ปลูกต้นรัก 3
ปลูกต้นรัก 3
" สวัสดีครับ...พี่แพรว " หนุ่มหน้าคมที่เดินเข้ามาในร้านเอ่ยพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ทักทายคนที่อายุมากกว่า ภัทรพลเองก็ยกมือไหว้พี่สาวของตัวเองด้วยเหมือนกัน
" อ้าว!!! ปั้น...เป็นไงมาไงถึงมากับตาภัทรได้ หายหน้าหายตาไปเลยนะช่วงนี้น่ะ " เจ้าของร้านสาวเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมกับยกมือรับไหว้ชายหนุ่มที่กำลังเดินเข้ามาหา
" งานเยอะครับ ยิ่งใกล้สอบอาจารย์ยิ่งสั่งงานเยอะ ไม่มีเวลาไปไหนเลยครับ "
" ขี้โม้ ! อย่าไปเชื่อครับพี่แพรว เมื่อวานหลังเลิกเรียนผมเห็นพี่พาสาวไปกินไอติมที่ร้านข้างมออยู่เลย ไม่มีเวลามาหาน้องหานุ่งแต่มีเวลาไปกับสาวๆแบบนี้มันน่าน้อยใจนะเนี้ย พี่รหัสคนอื่นนะ...เค้ามาหาน้องได้เกือบทุกวัน " ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างกันรีบเอ่ย
" เว่อร์ไปไอ้ภัทร...มึงเป็นเด็กขึ้ใจน้อยไปตั้งแต่เมื่อไหร่ มึงรู้มั้ยว่ากูต้องรอนานแค่ไหนกว่าที่น้องแป้งเค้าจะยอมไปกินไอติมกับกู เมื่อวานน่ะเดตแรกเลยรู้มั้ย "
" โห...คนอย่างพี่เนี้ยนะต้องรอให้สาวไปเดตด้วย อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ "
" เอ้า! ไอ้นี่...กูพี่มึงนะโว้ยยย " รุจิกาอมยิ้ม...เธอลอบมองสองหนุ่มที่กำลังยืนทะเลาะกันอยู่
หญิงสาวไม่แปลกใจที่ได้เห็นท่าทางแบบนี้ของปั้นพี่ชายข้างบ้านที่แนะนำให้เธอมาสมัครงานที่นี่...พี่ปั้นเป็นคนคุยเก่ง เข้ากับคนได้ง่าย พูดอะไรกับใครได้หมด เวลามีเรื่องเกี่ยวกับการเรียนหรือมีปัญหาต่างๆเธอก็มักจะขอคำปรึกษากับพี่ชายคนนี้ แต่อีกคนที่ยืนอยู่ข้างกันนี่สิ...เธอไม่เคยเห็นโหมดนี้ของเขาเลย น้องชายเจ้าของร้านเป็นคนเงียบขรึมไม่ใช่เหรอ ? วันนั้นที่ห้องสโมสรถามคำก็ตอบคำ ไหนจะวันที่เธอมาสมัครงานแล้วเธออุตส่าห์จะทักทายอีก ผู้ชายคนนี้อัธยาศัยแย่ที่สุดในสายตาของเธอก็ว่าได้
" เนี้ยพอปั้นไม่มานะยอดขายร้านพี่นี่ลดฮวบเลยรู้มั้ย " และก่อนที่สองหนุ่มจะเปิดศึกกันแพรวพราวก็รีบชิงเอ่ยห้ามทัพเสียก่อน
" ไม่ขนาดนั้นมั้งครับ แค่ไอ้ภัทรคนเดียวก็เอาอยู่แล้วครับ... ใช่มั้ยกิ๊ว ? " ปั้นว่าพร้อมกับหันไปหาหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลพี่สาวของน้องรหัส
" ... " รุจิกาไม่ได้ตอบสิ่งใด หญิงสาวส่งยิ้มบางๆแทนคำตอบ หลังจากที่เจ้าของร้านรับเธอเข้าทำงานวันนั้นหญิงสาวก็แวะไปขอบคุณปั้นถึงบ้าน ถ้าไม่ได้พี่ชายข้างบ้านคนนี้เธอก็คงไม่ได้งานที่นี่
" ภัทรอะไรล่ะปั้น ตั้งแต่ที่รู้ว่าพี่รับพนักงานเพิ่มก็ไม่เคยโผล่หน้ามาให้เห็นเลย วันนี้วันแรกเถอะที่หนุ่มโซฮอตเค้าย่างกรายมาเหยียบร้านพี่ " คนเป็นพี่สาวว่าพลางชำเลืองตาค้อนน้องชาย
