ปลูกต้นรัก 4
ปลูกต้นรัก 4
หลังจากประมวลความคิดแล้วภัทรพลจึงเลือกที่จะทำตามคำแนะนำของพี่รหัสตัวเอง เขาเลือกที่จะทำไปด้วยและสอนเธอไปด้วย...ขายาวก้าวเดินเข้าไปยังด้านในเคาน์เตอร์ซึ่งนั่นก็ทำให้คนที่อยู่ด้านในอยู่แล้วก้าวออกจากตำแหน่งที่ตัวเองยืนอยู่
" แฟลตไวท์คือกาแฟที่ผสมผสานกันระหว่างเอสเปรสโซ่กับนมร้อน ก่อนอื่นเธอต้องรู้จักกาแฟที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันก่อนไม่งั้นอาจจะทำผิดสูตรไปให้ลูกค้าได้...รู้จักลาเต้กับคาปูชิโน่มั้ย "
" เอ่อ...รู้จัก พี่แพรวพึ่งสอนทำลาเต้ไปเมื่อวานนี้เอง ส่วนคาปูชิโน่นี่รู้สูตรอย่างเดียวแต่ยังไม่เคยลองทำ " รุจิกาตอบ
" อึ้ม...งั้นก็ดี เดี๋ยวเธอดูไปเรื่อยๆแล้วกัน ชั้นพูดไม่เก่ง สอนไม่เป็น...ทำให้ดูได้อย่างเดียว " รุจิกาพยักหน้าเมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ร่างเล็กขยับเข้าไปยืนใกล้ๆเมื่อเห็นเขาเริ่มหยิบจับอุปกรณ์
หัวใจแกร่งสั่นไหวเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นแป้งที่หอมอ่อนๆโชยเข้าจมูก...
" แฟลตไวท์จะต่างจากลาเต้และคาปูชิโน่ตรงที่ไม่มีโฟมนมด้านบน จะมีแค่เอสเปรสโซ่กับนมร้อนที่สตีมจนเป็นฟองนมขนาดเล็กเทไปจนเต็มแก้วและไม่ใส่ฟองนมด้านบนเหมือน 2 เมนูก่อนหน้าที่ชั้นบอก " เสียงทุ้มอธิบายค่อนไปทางคล่องแคล่ว แม้ก่อนหน้าจะบอกว่าตัวเองพูดไม่เก่ง สอนไม่เป็นแต่คำพูดของเขาก็ทำให้คนที่ยืนดูอยู่เข้าใจได้อย่างง่ายๆ
" อึ้ม...แฟลตไวท์ไม่มีฟองนมด้านบนเหมือนลาเต้กับคาปูชิโน่ " เสียงเล็กเอ่ยทวนประโยคที่เขาพึ่งสอนไปเมื่อสักครู่
รุจิกาเคยลองทำลาเต้และเคยได้ชิมมาแล้วทำให้เธอพอจะมองภาพที่เขาอธิบายได้ออก
" เอ้า...ไอ้พี่ปั้น เสร็จแล้วไปเสิร์ฟให้ที " ภัทรพลวางถาดเล็กที่มีแก้วกาแฟและแก้วน้ำดื่มส่งให้คนที่ยืนอยู่นอกเคาน์เตอร์
" มึงไม่บอกกูก็จะไปอยู่แล้ว " ปัญญากรยื่นหน้าเข้ามากระซิบบอกคนด้านใน
" ตลอดแหละพี่ เล็งสาวคนไหนไว้ล่ะ "
" กูให้มึงทาย เดี๋ยวกลับมาเฉลย " พูดจบพนักงานเสิร์ฟจำเป็นก็ถือถาดเดินตรงไปยังโต๊ะที่มีสาวๆกลุ่มใหญ่นั่งอยู่ ภัทรพลส่ายหน้าให้พี่รหัสของตัวเอง พวกเขารู้จักกันมาตั้งนานทำไมจะไม่รู้ว่าสเปคของพี่ชายคนนี้เป็นแบบไหน ผู้ชายร้อยทั้งร้อยก็ชอบมองผู้หญิงหน้าอกตูมๆทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่เขาเองเถอะ
