ตอนที่ 1.เมื่อโชคชะตาเหวี่ยงคนสองคนมาเจอกัน..
“อย่าบอกนะว่าเธอไม่เคยมาที่นี่” เสียงแหลมปรี๊ดของคู่อริที่วางท่าเหมือนคนเจนจัดจนรมิดายอมไม่ได้
เธอปรับสีหน้าท่าทาง ไหวไหล่ ก่อนจะตอบช้าๆ “นุ่น เธอเลอะเลือนเหรอ ที่นี่เพิ่งเปิดวันแรก เธอกับฉันจะเคยมาได้ยังไง?”
นันทิสาแอบเบ้ปาก เธอพยายามจับผิดรมิดามาหลายอาทิตย์แล้ว แต่ยังหาช่องเปิดโปงผู้หญิงไร้เดียงสาตรงหน้าไม่ได้สักที รมิดาวางท่าเป็นสาวเจนจัด ทั้งที่ตัวเองไม่มีประสบการณ์กับเพื่อนต่างเพศสักนิดเดียวเลย นันทิสาพยายามแย้งหลายครั้ง แต่เพื่อนๆ ในกลุ่มไม่มีใครเชื่อเธอสักคน หากเพื่อนคนไหนมีปัญหา คนแรกที่พวกเขานึกถึงคือ...รมิดา
และปัญหาเหล่านั้นก็ถูกคลี่คลาย
มันน่าเจ็บใจที่ตัวเองหาวิธีเปิดโปงรมิดาไม่ได้เลย นันทิสาเลยคิดจะใช้โอกาสนี้ ทลายหน้ากากจอมปลอมของรมิดาให้เพื่อนคนอื่นรู้ แต่เธอก็ดันพลาดตั้งแต่ก้าวแรก
“นั่นสินุ่น เธอเคยมาเหรอ บาร์นี่เพิ่งเปิดวันนี้วันแรกนะ หรือว่าเธอเป็นหุ้นส่วนที่บาร์แห่งนี้เหรอ?”
นันทิสาเบ้ปาก “ฉันรวยขนาดนั้น ฉันคงไม่ต้องแหกตาตื่นไปทำงานงกๆ หรอกจ้ะ”
“ก็นั่นสิ แล้วเธอจะมากระแหนะกระแหนยัยดาทำไม บาร์เพิ่งเปิด เธอมาครั้งแรก ส่วนยัยดาก็มาครั้งแรกเหมือนกัน”
นันทิสายอมสงบปาก เธอพลาดจนเผลอเผยไต๋ให้รมิดาจับได้ จากนี้หล่อนคงระวังตัวจัด ไม่มีทางพลาดให้เธอซ้ำเติมได้เลย
รมิดาถอนใจดังพรวด!! โชคดีที่เสียงดนตรีช่วยกลบเกลื่อน เธอพยายามกดความประหม่าที่เกิดขึ้นปุบปับ พอหาที่นั่งได้ รมิดาก็เริ่มสำรวจรอบตัว เธอควรหาทางรอดให้ตัวเองก่อนที่ความลับของเธอจะแตก จนเพื่อนๆ ทุกคนจับได้
เธอถอนใจด้วยความโล่งอก จินตนาการของเธอลึกล้ำก่อนจะเหยียบเข้ามาในแดนสนทยาแห่งนี้เสียอีก เธอได้แต่ตั้งใจ วันนี้คงไม่มีเรื่องราวที่ทำให้เธอแตกตื่น พนักงานส่วนใหญ่ที่เห็น สวมเสื้อผ้ามิดชิดดี
“บาร์โฮสนี่ ไม่ใช่ระดับที่ฉันเคยไปเลยนะ” เป็นการเสแสร้งที่แนบเนียนและไม่น่าจะมีคนจับได้
นันทิสาหันขวับ เหยียดปากยิ้มหยัน ละครที่รมิดาแสดงเริ่มเปิดฉากอีกครั้งแล้วสินะ “เธอเคยเที่ยวบาร์โฮสแบบนี้มาก่อนเหรอยัยดา?”
“ใช่สิ แถวห้วยขวางน่ะ มีหลายที่เลยนะ แต่ละที่ หนุ่มโฮสเด็ดๆ ทั้งนั้น” รมิดาเคยเห็นข่าวฉาวๆ เกี่ยวกับบาร์ประเภทนี้ผ่านตาบ่อยๆ หนุ่มที่นั่นถูกคัดตัว และฝึกการเอาใจผู้หญิงมาอย่างดี หากผู้หญิงคนไหนพลาดตกบ่วงเสน่ห์เข้า กว่าจะรู้ตัวว่าถูกหลอก ก็แทบไม่เหลืออะไรเลย
‘รักจอมปลอมที่ซื้อได้ด้วยเงิน’ ในค่ำคืนที่มีแต่ความมืด ความเหงาจะชักพาคนคล้ายๆ กันโคจรมาเจอกัน แต่สำหรับหนุ่มโฮสเหล่านั้น มันคืออาชีพ พวกเขาพร้อมที่จะเอาใจเพื่อแลกกับผลประโยชน์ที่เขาจะได้รับ
เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่สมใจทั้งสองฝ่าย
“วันหลังเธอไป สะกิดชวนฉันด้วยสิ ฉันอยากเปิดหูเปิดตาบ้าง”
“อย่าเลย มันแพง” รมิดาปิดปากหัวเราะ เธอเคยเห็นข่าว การเที่ยวในบาร์ประเภทนี้มีค่าใช้จ่ายสูงมาก พนักงานเงินเดือนไม่ถึงสามหมื่นอย่างเธอจะเอาปัญหาหาเงินนั่นมาจากไหน
“นั่นสิ แกดู หากไม่ใช่วันเปิดวันแรก ค่าดริ้งนี่แพงมหาโหดเลยนะ” ใครบางคนส่งโบชัวร์ราคาค่าเครื่องดื่มมาให้ รมิดาตาโตเก็บอาการแทบไม่อยู่
“แพงกว่าที่ฉันเคยไปเกือบห้าเท่าเลยนะ” เธอกลืนน้ำลายลงคอฝืดๆ ต่อให้กะพริบเปลือกตาถี่แค่ไหน เลขศูนย์ที่ต่อท้ายตัวเลขหลักหน้าก็ไม่ลดลงเลย เธอได้แต่รำพึงในใจ เธอไม่มีทางยอมเสียสตางค์ซื้อเครื่องดื่มให้หนุ่มโฮสเป็นค่าดริ้งเด็ดขาด ‘เหล้าบ้าอะไรแก้วละสองพัน’
“แหงละ หนุ่มนั่นสวมอาร์มานี่ จะระดับเดียวกับหนุ่มโฮสทั่วไปได้ยังไง” นันทิสาเปรย เธอนั่งมองหนุ่มโฮสคนหนึ่งตาปรอย แอสแซสเซอร์รี่ของเขาทำเอาลูกกระเดือกของเธอเต้นพล่าน ตั้งแต่สูทอาร์มานี่ รองเท้าลาบูแตง ถ้าจำไม่ผิดเข็มกลัดเนกไทนั่นก็ของCHANEL เขาดูมีอายุหน่อยๆ คงไม่ใช่หนุ่มโฮสธรรมดา