บทที่ 2
.
..
...
“พ่อหมายความว่ายังไงครับ ตอนนี้ผมไม่อยากคิดเรื่องนั้น ผมจะอยู่กับพ่อเท่านั้น ผมจะดูแลพ่อ” เขากล่าวด้วยแววตาเศร้า รู้ดีว่าอีกไม่นานมันก็จะเกิดขึ้น แต่ยังทำใจยอมรับไม่ได้ที่จะต้องสูญเสียคนที่รักสุดหัวใจไป
“อิงรักพ่อไหม”
“รักสิครับ ฮึก...รักที่สุดในโลกเลย”
“ถ้าอิงรักพ่อแต่งงานกับพี่ภามนะ พ่ออยากเห็นงานแต่งของลูกพ่อก่อนจากโลกนี้ไป อิงทำให้พ่อได้ไหม เรื่องนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นอย่างปุบปับ แต่พ่อกับลุงกฤตสัญญากันไว้ว่าลูกโตขึ้นจะให้แต่งงานกัน” รณกฤตกล่าวกับลูกชายด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เพราะเริ่มรู้สึกปวดที่ช่วงท้อง
“ครับพ่อ ผมจะแต่งงานกับพี่ภาม อะไรที่ทำให้พ่อมีความสุขผมก็จะทำทั้งนั้น” เขาจับมือบิดาขึ้นมาแนบแก้ม มองหน้าคนที่นอนป่วยบนเตียงน้ำตาเอ่อคลอ
เมื่อหนุ่มน้อยวัยใสตอบรับแล้ว แขกทั้งสองต่างก็ยิ้มด้วยความดีใจ ไม่ใช่แค่ทำเพื่อรักษาสัญญาเท่านั้น แต่รณกฤตอยากให้เพื่อนมีความสุขในช่วงสุดท้ายของชีวิต และอีกอย่างก็เห็นความน่ารักสดใสในตัวอิงทัช และคิดว่าหนุ่มน้อยคนนี้เหมาะที่จะมาเป็นสะใภ้ที่สุดแล้ว
ในระหว่างนั้น ‘ภารันย์’ ก็เดินถือของพะรุงพะรังเข้ามาในบ้าน ชายหนุ่มสวมกางเกงสแลกสีดำเข้าคู่กับเสื้อกาวน์สีขาวขนาดพอดีตัว ส่องสายตาหาบิดามารดาจนเจอแล้วเดินตรงเข้ามาหา
“คุณพ่อ คุณแม่ครับ”
“อ้าว! ตาภามมาพอดีเลย ไหว้คุณลุงซะสิลูก”
ภารันย์วางของไว้บนโต๊ะจากนั้นเดินตัวเปล่าเข้ามานั่งลงเก้าอี้ข้างมารดา ยกมือไหว้อย่างมีสัมมาคารวะ
“สวัสดีครับคุณลุง”
“ไม่เห็นตั้งนานโตขึ้นเป็นหนุ่มหล่อแล้วนะเรา”
“ขอบคุณครับคุณลุง คุณลุงเป็นยังไงบ้างครับ รู้สึกปวดตรงไหนบ้างหรือเปล่า” ด้วยความเป็นหมอทำให้ชายหนุ่มมีความอ่อนโยนกับผู้ป่วยเสมอ ทำอย่างนี้มานานจนรู้สึกชินและกลายเป็นนิสัยส่วนตัวไปแล้ว
“ลุงไม่เจ็บไม่ปวดตรงไหนเลย” ที่พูดอย่างนั้นเพราะไม่อยากให้ลูกชายต้องรู้สึกเครียดไปด้วย
“ดีแล้วครับ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านี้คุณลุงห้ามเครียดนะครับ ทำใจให้สบาย ๆ แล้วก็นอนพักผ่อนให้เพียงพอ”
“มีความอ่อนโยนกับคนป่วยสมแล้วที่เรียนหมอ ขอบใจนะที่ช่วยแนะนำลุง”
ภารันย์ยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองหนุ่มน้อยที่นั่งฝั่งตรงข้าม ใบหน้าหวานที่แปดเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาไม่ทำให้ความน่ารักลดลงเลยสักนิด ทว่าเขากลับไม่ได้รู้สึกพิศวาสเลย นั่นเพราะมีคนรักอยู่แล้ว การโดนบังคับให้แต่งงานกับหนุ่มน้อยคนนี้รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับตัวเองสักเท่าไหร่
“สวัสดีครับ” เมื่อมีโอกาสได้มองหน้ากัน อิงทัชจึงยกมือไหว้ตามมารยาท
“สวัสดีครับ น้องอิงใช่ไหม”
“ใช่ครับพี่ภาม” เขายิ้มน้อย ๆ เห็นหน้าชายหนุ่มก็ต้องร้องอ๋อในใจ เคยเห็นเขาแต่ไม่นึกว่าจะเป็นลูกชายของเพื่อนบิดา ที่สำคัญเห็นเขาควงแฟนสาวมานั่งดื่มกาแฟหน้าคณะเภสัชอยู่บ่อย ๆ อีกด้วย
“ลุงฝากน้องด้วยนะภาม ดูแลน้องแทนลุงด้วยนะ”
“พ่อครับ...” เขาพยายามจะเอ่ยปากห้ามบิดา แต่ภารันย์กลับแทรกเสียงเข้ามาก่อน
“ผมจะดูแลน้องให้ดีที่สุดครับ คุณลุงไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นแล้วนะครับ”
อิงทัชมองหน้าคุณหมออย่างไม่เข้าใจ พูดอย่างนั้นก็ไม่ต่างจากการแช่งบิดาของเขา ทว่าอีกฝ่ายทำเป็นไม่สนใจ ส่งยิ้มให้คนที่นอนป่วยอยู่บนเตียงต่อไป
“ได้ยินอย่างนี้ลุงก็ดีใจแล้วล่ะ รู้สึกดีขึ้นเยอะเลย” เห็นรอยยิ้มอันผ่อนคลายของบิดาจึงได้คลายความสงสัย เขาพูดเอาใจเพื่อให้บิดามีกำลังใจที่ดีขึ้นสินะ
“เห็นไหมล่ะว่าลูกชายกูนิสัยดีขนาดไหน มึงไม่ต้องเป็นกังวลว่าอิงทัชแต่งงานแล้วจะไม่มีความสุข กูกับอรจะรักอิงทัชเหมือนลูกชายแท้ ๆ เลยล่ะ” รณกฤตกล่าวกับเพื่อนรักที่เคยร่วมเป็นร่วมตายกันมาตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่น รักกันมากกว่าพี่น้องร่วมสายเลือดเสียอีก
“กูมั่นใจแล้วว่าอิงทัชจะต้องมีชีวิตที่สวยงามหลังจากกูตายไปแล้ว”
“พ่อครับ ห้ามพูดคำนี้อีกนะ”