ตอน 5
“หืม ทำไมแกรู้ล่ะ” ทำตาโต กับคำพูดนั้น ยัยนี่หยั่งรู้นิ่งกว่าแม่หมอฟันธงซะอีก
“หรือไม่จริง ตั้งแต่มาฉันเห็นพี่อาพูดไม่กี่คำ”
“ยอมรับก็ได้ ฉันน่ะพูดจนพี่เค้าตามไม่ทัน ตกลงเป็นแฟนฉันอย่างละม่อม”
“พี่ตกกระไดพลอยโจนน่ะครับ” ฝ่ายที่ถูกพาดพิง กล่าวยิ้มๆ ความจริงมลสิตาก็น่ารักในแบบฉบับของเธอ ทำไงได้อาชีพเธอส่งให้เธอพูดเยอะ
“เอ๊ะ พี่อานี่” ยกฝ่ามือบางตีเพี๊ยะลงบนหลังมือชายหนุ่ม ไอยรามองตาม ช่างเป็นภาพน่ารัก ในสายตา เธอไม่เคยได้มีโอกาสสนิทกับผู้ชายไม่ว่าคนใด้ ยกเว้นเฮียเฉินจวิ่นอี้ ลูกชายตั่วเจ็กเฉินหม่าตงเท่านั้น ด้วยกฎเหล็กของบิดาคุมเข้ม ไม่ยอมให้ผู้ชายหน้าไหน ได้มีโอกาสเข้าใกล้บุตรสาวสุดหวง เฉินจวิ่นอี้ เป็นเพื่อนเล่น เที่ยว ฝึกวิชาทุกแขยงนอกห้องเรียนด้วยกัน หลังเลิกเรียนและวันหยุด เธอฝึกหนักตลอดระยะเวลาห้าปี ด้วยคำพูดจากปากบิดาติดอยู่ในหัวในหู ในจิตวิญญาณ รวมทั้งทุกรูขุมขน
“อาหงส์ ลื้อต้องเป็นหงส์นั่งบนบัลลังก์มังกร อย่างสง่าผ่าเผย ลื้อต้องทำหน้าที่แทนอั้วในฐานะทายาทเพียงคนเดียว อั๊วมีลื้อสืบสกุบเพียงคนเดียว ไม่จำเป็นไม่ต้องมีมันหรอกแฟนน่ะ”
“ปล่อยให้พี่เขาพูดบ้างเถอะ” กล่าวด้วยอารมย์ดี รู้เสมอว่ามลสิตาสามารถพูดให้ลิงสลับหรือสลบได้ เหมาะกับการเป็นนักข่าวที่สุดแม้ความฝันวัยรุ่น วัยเด็กจะไม่เป็นเช่นนั้น
“เออ ยัยไองั้นที่แกมาเมืองไทยก็มาทำงานให้กระทรวงวิทยาศาสตร์สิ”
“อืม รัฐบาลส่งจดหมายไปเชิญตัวฉันมาให้ทำงานกับทีมวิจัยหลายๆประเทศซึ่งจะเดินทางมาทำงานร่วมกันกับงานวิจัย ปรมาณูเพื่อสันติภาพ”
“โห เท่วะแก นักวิทยาศาสตร์ มิน่าตอนมัธยม แก่ท็อปวิชาวิทยาศาสตร์ทุกเทอมเลย ว่าแต่แกไม่มีปัญหากับเตี่ยหรือไง” มลสิตาเคยรู้จากปากไอยราเมื่อตอนเรียน ม.6 บิดาของไอยราต้องการให้บุตรสาวเพียงคนเดียวสืบทอดกิจการ หวังให้เรียนบัญชีหรือบริหารเพื่อจะได้นำไปบริหารกิจการงานต่างๆของครอบครัว ลึกๆแล้วมลสิตาไม่ค่อยรู้เรื่องกิจการในครอบครัวเพื่อนนัก
ทราบแต่เพียงว่าบิดาไอยรารวยมหาศาล มหาอำนาจแผ่ไพศาลทั่วฮ่องกง มลสิตาเคยเจอบิดาของเพื่อนเพียงครั้งเดียวตอนเดินทางมารับในวันจบการศึกษา มลสิตาเพียงยกไม้ไหว้ มาดของท่านไม่ต่างอะไรกับหนังจีนที่บิดาชอบดู ที่สำคัญถึงแม้จะอายุมากแล้วแต่ยังหล่อเฟี้ยวหาหนุ่มเสมอเหมือนเลยทีเดียว
“จะเหลือเหรอ ฉันน่ะทะเลาะกับเตี่ยทุกวัน จนฉันขึ้นปีสอง เตี่ยถึงยอมหยุด คงรู้ว่าฉันไม่ยอมแน่ๆ” ไอยรานึกถึงข้อตกลงระหว่างเธอกับบิดา ไม่อยากให้ถึงเวลานั้นเล๊ย
