร ไอยราก้มหน้า ไม่กล้ามองภาพสองหนุ่มสาว แม้เธอจะโตเป็นผู้ใหญ่ เรียนต่างประเทศ แต่ต่างประเทศนั้นไม่ใช่ทางแถบยุโรป อีกอย่างมารดามักสอนให้เธอไว้ตัว ไม่แสดงความรักออกนอกหน้า ต่อสายตาผู้คนหมู่มาก เขาคนนั้นได้แต่ยิ้มและปรายตามาทางไอยรา สายตาเขาสงสัย มลสิตามีเพื่อนร่วมเดินได้มาด้วยหรือนี่
“มานี่ค่ะพี่อา มลจะแนะนำให้รู้จักเพื่อนรักมากของมล” ลดตัวลงมายืนในท่าปกติ ลากข้อมือหนาให้เดินตาม
“อะไรกันครับ คราวนี้มลมีเพื่อนเดินทางมาด้วยหรือครับ” เขาสงสัยปกติมลสิตา จะลุยทำงานเดี่ยว ไม่มีคู่หู ไม่มีเพื่อนร่วมเดินทาง
“เปล่าหรอกค่ะ เจอกันโดยบังเอิญ” มลสิตาฉุดข้อมือชายหนุ่มให้ขยับมาทางไอยรา
“พี่อานี่ไอยรา หรือยัยไอเพื่อนสมัยเรียนมัทธยมของมลเองค่ะ”
“ยินดีได้รู้จักครับคุณไอยรา” เขายิ้มบางส่งมือให้เธอจับ
“นี่พี่อา ชื่อจริงอาวุธ แฟนฉันเอง”
แฟน คำนี้ช่างเสียดแทงหัวใจดวงน้อยไอยรา เธอแอบคิดเข้าข้างตัวเอง อย่างน้อยคำแนะนำนั้นน่าจะเป็นเพื่อน พี่ หรืออา หรือ...
“สวัสดีค่ะคุณอาวุธ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ผู้ชายคนนี้หน้าคุ้นๆ เหมือนเคยรู้จัก มือบางยกขึ้นไหว้ชายหนุ่ม ดูยังไงเขาน่าจะอายุมากกว่าเธอ และยิ่งมลสิตาเรียกว่าพี่ด้วยแล้ว ไอยราก็ต้องเรียกพี่ เธอจ้องตาชายหนุ่มโดยไม่รู้ตัว เพราะในสมองกำลังสงสัย ถึงใบหน้าคมหล่อตรงหน้านี้
แต่ทว่ากลับนึกไม่ออกซะทีเคยผูกพันธ์กันด้วยเรื่องอะใด ตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้แต่ความรู้สึกในเวลานี้ประหลาด หวาดหวั่น ในสั่น กระแสไฟวิ่งวนรอบกาย เธอไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับบุรุษเพศคนใด แม้จะดีแสนดี หล่อบาดตาสักปานใด เขาพกพาเสน่ห์สาดชัดใส่เธอหรืออย่าง มลสิตาคงจะมีอาการแบบนี้แน่เลยตอนได้พบกับเขาใหม่ๆ ไอยราถอนหายใจเงียบ เกรงมลสิตาและชายหนุ่มตรงหน้ารับรู้
“ยัยไอ หน้าพี่อามีอะไรติดอยู่หรือไง จ้องแบบนั้นหรือว่าแกคุ้นหน้าพี่เค้า” มลสิตาสงสัยท่าที อากัปกิรยาของเพื่อน ก้มมอง ทว่าในใจไม่ได้คิดอะไรมากมาย เธอรู้ดีว่าเพื่อนรักของเธอคงไม่คิดอะไร เธอสองคนรักกันมากตอนสมัยเรียนมัทธยม ทำเรื่องห่ามๆบ้าบิ่นด้วยกัน จนได้รับฉายาสองสาวจอมแสบ เรียกว่าเข้าแก๊งไหนหัวหน้าตายเรียบ
พวกเธอสองคนทำตัวไม่เหมือนสาวๆวัยเดียวกัน ห่ามเตะต่อย ไร้ซึ่งความหวาน แต่พอโตเป็นสาว กลับหวานได้เกินคำบรรยาย แค่หน้าตานะที่เรียกได้ว่าหวาน แต่ภายในไม่มีใครรู้ ทั้งไอยราและมลสิตา ล้วนแต่มีเขี้ยวเล็บ มลสิตานั้นไม่เท่าไหร่ ไอยราสิเขี้ยวเล็บรอบตัว ไม่มีใครกล้าแหยม หากเธอคิดจะเอาจริงขึ้นมา