ชายหนุ่มละสายตาจากพี่รหัสของตัวเองมามองผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆก่อนหน้า ตอนนี้เธอกำลังง่วนอยู่กับการเก็บกวาดทำความสะอาดด้านในเคาน์เตอร์อยู่ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนสะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่ไม่น้อย ดูจากการที่เธอถูเช็ดและจัดเก็บของต่างๆเข้าที่น่ะนะ ทุกอย่างดูสะอาดตา แม้ของจะเยอะแต่ก็ดูไม่รกเกะกะ
" ว้าว !! ... วันนี้ร้านของเรามีหนุ่มหล่อจากคณะวิศวะมาช่วยเลยเหรอกิ๊ว " เสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่หน้าประตูร้านดังขึ้นพร้อมกับเจ้าของร่างหุ่นเพรียวบางเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
" อ้าวพึ่งมาเหรอ...พี่นึกว่าวันนี้หยุดงานซะอีก " ปั้นเอ่ยพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ
" สวัสดีค่ะพี่ปั้น หวัดดีภัทร...กิ๊ว " รุจิกาโบกมือตอบกลับเพื่อนร่วมงานของตัวเองเมื่อเห็นเธอโบกมือให้
" วันนี้มีงานกลุ่มค่ะเลยขอพี่แพรวเข้าช้าหน่อย นี่เสร็จงานก็รีบบึ่งมาเลยนะคะ...วันนี้วันศุกร์ ยังไงก็ต้องมาค่ะ "
" ใกล้สอบอาจารย์ก็สั่งงานเยอะแบบนี้แหละ ยังไงก็บริหารจัดการเวลาให้ดีล่ะ เอ้อ !!! ...ว่าแต่บัวเรียนคณะอะไรนะ "
" วิทยาการจัดการค่ะพี่ปั้น "
" อ้อ... พี่ก็ลืมทุกที นี่พี่ถามเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วเนี้ย " พูดเองก็ขำเอง ชายหนุ่มส่ายหน้าไปมาให้กับความขี้ลืมของตัวเอง
" ก็น้องบัวคนนี้ไม่เคยอยู่ในสายตาพี่ปั้นน่ะสิคะถึงจำไม่ได้สักทีใช่มั้ยล่ะคะ เฮอะ!! งอนแล้ว ....เอากระเป๋าไปเก็บดีกว่า " พูดจบหญิงสาวก็สะบัดหน้าทำท่าทางกระเง้ากระงอดเดินเข้าไปยังหลังร้าน รุจิกาอมยิ้มนึกขำกับท่าทางนั้นด้วย...เธอรู้ว่าบัวไม่ได้หมายความอย่างนั้นจริงๆหรอก แค่อยากจะแกล้งคู่สนทนาด้วยก็เท่านั้น
อย่างว่า...วันนี้เป็นวันศุกร์...แถมเป็นเย็นวันศุกร์ที่มีฝนตกพรำๆอีกด้วย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าลูกค้าที่อยู่ในร้านตอนนี้จะเยอะแค่ไหน