หลังจากสาวสองได้พูดคุยกันพอหอมปากหอมคอ ไอ้ที่ว่าหอมปากหอมคอก็ใช้เวลาหลายชั่วโมง ไอยรายกข้อมือดูเวลา ตั้งแต่บ่ายยันสามทุ่ม เธอตั้งใจพอมาถึงเมืองไทยจะโทรกลับไปหามารดาทันที ป่านนี้สามทุ่มยังไม่ได้โทรทางนั้น คงนอนหลับสบายไร้กังวลเรียบร้อยแล้ว เพราะเวลาเมืองไทยช้ากว่าเวลาฮ่องกง ไว้พรุ่งนี้ค่อยโทรคง อาจจะถูกสวดนิดหน่อย ก็แค่สามชั่วโมงเท่านั้น ไว้ค่อยเตรียมสำลีอุดหูละกัน
“แก...วันหน้าค่อยคุยกันนะ ฉันยังไม่กลับฮ่องกงวันนี้พรุ่งนี้หรอก ฉันอยากกลับที่พักแล้วล่ะ” บอกเพื่อนไปแบบนั้นทว่าแววตากลับปรายไปทางชายหนุ่มมาดนิ่ง
“ยังไม่หายคิดถึงเลยแก พักกับฉันที่นี่ซักคืนสิ” มลสิตาอ้อนเพื่อนวัยเยาว์ นานมากแล้วเธอห่างหายจากเพื่อนๆ คงจะมีแต่เพื่อนวัยทำงาน แต่อย่างว่าต่างคนต่างทำงานหนัก ยิ่งเธอแล้วอยู่ไม่เป็นที่ การได้อาวุธเป็นแฟนถือว่าโชคดีเพราะเขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ เสมอต้นเสมอปลายทั้งที่ความจริงเธอเองเป็นฝ่ายจีบเขาก่อน ทว่าเวลาผ่านพ้นไปเขาก็ไม่เคยทำให้เธอเสียใจเสียความรู้สึก
“ไว้วันหน้านะแก ฉันเกรงใจแฟนแกด้วย ดูสิมองค้อนใหญ่เลย” ฝ่ายโดนกล่าวพาดพิงกลับนิ่งไม่รีบร้อน ใช่จะไม่คิด คนเงียบๆนั่ นล่ะเข้าใจยาก เขายังคงยิ้มบางส่งให้สองสาวได้สบายใจ อาการแบบนี้เขาเรียกว่ายังถึงกับอึดอัดนัก นักธุกิจมีเวลาอยู่กับแฟนนานขนาดนี้ เขาคงจะคิดถึงมลสิตาน่าดู
ไอยราแอบคิด เธอน่าจะไปได้แล้ว ปล่อยให้สองคนนี้ได้อยู่ด้วยกัน เธออาจจะได้อานิสง การทำตัวเป็นก้างไม่ได้บุญสักนิด พอได้สบตากับชายหนุ่มแว๊บ ร่างบางกลับรู้สึกได้ถึงแรงปรารถนาประหลาดแผ่ซ่าน ความรู้สึกคุ้นนั่นคืออะไรกันแน่ หรือว่าระหว่างเธอกับเขามีบางสิ่งบางอย่างยึดกันไว้ตั้งแต่อดีตยาวนานสู่ปัจจุบัน หากแต่หญิงสาวไม่รู้แน่ชัดคืออะไรกันแน่
เงาลางๆ ซ้อนทับอยู่นั้นคืออะไรกัน เขาช่างลึกลับเงียบขรึมแววตาเปี่ยมเสน่ห์ แววตาแบบนั้นเธอเคยเห็น มีแค่บิดาไอยราคนเดียวเท่านั้น อบอุ่น นุ่มลึก ลึกลับ ซับซ้อน เขากำลังสะกดเธอด้วยความหวาดหวั่น ความต้องการซ่านซึ่งภายใน
มลสิตาตามลงมาส่งเพื่อนรักด้านล่าง หลังจากอ้อนให้ไอยราอยู่ด้วยไม่สำเร็จ อ้อนผู้ชายยังไม่ยากเท่าอ้อนผู้หญิงด้วยกัน ไอยราแอบกระซิบกับมลสิตาว่า “ฉันน่ะกำจะปล่อยให้แกกับแฟนได้สวีทกัน มีฉันอยู่ด้วยแค่จะหอมกันก็คงเขิน” มลสิตาได้แต่ตีลงกับหลังมือไอยราเบาๆ รู้สึกเขินจำได้ว่าตัวเองกับอาวุธยังไม่เคยอย่างว่ากันสักครั้ง เขายุ่งเธอยุ่ง งานล้นพ้นมือ รู้อย่างนี้ไม่เป็นนักข่าวก็ดี จะได้มีเวลาสวีทลึกซึ้งกับแฟนบ้าง มงสิตาได้แต่ถอนใจ
“ให้พี่อาไปส่งนะไอ”
“ฉันว่าฉันไปเองได้ นี่ไงฉันมีที่อยู่บอกแท็กซี่ เค้าคงไปส่งฉันถูก”
