บันทึก (ไม่) ลับฉบับคุณแม่ 1
ลดไข้...ด้วยมะนาวและยาเขียวตราใบโพธิ์
การเจ็บไข้ได้ป่วย...เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถกำหนดได้ หากเลือกได้เราคงอยากให้ตัวเองและสมาชิกในบ้านมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีใครอยากเจ็บป่วยเป็นโรคนั้นโรคนี้หรอกใช่ไหมคะ...และเพราะตัวเราไม่สามารถกำหนดได้นี่แหละหากเมื่อเกิดอาการต่างๆขึ้นทุกคนจึงต้องหาวิธีมาบรรเทาเพื่อให้อาการเจ็บป่วยนั้นทุเลาเบาบางลง
การเจ็บไข้ได้ป่วยไม่ว่าจะเป็นไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่หรือไข้เลือดออกปกติผู้ผ่วยจะมีอาการแรกเริ่มไม่ต่างกันนั่นคือผู้ป่วยจะตัวร้อน มีไข้ ซึ่งโดยปกติเราก็จะปฐมพยาบาลกันอย่างง่ายๆนั่นก็คือ การเช็ดตัว เพื่อให้อุณหภูมิในร่างกายลดลง แน่นอนว่าวิธีการปฐมพยาบาลโดยการเช็ดตัวนั้นไม่ได้ยากหรือยุ่งวุ่นวายอะไร อุปกรณที่ใช้ก็มีเพียงน้ำ กะละมัง และผ้าขนหนูผืนเล็กเท่านั้น
เนื่องจากลูกชายตัวน้อยของผู้เขียนป่วยง่าย ป่วยบ่อย ป่วยแต่ละครั้งก็ทำเอาเราไม่ได้หลับไม่ได้นอน ผู้เขียนเองจึงพยายามหาวิธีมาช่วยให้ลูกหายจากอาการที่เป็นอยู่เร็วขึ้น เช็ดตัวแบบธรรมดาก็เช็ดได้อยู่แต่หากอยากให้อุณหภูมิในร่างกายลดลงเร็วขึ้นผู้เขียนเองก็ขอเสนอวิธีที่ผ่านการทดลองทำมาด้วยตัวเองนะคะ
วิธีรับมือเบื้องต้น... การดูแลผู้ป่วยไข้ในช่วงแรกเริ่มที่มีอาการ ผู้ดูแลมักเช็ดตัวเพื่อให้ผู้ป่วยตัวเย็นลงควบคู่กับการรับประทานยาซึ่งส่วนใหญ่การเช็ดตัวนั้นเรามักใช้ผ้าจุ่มน้ำธรรมดาแล้วน้ำผ้าไปเช็ดตัวผู้ป่วย แต่วันนี้ผู้เขียนขอนำเสนอวิธีการเพิ่มเติมซึ่งจะช่วยให้ผู้ป่วยมีอุณหภูมิในร่างกายลดลงถึง 2 เท่าเลยทีเดียว นั่นคือการนำมะนาวและยาเขียวตราใบโพธิ์มาละลายผสมกับน้ำเช็ดตัวแทนการใช้น้ำธรรมดา
มะนาว - เป็นพืชชนิดหนึ่งที่เราทุกคนรู้จัก หลายบ้านนำมาเป็นเครื่องปรุงทำอาหารเพราะมีรสชาติเปรี้ยวแต่อีกหลายคนก็นำมาใช้เป็นยาสมุนไพรช่วยในเรื่องผิวพรรณหรือเป็นยาระบายช่วยให้ขับถ่ายคล่อง
ยาเขียวตราใบโพธิ์ - เป็นยาสมุนไพรที่มีสรรพคุณติดฉลากข้างซองว่าช่วยในการลดไข้ ตัวร้อน ผู้คนมักนิยมนำยาชนิดนี้มาใช้เวลาที่มีสมาชิกในบ้านป่วยเป็นโรคออกตุ่ม เช่น อีสุกอีใส
เอาล่ะค่ะหลายท่านคงอยากรู้วิธีการที่ผู้เขียนนำเสนอแล้วใช่มั้ยล่ะคะ...เช่นนั้นมาดูขั้นตอนในการเตรียมการได้เลยค่ะ
1.เตรียมน้ำใส่ขันหรือกะละมังใบเล็ก... นำขันหรือกะละมังใบเล็กใส่น้ำในปริมาณน้อย ( ไม่ถึงครึ่งของภาชนะที่เตรียม ) เพราะหากเตรียมน้ำมากเราก็จะต้องใส่มะนาวและยาเขียวมากตามไปด้วยเช่นกัน
2.หั่นมะนาวเป็นซีก หากมะนาวมีขนาดใหญ่ให้ผ่าแบ่งมะนาวออกเป็น 3-4 ซีก หรือมะนาวลูกเล็กก็สามารถผ่าแบ่งครึ่งได้เลย