" โธ่!!! ก็งานผมเยอะนี่นา ยิ่งใกล้สอบอาจารย์ก็ยิ่งสั่งงานเยอะ " คนเป็นน้องโอดครวญเมื่อเจอสายตาพิฆาตของพี่สาว
" ไอ้ภัทรนั่นมันมุกกูมึงอย่าใช้ซ้ำ " หนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างรีบแย้ง
" เอ้า !! ก็เรื่องจริง ผมงานยุ่งจริงๆ อีกอย่างพี่แพรวก็มีคนช่วยเพิ่มแล้ว จะให้ผมมายืนเกะกะทำไม " พูดแล้วภัทรพลก็ปรายตามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากพี่สาวของตัวเองนัก
" แต่มึงเป็นตัวเงินตัวทองนะ มึงควรมาบ่อยๆ...กูว่า "
" อ้าว!! ไอ้พี่ปั้น "
" เอ้อๆๆ...กูพูดผิด มึงเป็นตัวเรียกเงินเรียกทอง ฉะนั้นมึงควรมาทุกวัน อีกอย่างร้านก็อยู่แค่นี้ เลิกเรียนก็แว็ปมาหน่อยจะเป็นไรไป "
" เอาล่ะๆ ทะเลาะกันเป็นเด็กๆไปได้ อ้าว...ภัทร นู่นไปเสิร์ฟนมปั่นโต๊ะโน้นให้พี่ที นี่กิ๊วเค้าทำเสร็จพอดี " แพรวพราวว่าพร้อมกับพยักเพยิดใบหน้าไปทางโต๊ะที่มีกลุ่มนักศึกษาสาวนั่งอยู่ซึ่งทุกคนก็กำลังมองมาทางที่พวกเขายืนอยู่พอดี
" ก็ได้ครับ " ชายหนุ่มรับคำอย่างว่าง่ายแต่ก็ไม่วายหันไปถลึงตาใส่พี่รหัสของตัวเอง
รุจิกาเลื่อนถาดที่มีแก้วนมปั่นเพื่อหวังส่งให้ชายหนุ่ม เธอยิ้มบางๆเพื่อทักทายเขา...ยังไงผู้ชายตรงหน้าก็เป็นถึงน้องชายเจ้าของร้าน การผูกมิตรไมตรีกับเขาไว้ก็น่าจะดีกว่าการเฉยเมยแสร้งทำไม่รู้จักกัน
แต่ !!! แทนที่เธอจะได้รับไมตรีตอบกลับเป็นคำพูดทักทายหรือรอยยิ้มส่งกลับคืนบ้าง เขากลับเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มแย้มเป็นเรียบเฉยซะงั้น ทำราวกับว่าเธอไม่มีตัวตน ไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้เลยอย่างนั้นแหละ
แย่ชะมัด !!!...รุจิกาคิดในใจ เธอมองตามแผ่นหลังของคนที่พึ่งยกถาดออกไปพร้อมกับเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง
" ไงกิ๊ว...ทำได้มั้ยงานที่นี่ " รุจิกาได้สติแม้จะกำลังเคืองกิริยาท่าทางของผู้ชายที่เดินออกจากวงไปก่อนหน้า
" สบายมากค่ะพี่ปั้น นี่ก็เริ่มเข้าที่แล้ว ทำเครื่องดื่มได้หลายเมนูแล้วค่ะ " หญิงสาวว่าพลางส่งยิ้มให้
" เฮ้ย...เก่งนี่ พี่มาฝึกทำตั้งหลายที ทำเป็นแค่นมเย็นปั่นเมนูเดียวเอง "
" กิ๊วน่ะเค้าเก่งปั้น ความจำดี...สอนแป็บเดียวก็ได้แล้ว ตั้งแต่มีกิ๊วมาเนี้ยพี่สบายขึ้นตั้งเยอะเลย " แพรวพราวว่า
" ผมฝากน้องด้วยนะครับ กิ๊วเป็นเด็กดี...ร้านนี้อยู่ไม่ไกลหอมากถ้าวันไหนกลับดึกๆผมก็จะได้ไม่ห่วง "
" น้องสาวก็ไม่ใช่ " เสียงคนที่พึ่งเดินกลับมาเอ่ยขึ้น ภัทรพลปรายตามองหญิงสาวที่อยู่ในบทสนทนา
" เอ้า...คนนี้กูทั้งห่วงและหวงโว้ย กูกับกิ๊วโตมาด้วยกัน ไม่ใช่น้องก็เหมือนน้องนั่นแหละ จริงมั้ยกิ๊ว " ปั้นเอ่ยพร้อมกับหันไปหาตัวช่วย รุจิกายิ้มกลับแทนคำตอบ จะให้เธอว่าอะไรได้ ถ้าพูดอะไรออกไปเผลอๆเขาจะยิ่งเหม็นขี้หน้าเธอมากกว่าเก่าล่ะซิไม่ว่า แค่นี้...เขาก็ไม่อยากจะมองหน้าเธอแล้ว