“ไหนมานี่ซิ” มลสิตาหยิบกระดาษแผ่นเล็กจากมือบางขาวสะอาดของเพื่อน “แกจะให้แท็กซี่ไปส่งทำไมในเมื่อถนนเส้นนี้พี่อาเค้าผ่าน นะพี่อานะไปส่งยัยไอให้มลหน่อย” หันไปทางชายหนุ่ม เขายืนนิ่งรอการตัดสินใจจากสองสาว “แกไม่รู้หรือยัยไอกรุงเทพเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน” ด้วยที่ทำข่าวอาชญากรรม ข่าวโน่นนี่มาเอือมระอา รู้ดีถึงภัยสังคมปัจจุบัน อันตรายรอบด้าน หาความไว้วางใจได้ยาก
“ผมไปส่งดีกว่าครับคุณไอ ทางนั้นพบต้องผ่านอยู่แล้ว ไม่เป็นการรบกวนเลย” อาวุธเอ่ยน้ำเสียงนุ่มนวลหล่อเหลาพอๆกับหน้าตา พลางพยายามอ่านแววตาหวานๆนั้นเธอเธอกำลังเกรงใจเขาอย่างสุดๆ คงจะคิดว่าตัวเองมาเป็นก้างการสวีทหวานระหว่างเขากับมลสิตาด้วยกระมัง ความจริงเขากับมลสิตาคบกันในฐานะแฟนก็จริงแต่ช่างหากไกลคำว่าสวีทอย่างคู่รักคู่อื่น ต่างคนต่างเป็นแบบนี้จึงคบกันได้นาน ไม่ค่อยเอาใจ บางทียังแอบคิดว่ามลสิตาน่าจะเป็นเพื่อนกับเขามากกว่าแฟน
“นะไอให้พี่อาไปส่ง อย่าเรื่องมากแกจากเมืองไทยไปนาน อะไรต่างๆที่เราเคยเห็นตอนเด็กๆ ไม่เหมือนเดิม แม้แต่บ้านหลังเล็กของพี่แทนไท” มลสิตาจี้ตรงใจไอยรา นึกถึงตอนที่ไอยราแอบชอบรุ่นพี่แทนไท แค่เดินผ่านห้องเรียนรุ่นพี่
ไอยราหน้าร้อนราวถูกไฟไหม้แล้ว ยิ่งได้เห็นหน้าบ้านพักด้วยแล้ว ไอยรดาถึงกับวิ่งนำเพื่อนไม่ห่วงใครเลย พอมลสิตาถาม ก็เอาแต่เดินจ้ำอ้าว พึ่งได้รู้ตอนที่ไปนั่งเชียร์ฟุตบอลในงานกีฬาสีประจำโรงเรียน นึกแล้วให้ขำ กับสาวสวยปานภาพวาดแต่กลับแอบปิ๊ง ดาวโรงเรียนอย่างพี่แทนไทหนำซ้ำยังไม่กล้าบอกจนรุ่นพี่เรียนจบ หลังจากนั้นไม่ได้เห็นตัว ยังคอยแอบมองบ้านหลังน้อยหลังนั้นในทุกวัน
“ส่งก็ส่ง ไม่ต้องเอาเรื่องนี้มาขู่ได้ไม๊ยัยบ๊องจอมแสบ” คราวนี้ไอยราถึงกับยอมจำนนต่อเพื่อนรัก ยัยนี่จอมพูดมากของแท้
“นี่ค่ะพี่อา” มลสิตาส่งกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของไอยราให้แฟนหนุ่ม เขารับไป ผละนำกระเป๋าใบใหญ่ส่งใส่หลังรถ ส่วนมลสิตาดันหลังไอยราให้เข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับ รู้ดีไอยราขี้เกรงใจ แม้ยัยนี่จะแสบแต่เรื่องคุณสมบัติผู้ดีมีเพียบไม่ต้องห่วง ด้วยถูกสั่งสอนมาดีจากทั้งทางมารดาและยายผู้เลี้ยงดูในช่วงวัยรุ่น
“ขอกระดาษพี่ครับมล” อาวุธเธอมาหยุดยืนอยู่ข้างมลสิตา ยื่นมือไปขอกระดาษแผ่นเล็กจากมือแฟนสาว
“ส่งยัยไอให้ถึงที่พักนะคะพี่อา ฝากด้วยนะ” โปกมือลาทั้งสอง ยิ้มบาง ก่อนรถยนต์คันสวยของอาวุธจะค่อยทยานออกจากลานจอดรถใต้ถุนคอนโดหรูมลสิตา คอนโดหรูหลังนี้ครอบครัวมลสิตาซื้อให้ เป็นของขวัญในการได้งานทำเป็นหลักแหล่งของมลสิตา ลำพังเงินเดือนผู้สื่อสารภาคสนามน่ะไม่พอซื้อคอนโดราคาหลายล้านแพงกว่าบ้านเดี่ยวใจกลางเมืองอย่างนี้ได้แน่ มลสิตาหมุนตัวกลับขึ้นไปยังห้องพักตัวเอง หายห่วงไปเปราะหนึ่ง สำหรับเธอจะต้องรีบรวบรวมเนื้อข่าวนำส่งกอง บ.ก. จะมัวเล่นแบบนี้ไม่ดีแน่