รุจิกาและภัทรพลทำหน้าที่เป็นผู้เตรียมเครื่องดื่มส่วนปั้นและบัวช่วยกันเสิร์ฟและให้บริการลูกค้านอกเคาน์เตอร์ และแม้ลูกค้าในร้านจะเยอะแค่ไหนแต่ทุกคนที่กำลังทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ก็ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยอะไร ยิ่งลูกค้าเยอะก็ยิ่งได้เงินเยอะ ...ลูกค้าเยอะ ก็มีโอกาสได้ติ๊บเยอะ ... นั่นแหละ
" อ๊ะ !! " รุจิกาหันไปมองคนที่ยืนอยู่ข้างๆเมื่อได้ยินเสียงเขาร้อง ตอนนี้เธอเห็นเขากุมมือของตัวเองอยู่ หญิงสาวเบิกตากว้างเมื่อเห็นเลือดสีแดงสดไหลออกจากนิ้วเรียวยาวนั่น
" อ๊ะนี่...อย่านะ อย่าทำแบบนั้น " หญิงสาวถลาเข้าไปคว้ามือของเขาไว้ก่อนที่คนตรงหน้าจะอ้าปากงับเข้าไปได้
" เฮ้ย..." เขาร้องอย่างตกใจเมื่อเห็นเธอจู่โจมเข้ามาจับมือของเขาไว้แน่น
" นายจะใช้ปากห้ามเลือดแบบนั้นไม่ได้ มันสกปรก...รู้มั้ย ปากเราอ่ะสกปรก ขนาดพึ่งแปรงมาหยกๆมันยังเหม็นเลย มานี่...มาล้างน้ำออกก่อน เดี๋ยวชั้นไปเอากล่องยามาทำแผลให้ " ภัทรพลมองมือเล็กที่กำลังจูงเขาไปที่อ่างล้างมือ เอาอีกแล้ว...หัวใจของเขามันเต้นแรงอีกแล้ว
" เอ้า !!! ล้างมือไปก่อนนะ เดี๋ยวชั้นไปหยิบกล่องยาก่อน " ชายหนุ่มนิ่งเงียบ เขากำลังงวยงงกับตัวเองอยู่ว่าทำไมต้องเชื่อผู้หญิงคนนี้ด้วย เธอทำอย่างกับว่าเขาเป็นเด็กอนุบาลอย่างนั้นแหละ
แต่ถึงอย่างนั้น....ภัทรพลก็จัดการล้างมือของตัวเองตามคำสั่งของเธอ
" มาๆ...เอ้านี่เช็ดมือให้แห้ง เอาผ้าผืนนี้นี่ " รุจิกายื่นผ้าเช็ดมือผืนใหม่ที่พึ่งหยิบออกมาจากลิ้นชักส่งให้เขา หญิงสาวยืนมองดูคนตรงหน้าที่กำลังเช็ดมือของตัวเองอยู่...มันดูขัดตาของเธอยังไงบอกไม่ถูก
" เฮ้ย...เช็ดแบบนั้นมันก็โดนแผลหมด มานี่...เดี๋ยวชั้นทำให้เอง " พูดจบหญิงสาวก็จัดการดึงผ้าที่อยู่ในมือของเขาแล้วเช็ดทำความสะอาดมือให้เสียเอง โชคดีช่วงเวลานี้ฝนตกหนักจึงทำให้ไม่มีลูกค้าใหม่เข้ามา ลูกค้าที่อยู่ในร้านตอนนี้ก็เป็นลูกค้ากลุ่มเดิมที่นั่งอยู่ตั้งแต่ที่ฝนตกพรำๆแล้ว
ภัทรพลก้มมองคนที่กำลังนั่งทำแผลให้เขาอยู่ตอนนี้ เขานั่งอยู่บนเก้าอี้...ส่วนเธอนั่งคุกเข่าอยู่กับพื้น ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีใครทำแผลให้เขาแบบนี้เลย จำได้ว่าทุกครั้งที่ถูกมีดบาดหรือถูกอะไรตำจนเลือดไหล เขาก็จะใช้ปากดูดเลือดแล้วบ้วนทิ้งและปล่อยให้แผลนั้นหายเองตามธรรมชาติ