“เปล่านี่ไม่มีอะไร กลับกันเถอะ แกมีคนมารับแล้วนี่ ฉันขอตัว นี่นามบัตรฉัน” ไอยราพยายามสลัดความคิด มือสั่น รีบหยิบนามบัตรส่งให้มลสิตา
“อ้าว แกอย่าพึ่งไปแกมีที่พักแล้วหรือ อย่าบอกนะแกจะไปพักบ้านยาย” มลสิตารู้ดีว่าบ้านยายไอยราห่างจากใจกลางเมืองสักแค่ไหน การเดินทางแสนลำบาก ไหนจะต้องนั่งเรือ ต่อมอเตอร์ไซด์รับจ้าง นั่งสองแถว เรียกว่ากว่าจะเข้าไปถึงบ้านสวนได้ เล่นเอาเมื่อยล้า จนแทบไม่อยากทำอะไรนอกจากนอนเอาแรง
“โอ้ย ใครจะไปพักบ้านยายไกลจะตาย ฉันจองเก็ตเฮ้าไม่ไกลจากที่ทำงานไว้แล้วล่ะ อย่าห่วงเลย ไว้ค่อยคุยกันนะ ไปล่ะ” ไอยรายกมือบ๊ายบายเพื่อน เธอไม่ต้องการอยู่สบตากับชายหนุ่ม เขาทำให้เธอสั่น หมดความมั่นใจ
“ดะ...เดี๋ยว แกว่าที่ทำงาน!!” มลสิตายื่นมือรั้งร่างบางไอยราไว้ได้ทัน สงสัยกับคำว่าที่ทำงาน “แกทำงานอะไร”
“ฉันเดินทางมาทำงานในนามของรัฐบาลฮ่องกง” ไอยราจำต้องชะงักเท้า รีบตอบเพื่อนออกไป
“งั้นๆ เอาอย่างนี้ยัยไอ ไปที่คอนโดฉัน ฉับกับแกจะได้คุยกัน ฉันคิดถึงแกมากจะรีบชิ่งหนีไปไหน ที่สำคัญฉันอยากรู้เรื่องแก จากกันตั้งหลายปีมีหรือฉันจะปล่อยแกไป” คราวนี้มลสิตาจึงออกแรงรั้งร่างบางของเพื่อนไว้
“ฉันว่าแกคงจะไม่...สะดวก” ปรายตามองชายหนุ่ม ยืนเด่นข้างๆมลสิตา เขาคงต้องการอยู่กับมลสิตาตามลำพัง
“สะดวกสิ ทำไมจะไม่สะดวกนานๆฉันกับแกจะมีโอกาสเจอกัน ใครจะคิดจะได้เจอแก” กุมมือบางเพื่อนไว้กลัวอีกฝ่ายรีบชิ่ง มลสิตารู้ดีว่าไอยรากำลังคิดเกรงใจเธออยู่ในขณะนี้ เธอจึงหันมองชายหนุ่ม ผู้กุมหัวใจเธอตั้งแต่แรกพบ “พี่อาให้ไอไปกับเราด้วยนะคะ เราสองคนไม่ได้เจอกันหลายปีแล้ว คิดถึงยัยนี่สุดๆเลยค่ะ”
“ตามใจมลสิจ๊ะ พี่ยังไงก็ได้”
“พี่อาอนุญาติแล้ว ไปด้วยกันนะไอ แกห้ามปฏิเสธ ชอบนักปฏิเสธเวลาเพื่อนอยู่กับผู้ชาย”
“อืม” ทำท่าครุ่นคิดนิดหนึ่ง ก่อจจะเอ่ยปากตอบรับ ไอยราเองก็ต้องการอยู่คุยกับมลสิตาไม่ต่างกัน ติดตรงที่เธอแพ้แววตาคมขรึมจากผู้ชายพึ่งพบกันคนนี้ แววตานั้นซ่อนความผูกพันธ์ล้ำลึกยากที่ไอยราเองจะเข้าใจ
ทั้งสองสาวตกลงกันได้ ว่าจะเดินทางไปยังคอนโดมลสิตา โดยมีสารถีคือแฟนหนุ่ม มาดเนี๊ยบนิ่ง ของมลสิตาขับรถไปส่ง ไอยรานั่งเบาะหลัง ระหว่างทางพลางคิดในใจรู้จักคุ้นเคยกับผู้ชายคนนี้ที่ไหน เมื่อไหร่ ความคิดนั้นเล่นเอาใจสั่น แปลกจริง ทำไมใจสั่น ไอยราสงสัยตัวเอง แฟนเพื่อนนะ ท่องไว้ จะใจสั่นกับแฟนเพื่อนไม่ได้ ปกติไม่เคยใจสั่นกับใคร