ปริมาณมะนาวที่ใช้ ให้สังเกตที่น้ำมะนาว หากผ่าแบ่งออกดูและบีบน้ำมะนาวลงผสมกับน้ำที่เตรียมใส่ในขันแล้วมะนาวมีน้ำมากก็ให้ใช้เพียงแค่ 2 ลูกเท่านั้น แต่หากบีบดูแล้วมะนาวมีน้ำออกน้อยก็ควรเพิ่มปริมาณเป็น 3-4 ลูก ตามสมควร และเมื่อบีบมะนาวลงไปในขันหรือภาชนะที่เตรียมน้ำไว้ให้ใส่เปลือกมะนาวลงไปด้วยเพราะเปลือกชองมะนาวมีกลิ่นหอมสามารถกลบกลิ่นของยาเขียวตราใบโพธิ์ลงได้ด้วย ( เด็กบางคนอาจไม่ชอบกลิ่ยของยาเขียว )
3.ละลายยาเขียวตราใบโพธิ์ลงไปในน้ำ หลังจากบีบน้ำมะนาวและใส่เปลือกลงไปด้วยแล้วให้นำยาเม็ดเขียวตราใบโพธิ์เทใส่ลงไปในภาชนะใบเดิม รอให้ยาเม็ดละลายน้ำจนหมดหลังจากนั้นให้ใช้มือคนผสมตัวยาให้เข้ากัน
4.นำผ้าที่เตรียมไว้มาจุ่มน้ำยาในขัน บิดน้ำออกเล็กน้อย ( ไม่หมาด ) หลังจากนั้นให้น้ำผ้าไปเช็ดตัวผู้ป่วยโดยด้านบนลำตัวให้เช็ดขึ้น เช็ดจากมือขึ้นมาที่หัวไหล่ ส่วนด้านล่างให้เช็ดลง...เช็ดจากเอวลงไปหาปลายเท้า
*** เช็ดให้ทั่วร่างกาย ยิ่งตามข้อพับควรเช็ดมากหน่อย ประมาณ 15 - 20 นาที อุณหภูมิในร่างกายก็จะค่อยๆลดลง
*** ข้อพึงระวัง หากเมื่อเช็ดตัวแล้วประมาณ 30 นาที อาการตัวร้อน มีไข้ยังไม่ลดลงควรพาผู้ป่วยไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนะคะ ส่วนตัวเคยเจอกรณีที่ใช้วิธีดังกล่าวแล้วไม่ได้ผล คือลูกตัวร้อนจี๋ เช็ดหัวไล่ลงมายังไม่ถึงขาหัวร้อนอีกแล้ว ปกติเช็ดแล้วผิวจะเย็นลงบ้างแต่ครั้งนั้นเช็ดยังไงตัวผิวของลูกก็ยังร้อนผ่าวอยู่ดี ซึ่งผลหลังจากที่เราพาลูกไปหาหมอปรากฏว่าป่วยเป็นปอดติดเชื้อ ครั้งนั้นน่าสงสารสุดๆเพราะลูกนอนไม่ได้เลย เค้าหายใจไม่ออก นอนหมุนกลิ้งไปกับที่นอน...คนเป็นแม่อยากจะเป็นแทนใจแทบขาด
ข้อสังเกตอีกกรณีหนึ่งคือ ผู้ที่มีอาการป่วยเกี่ยวกับปอดเท้าจะเย็น เวลาที่ลูกชายตัวน้อยป่วยเป็นไข้แล้วปอดมีปัญหาเท้าของเค้าจะเย็นเฉียบแม้ว่าทั่วร่างกายจะร้อนเป็นไฟก็ตาม หัวร้อน ตัวร้อน ขาร้อน แต่เท้าเย็น ... แม้ว่ายาปฏิชีวนะจะช่วยได้แต่ก็ไม่ทั้งหมด
หากเมื่อจับเท้าของลูกดูแล้วพบว่าเย็นผู้เขียนก็จะนำยาหม่องสมุนไพรมาทาที่ฝ่าเท้าเพื่อเพิ่มความร้อน นวดคลึงที่เท้าเบาๆหรือหากจะใช้เป็นน้ำมันหอมระเหยเพื่อเพิ่มกลิ่นที่สดชื่นก็ได้ หลังจากนั้นก็สวมถุงเท้าทับ...วิธีนี้ใช้ได้ในกรณีที่มีอาการไอร่วมด้วยก็ได้นะคะ ทดลองสูตรนั้นสูตรนี้กันไป
มนุษย์แม่เป็นแม่มือใหม่ทุกวัน ลูกของเราเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน...วันนี้เป็นแบบนี้ พรุ่งนี้อาจเป็นอีกแบบ ลูกแต่ละบ้านก็ต่างกันไป ผู้เขียนเองเคยเล่าลองให้เพื่อนฟังเหมือนกันว่าเลี้ยงลูกเหมือนเป็นหนูทดลอง คนเป็นแม่ก็อยากให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูกเพราะงั้นผู้เขียนเองก็เลยเลือกที่จะลองนั่นลองนี่ ไม่เฉพาะกับวิธีดูแลลูกในยามป่วย