ตอนที่ 2. ข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อ..
“เปล่าค่ะ แค่...” นันทิสาพูดปัด แล้วก็สะบัดหน้าใส่รมิดา
“มาก็ดี ลูกค้าท่านนี้อยาก ‘หิ้ว’ ผมกลับน่ะ” ลูเซียนพูดสอด
“ปะ เปล่านะคะ คือฉันไม่ คือ...” รมิดาปฏิเสธเสียงสั่น
“อ้าวคุณลูกค้า ทำแบบนี้ผมเสียเวลาฟรีสิครับ ผมตกลงรับงานแล้ว ทำไมลูกค้ากลับคำละครับ?” ลูเซียนท้วงเสียงแข็ง พร้อมกับส่งสายตาบอกแลนเดน
“นั่นสิครับ ตกลงแล้วเปลี่ยนใจ คุณแน่ใจนะครับ ค่าปรับที่นี่แพงมากเสียด้วย” แลนเดนรับลูก เขาพูดผสมกับข่มขู่ไปด้วย
รมิดาพยายามทรงตัวยืน ครั้งนี้ลูเซียนไม่รั้งไว้ เขาปล่อยให้เธอยืนบนพื้น แม้ไม่มั่นคงนัก คงเพราะยังไม่สามารถขจัดอาการสั่นๆ ทั้งตัวได้
“เท่าไหร่คะ ค่าปรับ ขอโทษนะคะที่ทำให้เสียเวลา” รมิดาถามแลนเดน แล้วก็หันไปขอโทษชายแปลกหน้าที่ตนเองเข้าใจว่าเป็นหนุ่มโฮส
“คงต้องคุยกันเป็นการส่วนตัวแล้วละครับ ผู้ชายคนนี้ค่าตัวแพงมาก ผมนำเข้ามาจากต่างประเทศ ผมไม่อยากให้เขาเสียหายเพราะการรับจ็อบนอกเวลา”
รมิดาไม่ใคร่แน่ใจ เธอเห็นแววตาขี้เล่นในดวงตาสีน้ำตาลไหม้คู่นั่น แต่แค่ชั่วแว๊บเดียว หลังเธอกะพริบเปลือกตา แววตาที่เธอเห็นก็เปลี่ยนไปเสียแล้ว เธอเม้มปากพยักหน้าตกลง หลังฟังผู้ชายที่เดินเข้ามาแทรกจนจบ
“เชิญทางนี้ครับ คุณด้วย” ลูเซียนผุดลุกขึ้นยืน เขาเดินแซงรมิดาไป ด้วยท่าทางเฉยเมย
“ยัยดา แน่ใจนะว่าไม่มีปัญหา?” เพื่อนคนหนึ่งแทรกถาม
รมิดายิ้มแหยๆ เธอเคยได้ยินข่าวลือเรื่องธุรกิจนี้มาบ้าง ไม่คิดว่าตัวเองจะเจอเข้าจังๆ ในวงการน้ำกาม มีขาโหดคอยควบคุม คนพวกนี้จิตใจเหี้ยมเกรียมมาก หากเธอเผลอเข้าไปขัดขาเข้า บางทีวันนี้ เธออาจกลับบ้านได้ แบบร่างกายไม่ครบสามสิบสองชิ้นเหมือนขามา
“ไม่รู้สิ ฉันขอฟังข้อเสนอของพวกเขาก่อนนะ”
เธอเดินตามไปเป็นคนสุดท้าย ประตูห้องห้องหนึ่งเปิดไว้แง้มๆ รมิดามองผ่านช่องที่มีแสงลอดออกมา ก่อนจะถอนใจ ด้านในไม่ใช่แบบที่เธอคิด จิตนาการของเธอกำลังทำลายความมั่นใจ ในห้องแห่งนั้นไม่ได้มีสภาพเหมือน ‘ห้องเชือด’ เหมือนที่เคยได้ยินมา ไม่มีเตียง ไม่มีบาร์เหล้า นอกจากโซฟารับรองแขกแล้ว ก็มีโต๊ะทำงานตัวใหญ่ริมกระจกอีกหนึ่งตัว