" ภัทรวันนี้จะไปไหนมั้ย ถ้าว่างพี่จะฝากร้านหน่อย พอดีพี่จะไปรับเจ้าแสบที่โรงเรียนแล้วก็จะเลยไปซื้อของเข้าร้านเลย...เนี้ยหลายอย่างก็หมด ทั้งหลอดทั้งแก้วไซด์นั้นไซด์นี้ นี่เหลืออยู่ไม่กี่ใบเอง "
" พูดแบบนี้แล้วผมจะว่าอะไรได้ "
" โอเค... Thank you น้องชาย งั้นพี่ไปเลยนะ เดี๋ยวรถจะติด... ไปนะปั้น ฝากร้านด้วยนะ " เจ้าของร้านสาวว่าพลางลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ โอกาสทองเป็นของเธอแล้ว...ไหนๆก็มีคนมาอยู่ดูแลร้านให้ ขอไปเดินช้อปปิ้งกับลูกชายตัวน้อยซะหน่อยเถอะ นานๆทีจะมีโอกาสดีๆแบบนี้เข้ามา
ตั้งแต่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ทั้งปั้นและภัทรต่างก็ไม่ได้เข้ามาช่วยงานที่ร้านเหมือนแต่ก่อน สมัยก่อนที่ร้านของเธอจะมีเด็กหนุ่มแวะเวียนกันมาช่วยงานที่ร้านบ่อยๆ ภัทรน่ะเป็นน้องชายต่างมารดา...ส่วนปั้นเป็นเพื่อนกับพีทน้องชายอีกคนของเธอ ความจริงการที่ร้านนี้มีลูกค้ามากกว่าร้านอื่นๆที่อยู่ใกล้เคียงกันนอกเหนือจากรสชาติความอร่อยก็คงจะเพราะเป็นกลุ่มของน้องชายเธอนี่แหละ แรกเริ่มที่เปิดร้านใหม่ๆยังไม่มีพนักงานเธอก็ได้เด็กหนุ่มกลุ่มนี้มาช่วยเสิร์ฟ ช่วยทำความสะอาดร้านให้ จนตอนนี้พวกเขาเริ่มโต...ทุกคนก็มีภาระมากขึ้น
" โต๊ะ 5 สั่งแฟลตไวท์ " รุจิกาหันไปหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านนอกเคาน์เตอร์ เธอขมวดคิ้วเข้าหากันเพราะไม่คุ้นกับชื่อเมนูที่เขาเอ่ย
" แฟลตไวท์เหรอ...เอ่อ คืออะไรอ่ะ ชั้นทำไม่เป็น " หญิงสาวเอ่ยอย่างกล้าๆกลัวๆ ...ผู้ชายร่างสูงคนนี้จะไม่กินหัวเธอใช่มั้ย ?
" ... " ภัทรพลถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินเช่นนั้น อะไรกัน...นี่พี่แพรวยังไม่สอนเมนูยอดนิยมของร้านให้เธอหรอกเหรอนี่
แล้วนี่...เขาต้องสอนเธอทำหรือเขาต้องเป็นคนไปทำเมนูนี้ซะเอง
" มึงก็ทำไปแล้วก็สอนกิ๊วไปเลยสิไอ้ภัทร วันนี้ลูกค้าเยอะ...เดี๋ยวก็มีคนสั่งอีกกูว่า " เสียงแว่วดังมาจากนอกเคาน์เตอร์ ให้มันได้อย่างนี้สิ...พี่รหัสของเขาคนนี้นี่ รู้ทั้งรู้อยู่ว่าเขาไม่ชอบสนทนากับคนที่ไม่รู้จักยังจะบอกให้เขามาสอนพนักงานใหม่อีก
ไม่ใช่หยิ่งหรือโลกส่วนตัวสูงนะ...แต่เป็นเพราะมันไม่รู้จะพูดอะไร จะทำหน้ายังไง เวลาที่พูดคุยกับคนแปลกหน้า มันตื่นเต้นจนบ้างครั้งก็พูดผิดๆถูกๆ บางทีก็มีคนเข้าใจผิด ขุ่นเคืองกับคำพูดของเขา เขาไม่ชอบเข้าสังคมมาแต่ไหนแต่ไร นี่เป็นข้อเสียที่เขาเองก็รู้ตัวดี
................................................................................