ตอนที่ 2. ข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อ....
รมิดาส่งยิ้มแหยๆ ให้ เธอพยายามใช้พื้นที่ให้น้อยที่สุด เธอบีบตัวและหากไม่น่าเกลียดไปนัก เธอคงตัดสินใจนั่งบนที่ท้าวแขนของโซฟา แทนการนั่งลงบนเบาะหนังกระด้างด้านข้างชายผู้นี้
กลิ่นของเขากำลังป่วนการรับรู้ของเธอ กลิ่นนั่นชวนให้รู้สึกวาบหวามแปลกๆ
“หิวมั้ยครับ?” เป็นคำถามธรรมดาแท้ๆ แต่รมิดากลับรู้สึกตรงกันข้าม เธอไม่ได้รู้สึกหิว มันกระอักกระอ่วนและอยากไปจากตรงนี้เร็วๆ ไม่อย่างนั้นเธออาจเผลอตัวทำบางอย่าง ตั้งแต่เจอคนคนนี้ เธอใกล้บ้าเต็มที เธออยากแตะต้องเขา อยากสัมผัสจุดที่แสนอันตรายนั่น เธออยากรู้ในสิ่งที่ไม่ควรเรียนรู้ เหมือนกับว่า เธออยากแหกกฎของตัวเอง รมิดาฝืนกลืนน้ำลาย ลำคอเธอแห้งเหมือนขาดน้ำมาแรมปี ริมฝีปากเธอแห้งและเริ่มตกสะเก็ด เธอแลบลิ้นออกมาเลีย แต่แล้วก็ต้องสะดุ้ง จนแทบกระโจนหนี
เธอได้ยินเสียงคำราม เสียงต่ำๆ ในลำคอ ประหนึ่งด้านข้างเธอ มีสัตว์ร้ายกระหายเลือดนั่งอยู่ด้วย
ลูเซียนหัวใจแทบวาย เขามองริมฝีปากแห้งแตกระแหงของหญิงคนนี้อยู่ดีๆ แท้ๆ จู่ๆ หล่อนก็แลบลิ้นออกมา ลิ้นเล็กๆ สีชมพูอ่อนนั่นเกือบทำให้เขาสติหลุด เขาเผลอตัวคำรามออกมา และหากยังเป็นเช่นนี้ วันรุ่งขึ้น และวันต่อๆ ไปเขาคงต้องทนฟังคำพูดระคายหูจากแลนเดนไปตลอดชีวิต
เขาหน้ามืด ใกล้จะคลุ้มคลั่งแล้วสิ
ตอนที่ 3.ฝันสลาย
แลนเดนวางแก้วบรั่นดีตรงหน้าลูเซียน เขาถึงดึงสายตากลับมาจากจุดที่น่าสนใจนั่นได้ เสียงลากเก้าอี้ทำให้สติที่กระเจิดกระเจิงไปไกลย้อนกลับมาที่เดิม ลูเซียนยกมือขยี้เปลือกตา ก่อนจะฉวยแก้วไวน์มากระดกดื่ม
“เบาครับ เดี๋ยวก็เมาหรอก” เสียงเตือนไม่เบานัก
แต่คนถูกเตือนกลับรู้สึกเหมือนตัวเองเสียหน้า ลูเซียนแยกเขี้ยวแสยะยิ้มมุมปาก “กูไม่เมาเพราะไวน์สั่วๆ นี่หรอกนะโว้ย”
แลนเดนก้มหน้ากลั้นขำเต็มที่ เขาท้วงเสียงหลง ไวน์ที่ลูเซียนเพิ่งดื่ม ราคาไม่ใช้น้อยๆ เลย “นี่ Remy martin เชียวนะครับ”
“เออแล้วไงวะ?”
“ไม่แล้วไง แต่มันโคตรแพงเลย จะสั่วได้ยังครับลูกพี่”
“เดี๋ยวกูจ่ายให้ ยกมาทั้งขวดเลย ไวน์ดีกรีต่ำ แอลกอฮอลล์น้อยแค่นี้ล้มกูไม่ได้หรอก” ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกเสียหน้า ลูเซียนเลยเผลอตัวตะคอกใส่แลนเดน จนรมิดาเอียงคอมอง เขาเลยลดท่าทางแข็งกร้าวลง “ค่าตัววันนี้พอไหมครับ สำหรับไวน์โคตรห่วยขวดนี้” เขาแสร้งพูดกับแลนเดน แต่ตั้งใจให้รมิดาได้ยิน
แลนเดนกลั้นขำก่อนตอบ “เหลือๆ”
รมิดากะพริบเปลือกตาปริบๆ เธอเม้มปากรู้สึกกระอักกระอ่วนแปลกๆ เธอมองตามชายที่บอกว่าตนเองเป็นเจ้าของบาร์โฮสแห่งนี้ เขาฉวยขวดไวน์ติดมือมา และวางลงตรงหน้าของชายอีกคน ขนตรงหลังต้นคอรมิดาลุกชันโดยไม่มีสาเหตุ เธอจ้องมองขวดรูปร่างแปลกตาตาโต
เธอไม่ได้เจนจัดในโลกน้ำเมา แต่ก็พอรู้จักยี่ห้อไวน์บ้างเหมือนกัน รมิดาตาโตหลังสะกดตัวอักษรภาษาอังกฤษ ที่เป็นฉลากระบุยี่ห้อของไวน์ขวดนั้น เธอไม่แน่ใจรุ่น หรือชื่อเต็มของไวน์ชนิดนี้นัก แต่ที่รู้คือ ไวน์ Remy martinนี่ราคาน่าขนลุกแค่ไหน เท่าที่เคยเห็นผ่านตา ราคาต่ำสุดๆ เลย ก็สามารถถอนขนหน้าแข้งของเธอหล่นเกือบครบทุกเส้น
“เดี๋ยวนะคะ ค่าเสียเวลาของคุณผู้ชายท่านนี้เท่าไหร่แน่คะ?” เธอยอมเสียมารยาท แทรกถาม เมื่อสะกดความอยากรู้ไว้ไม่ไหว
“ถามเป็นนาที หรือชั่วโมงดีครับ” ลูเซียนเป็นตอบเสียเอง
แลนเดนถึงกับชำเลืองมอง เขากลั้นยิ้ม ฉวยแก้วเปล่ามารินไวน์ให้ตัวเอง วันนี้เขาดื่มโดยไม่ตะขิดตะขวงใจ เพราะไวน์ขวดนี้ ลูเซียนอาสาเป็นคนจ่ายให้
รมิดากลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคออีกแล้ว
“นาที” เธอครางเสียงหลง ไม่เคยรู้มาก่อน ราคาค่าตัวหนุ่มโฮสเขาคิดกันเป็นนาทีด้วย
“ครับใช่ ผมโคตรฮอต ดังนั้นค่าเสียเวลาของผมเลยแพงไปหน่อย” ลูเซียนไม่ได้คุย ทุกนาทีของเขามีราคาที่ต้องจ่าย หากหญิงตรงหน้ารู้ ทุกการสูดลมหายใจเข้าออกของเขา มีรายการเงินเข้าเท่าไหร่ หล่อนคงชักตาตั้ง
“แล้วมันเท่าไหร่ละคะ?” รมิดากลั้นใจถาม
แลนเดนเลิกหัวคิ้วขึ้นสูง ลูเซียนเลยผายมือ “ให้เจ้านายผม เป็นคนบอกดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่าผมโม้”