ชีวิตของเขาโตมาด้วยตัวเอง ... อยากได้อะไรก็หาเอง ไม่มีใครคอยซับพอร์ทหาให้ เขาโตมาได้ขนาดนี้เพราะยายที่เป็นคนเลี้ยงดู ยายซึ่งไม่ใช่ยายแท้ๆ...ยายที่แม่บังเกิดเกล้าของเขาจ้างเลี้ยง แต่เลี้ยงไปเลี้ยงมา...ยายก็ได้เลี้ยงฟรีๆ เลี้ยงแบบไม่มีค่าจ้างเพราะแม่ของเขาเอามาทิ้งไว้และหายหน้าไปเลยตั้งแต่เขาอายุได้ 5 ขวบ
เขาโตมากับยายกระทั่งพ่อแท้ๆของเขาตามมาเจอและรับให้ไปอยู่กับป้า พ่อไม่ยอมพาเขาไปอยู่ด้วยเพราะกลัวเมียใหม่จะรู้ คนไม่เคยอยู่ด้วยกันมันก็ไม่คุ้นชิน...จำได้ว่าตอนนั้นเขาร้องไห้พร่ำเรียกหาแต่ยายจนป้าต้องพากลับมาส่งให้ยายเลี้ยงต่อ ยายไม่ได้ปฏิเสธ...กลับกันยายบอกว่ากำลังจะไปรับตัวเขากลับมาอยู่ด้วยกันอยู่พอดี
แม้จะไม่ใช่ลูกหลานในสายเลือด...แต่ยายก็รักเขาด้วยใจจริง ข้อนี้เขารู้ดีที่สุด
" อ๊ะ...เสร็จแล้ว เดี๋ยวสักพักค่อยแกะพลาสเตอร์ออก รอให้เลือดหยุดไหลก่อน " รุจิกาลุกขึ้นยืน
" ขอบใจ " หญิงสาวพยักหน้าและยิ้มน้อยๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับเธอแล้วมองหน้าแบบนี้
หลังจากฝนกระหน่ำเทมายกใหญ่จนเริ่มซาและตอนนี้ก็หยุดตกแล้วทำให้ลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้านเริ่มทยอยลุกออกไป วันนี้คาเฟ่ขายของดีมาก...ขนมทุกอย่างถูกขายจนหมดเกลี้ยงอาจเป็นเพราะลูกค้าที่นั่งอยู่ไปไหนไม่ได้และเป็นช่วงเวลาเย็นที่ท้องเริ่มหิวพอดี อย่างน้อยกินอะไรรองท้องก่อนไม่งั้นปล่อยให้เวลาล่วงเลยเราอาจปวดท้องได้
" รถติดมากกกกกก " เสียงใสเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างเพรียวของเจ้าของร้านเดินเข้ามา
" อ้าว...ไหนล่ะลูกชายของผม " ภัทรพลเอ่ยถามพี่สาว
" อยู่บ้านแม่..พี่ไปรับที่โรงเรียนแล้วพาแวะซื้อของที่ห้าง เห็นฝนตกเลยพาไปส่งให้อยู่กับยายก่อน ถ้ามาด้วยกลัวจะงอแง...ฝนตกแบบนี้รถติดแน่นอน "
" อดเจอเลย "
" งั้นเดี๋ยวปิดร้านก็ไปกับพี่สิ...ไปนอนค้างบ้านแม่กันพรุ่งนี้วันหยุดไม่ใช่เหรอ " แพรวพราวเอ่ยชวนเมื่อเห็นสีหน้าผิดหวังของน้องชาย
" ไม่เอาอ่ะ...กลับคอนโดดีกว่า นอนที่อื่นมันนอนไม่ค่อยหลับอ่ะ " เขาว่า...
