บทที่ 1
.
..
...
หนุ่มน้อยร่างเล็กหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มในชุดนักศึกษา สะพายกระเป๋าผ้าใบใหญ่เดินเร่งฝีเท้าไปยังบ้านไม้สองชั้นหลังเก่าที่อาศัยอยู่มาตั้งแต่เด็กจนโต เขาและบิดาอยู่กันเพียงลำพังสองพ่อลูก ส่วนมารดานั้นจากไปตั้งแต่เมื่อครั้งยังเรียนชั้นอนุบาลแล้ว
เมื่อเดินมาถึงหน้าบ้านก็พบว่ามีรถคันหรูจอดอยู่ริมกำแพงรั้ว พอจะเดาออกว่าคงเป็นบรรดาผู้ที่เข้ามาเยี่ยมเยียนบิดาเหมือนทุกครั้ง นั่นเพราะตอนนี้ผู้เป็นบิดากำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ระยะสุดท้ายแล้ว และนั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาเครียดมาตลอดระยะเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา
เข้าไปในบ้านก็พบว่าตอนนี้มีแขกสองคนกำลังนั่งอยู่ข้างเตียงผู้เป็นบิดา ดูจากการแต่งตัวแล้วคงมีอันจะกินไม่น้อย ‘อิงทัช’ จึงถือโอกาสนี้รีบเดินเข้าไปทักทายแขกผู้มาเยือน
“สวัสดีครับ” เขายกมือไหว้อย่างนอบน้อม พร้อมด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ที่ใครได้เห็นก็ตกหลุมรักอย่างแน่นอน
“อ้าว! สวัสดีจ้ะอิงทัช” สาวใหญ่กล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มเช่นกัน ทำตัวราวกับรู้จักและสนิทสนมกับเขามาก่อนเสียอย่างนั้น
“สะ...สวัสดีครับคุณป้า”
“อิงทัชมาหาพ่อเร็วลูก” ผู้เป็นบิดาที่นอนบนเตียงในสภาพซูบผอมเอ่ยเรียกลูกชายเข้าไปหา
“ครับพ่อ”
เขาเดินอ้อมไปอีกฝั่ง จากนั้นจับมือบิดาเอาไว้หลวม ๆ ให้กำลังใจเหมือนทุกครั้งที่เคยทำมาโดยตลอด
“นี่ลุงกฤตเพื่อนสนิทพ่อ ส่วนนั่นป้าอรภรรยาคุณลุงเขา”
“สวัสดีอีกครั้งนะครับคุณลุงคุณป้า”
“โตขึ้นเป็นหนุ่มแล้วหน้าเหมือนแม่จริง ๆ เลย อิงทัชคงจำลุงกับป้าไม่ได้สินะ สมัยตอนเป็นเด็กเรายังวิ่งซนกับพี่ภามอยู่หน้าบ้านลุงทุกวันเลย” รณกฤตกล่าว
เขาได้แต่ยิ้มเพราะจำเรื่องพวกนั้นไม่ได้เลย ทว่าชื่อบุคคลที่สามกลับสะดุดหู “ใครคือพี่ภามเหรอครับคุณลุง”
“เราคงจำพี่เขาไม่ได้สินะ พี่ภามเป็นลูกชายลุงเองล่ะ อีกหน่อยเดี๋ยวก็ตามมา ตอนนี้เรียนหมอปีสุดท้ายแล้ว ลุงว่าหนูคงจะเคยเห็นหน้าพี่เขาในมหาวิทยาลัยบ้างอยู่นะ คนนั้นออกจะฮอตคนรู้จักทั้งมหาวิทยาลัยเชียวนะ” รณกฤตกล่าวถึงสรรพคุณลูกชายให้ฟัง เพื่อเกริ่นนำเรื่องที่กำลังจะบอกกล่าวให้หนุ่มน้อยได้รับรู้
“พี่เขาเรียนที่ไหนครับ”
“ก็มหาวิทยาลัยเดียวกับหนูนั่นล่ะ ลุงถามพ่อเราหมดแล้วว่าหนูเรียนคณะอะไรที่ไหน”
“ออครับ...สงสัยคงจะเคยเห็นผ่าน ๆ เพราะผมเคยเข้าไปเรียนในตึกคณะแพทย์บ้างเหมือนกัน”
“ป้าถามจริง ๆ นะ ตอนนี้อิงทัชมีแฟนหรือยังจ๊ะ มีคนที่กำลังคุยอยู่หรือเปล่า”
“ยังไม่มีเลยครับ พ่อป่วยอย่างนี้ผมไม่มีเวลาไปคิดเรื่องอย่างนั้นหรอก แค่เรียนกับดูแลพ่อก็แทบจะไม่มีเวลาแล้ว ไหนจะกลับมาขายเสื้อผ้าออนไลน์อีก” เขาตอบด้วยรอยยิ้ม
“งั้นดีเลย ทั้งเก่งทั้งขยันอย่างนี้เหมาะกับตาภามที่สุดเลยนะคุณ” รินอรกล่าวกับสามี
“คุณป้าหมายความว่ายังไงครับ” เจ้าตัวขมวดคิ้วเล็กน้อย
“เรื่องนี้พ่อจะเป็นคนอธิบายให้ลูกฟังเอง อิงรู้ใช่ไหมว่าพ่อคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน”
“ทำไมพ่อพูดอย่างนี้ล่ะครับ”
“พ่อพูดถึงความเป็นจริง พ่อรู้ตัวดีว่าคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน เช่นนั้นแล้วพ่อจึงอยากเห็นลูกเป็นฝั่งเป็นฝา ได้คู่ครองที่ดีและเป็นคนที่พ่อไว้ใจ”