แลนเดนแอบอมยิ้ม ท่าทางประหม่าและหวาดกลัวของผู้หญิงคนนั้น แตกต่างกับสภาพภายนอก หล่อนคงจงใจประดิษฐท่าทางเพื่อให้คนรอบตัวเข้าใจแบบนั้น หากให้ประเมิณจากประสบการณ์ แลนเดนฟันธงได้เลย ผู้หญิงตรงหน้า ไม่มีประสบการณ์กับเพศตรงข้ามเลยแม้แต่นิดเดียว
รมิดาเดินเข้ามาหยุดยืนกลางห้อง เธอพยายามดึงชายกระโปรงที่ร่นขึ้นสูงให้ลงต่ำอีกสักเล็กน้อย คงเพราะแววตาสีน้ำตาลไหม้คู่นั่นแหละ แม้จะเฉยชาและไร้วี่แววอื่นๆ แต่นั่นกลับไม่ทำให้เธอสบายใจขึ้น รมิดารู้สึกเหมือนกับว่า ดวงตาคู่นั้นกำลังสะกดเธอให้ยอมจำนน
“นั่งสิครับ รับเครื่องดื่มอะไรดี?” แลนเดนถามเสียงสุภาพ พร้อมกับผายมือไปที่โซฟาตัวเดียวตัวนั้น
“ขอไวน์แดงนะ!” ลูเซียนสั่งเสียงเรียบ เขาหยิบรีโหมตมากดเปิดทีวีที่ซ่อนไว้หลังโปรเจ็กเตอร์ ท่าทางของเขาเหมือนกำลังสนุกกับทุกอย่างรอบตัวเสียเหลือเกิน
“คุณละครับ” แลนเดนถามย้ำ
“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันแค่อยากรู้ ฉันต้องจ่ายค่าเสียเวลาให้ ‘เค้า’ เท่าไหร่คะ?” รมิดาส่ายหน้า เธอย้อนถามเสียงเคร่ง
“นั่งให้สบายใจดีกว่าครับ เดี๋ยวค่อยคุยรายละเอียดกัน แต่ผมอยากย้ำให้คุณรู้อีกหน่อย ผู้ชายคนนี้คิวงานของเขาไม่เคยว่างเลย เขาเป็นหนุ่มฮอตค่าตัวโคตรแพง และค่อนข้างเอาแต่ใจตัวเองด้วย”
รมิดายิ้มแหยๆ ส่งให้ เธอไม่ได้อยากรู้ตรงจุดนั้น เธออยากรู้แค่ว่า หากเธอต้องจ่ายค่าเสียเวลาให้กับชายผู้นี้ เธอต้องควักสตางค์จ่ายให้เขาเท่าไหร่กันแน่
ลูเซียนแยกเขี้ยว แสยะยิ้มให้อดีตการ์ด เขาตวัดปลายขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง พอหญิงแปลกหน้าคนนี้เฉียดเข้ามาใกล้ ปฏิกิริยาในร่างกายเขาก็ตอบรับปุบปับ จนแทบเก็บอาการไม่อยู่ เนื้อตัวเขาเต้นระริก จุดอับสัญญาณเบื้องล่างก็เริงร่าขึ้นมาดื้อๆ เขาอยากหัวเราะ พร้อมกับอยากร่ำร้อง หากเขาอยู่กับผู้หญิงคนนี้แค่สองคน โซฟาที่นั่งอยู่ คงกลายเป็นสังเวียนรักไปแล้ว แต่นี่...เพราะมีแลนเดนอยู่ด้วย แววตารู้ทันของมันอีกที่ทำให้ลูเซียนนึกฉุน