" ตามใจนายแล้วกัน ชวนทีไรไม่เคยจะไป...แม่พี่ออกจะใจดีนายก็เห็น " แพรวพราวถอนหายใจพลางตัดพ้อน้องชายต่างมารดา
" ผมไม่ได้คิดอะไรซะหน่อย ก็มันนอนไม่หลับจริงๆ นี่นา " พูดไปชายหนุ่มก็รู้สึกผิดไป ความจริงมันไม่ใช่นอนไม่หลับหรอก...คนอย่างเขาน่ะหลับได้ทุกที่ แต่ที่ไม่อยากไปนอนค้างบ้านนั้นเพราะความอิจฉาล้วนๆ เขาอิจฉาพี่แพราวที่เห็นเธอมีแม่ มีคนคอยช่วยอุ้มชูในยามที่เหนื่อยล้า มีคนคอยอยู่ข้างๆยามเป็นทุกข์ เขาเคยเห็นป้าพรกอดและปลอบพี่แพรวตอนที่เธอร้องไห้ช่วงที่เลิกกับสามีใหม่ๆ
เขาอิจฉา...ทำไม ? แม่ไม่กลับมาดูดำดูดีเขาบ้าง
แม่พี่แพรวเป็นเมียคนแรกของพ่อ ส่วนแม่ของเขาเป็นเมียคนที่สอง...หลังจากเลิกกับแม่พี่แพรวพ่อก็แต่งงานใหม่กับแม่และอยู่กินกันจนมีเขา ยายเล่าว่าแม่เป็นคนชอบเที่ยว เที่ยวจนไม่กลับบ้าน พอทะเลาะกันมากเข้าพ่อเลยทนไม่ไหวเลยขอหย่ากับแม่ ตอนที่หย่ากันพ่อไม่รู้เลยว่ามีเขาอยู่ในท้องแม่แล้ว
พ่อกลับไปอยู่บ้านเก่า...จนวันหนึ่งมาเจอยายเข้าถึงได้รู้ว่าตัวเองมีลูกชายอีกคนเพิ่มขึ้นมา
และใช่...หลังจากเลิกกับแม่ พ่อก็แต่งงานใหม่และมีลูกด้วยกันอีกสองคน เขามีน้องชายต่างแม่อีกสองคน
" ขอบใจทุกคนมากน้าาาา ขอบใจปั้นที่มาช่วย..วันนี้ขนมขายดีจนไม่เหลือให้ปั้นเอากลับไปกินที่ห้องเลย " แพรวพราวเอ่ยหลังจากที่ทุกคนช่วยกันเก็บกวาดร้านจนสะอาดเอี่ยม วันนี้เหนื่อยเป็นพิเศษเพราะร้านค่อนข้างสกปรก พื้นหน้าร้านเปียกชื้นเต็มไปด้วยดินโคลนจากฝนที่ตกมาก่อนหน้า
" ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมยังไม่ได้กลับคอนโดน่ะ จะแวะที่อื่นก่อน "
" อ้าว...แล้วพี่จะไปไหนอ่ะ " ภัทรพลเอ่ยถามพี่รหัสที่กำลังหยิบเสื้อช้อปขึ้นมาสวมใส่
" มีนัดกับน้องเสื้อฟ้าคนสวยว่ะ " ปัญญากรว่าพร้อมกับหยักคิ้วให้น้องรหัสของตน
" ว่าล่ะ...ต้องเป็นคนนั้น แล้วไหนบอกตามจีบน้องเนยอยู่ "
" อ้าว...น้องเนยก็ส่วนน้องเนย วันนี้ไปกับน้องนุชก่อน " คนพูดเอ่ยพลางหยักคิ้วอีกครั้ง
" เออ...ขอให้รถไฟชนกันสักวันเถอะ " ภัทรพลเอ่ยด้วยความหมั่นไส้...พี่รหัสของเขาเป็นคนหนุ่มหล่อประจำคณะ ... หล่อไม่พอแถมยังคารมดีอีกด้วย ผู้หญิงที่ไหนจะไม่รักไม่หลง
" ปากเสีย...เดี๋ยวกูแช่งกลับซะหรอก "
" แช่งไปสิ...ผมไม่เคยจีบใครซะหน่อย ไม่มีทางที่รถไฟจะชนกันแน่นอน " คนพูดเบ้ปากทำหน้าล้อเลียน
" ขี้เกียจเถียงกับคนอย่างมึง กูไปดีกว่า...ผมไปก่อนนะครับพี่แพรว " ปั้นเอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้เจ้าของร้านสาวซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่รุจิกาและบัวเดินออกมาจากหลังร้านพอดี
" เอ้อกิ๊ว...มาๆ เดี๋ยวพี่ไปส่งเราก่อนดีกว่า ดึกแบบนี้รถน่าจะหมดแล้ว " ปัญญากรนึกขึ้นได้ว่ากิ๊วยังอยู่ เขาลืมไปเสียสนิทว่าเธอทำงานเสร็จก็ต้องกลับด้วยเหมือนกัน...นี่ก็ดึกแล้วรถราท่าจะหมดแล้วด้วย
" ไม่เป็นไรๆ พี่ไปเถอะ หนูได้ยินนะว่านัดกับสาวไว้ไม่ใช่เหรอ "
" อึ้ม...อย่าบอกแม่พี่ล่ะ "
" รู้น่าาาาา...ไปเถอะ หนูกลับเองได้ ทุกวันก็กลับเองอย่าห่วงเลย " รุจิกาเอ่ย...ร้านนี้อยู่ไม่ไกลจากหอพักมากนักเธอสามารถเดินกลับเองได้
" โอเคๆ ... วันนี้รีบจริงๆ เดี๋ยวพี่โทรหานะ " พูดไปพลางก็ดูมือถือไป ... มือถือของเขากำลังสั่นเพราะมีสายเรียกเข้า สงสัยจะเป็นน้องที่นัดไว้นั่นแหละโทรมา
" ไปนะครับพี่แพรว...ไปนะทุกคน " ปัญญากรเอ่ยพร้อมกับยกมือไหว้คนที่อายุมากกว่าและโบกมือให้รุ่นน้อง ทุกคนมองตามร่างสูงที่เร่งรีบออกจากร้านไปพลางก็ยิ้มขำไป
" แล้วบอกเป็นห่วงน้อง " แพรวพราวส่ายหน้าแล้วยิ้ม .....
" กลับเองได้ใช่มั้ยเราน่ะ " จากนั้นเธอก็หันมาถามหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ
" ได้ค่ะพี่แพรว...เดี๋ยวหนูนั่งวินข้างหน้านี่กลับก็ได้ค่ะ " รุจิกาบอกเพื่อให้เจ้าของร้านได้สบายใจ ... ถ้าเธอบอกไปว่าเดินกลับเองบ่อยๆแพรวพราวคงไม่ยอมแน่ๆ ร้านนี้ปิดสามทุ่มครึ่งกว่าที่พวกเธอจะได้กลับก็สี่ทุ่มกว่า...เจ้าของร้านกำชับว่าให้เธอนั่งวินกลับเพราะแม้ไฟจะสว่างผู้คนจะเดินเยอะอยู่แต่ก็อันตรายอยู่ดี
แต่เธอมันคนขี้งกนี่นา...ค่าวินตั้ง 40 บาท ถ้าเธอนั่งทุกวันก็ตกอาทิตย์ละ 200 กว่าบาทโน่น เก็บตังค์ 200 ไปซื้อข้าวกินดีกว่า
หลังจากบอกลาและแยกย้ายกับทุกคน...รุจิกาก็เดินออกจากร้านมาตามเส้นทางที่เดินเป็นประจำ วันนี้ฝนตกในช่วงหัวค่ำทำให้เวลานี้มีผู้คนริมทางน้อยกว่าปกติ ... ดีนะ แบบนี้ก็ดี ไม่ต้องเดินเบียดกับใครๆ
เอี๊ยดดด!!! .... " เฮ้ยย " รุจิการ้องด้วยความตกใจเมื่อมีรถมอเตอร์ไซด์ขับมาจอดข้างๆอย่างกระชั้นชิด
" ไหนว่ากลับวิน ? "
......................................................................