ตอนที่ 4 กินสิ แล้วค่อยพูด
“บอสคะ ใจเย็น ๆ ก่อนนะคะที่นี่เป็นห้องทำงานของคุณนะคะ”
“และคุณกับผมก็มีเซ็กส์กันครั้งแรกที่นี่ ไม่ต้องย้ำเพราะผมจำได้ จำได้ว่าใช้….”
มิลินรีบใช้มือของเธออุดปากเขาเอาไว้ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมามากกว่านี้ เธอคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะกล้าพูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้ด้วยสีหน้าเรียบเฉยแบบนี้ แม้แต่เธอที่ฟังอยู่ยังรู้สึกชาไปทั้งหน้าเพราะความอาย
“คุณปิดปากผมทำไม ถ้าอยากปิดต้องใช้อย่างอื่น เช่น…”
“อื้อ…ปล่อยนะคะ”
ไม่ทันที่เธอจะได้ป้องกันเขาก็ปล้นเอาจูบของเธอไปจนได้ มิลินดิ้นเล็กน้อยอยู่ในอ้อมแขนของเขาและค่อย ๆ นิ่งลงจนเริ่มปล่อยให้เขาจูบเธอไปเงียบ ๆ
“จูบตอบสิ ทำไม่เป็นเหรอ”
“บอสคะ ไม่ใช่ตอนนี้”
“ถ้าอย่างนั้นพักเที่ยงกับตอนเลิกงานได้ใช่ไหม”
“ไม่ใช่นะคะมิลิน…อื้อ…อ๊ะ อย่าถอดนะคะ”
“ผมชอบกลิ่นน้ำหอมของคุณ”
“บอส อื้อ…. หยุดก่อนค่ะเดี๋ยวมีคนเข้ามา”
“คุณว่าจะมีสักกี่คนที่อยากจะเข้ามาในห้องนี้ถ้าผมไม่เรียก อีกอย่างถ้าผมไม่ปลดล็อกคุณคิดว่าใครจะเข้ามาได้งั้นเหรอ”
“แต่คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้นะคะ”
“งั้นเหรอแต่ผมคิดว่าตั้งแต่สิ่งที่เกิดขึ้นวันก่อนผมมีสิทธิ์เต็มที่ อีกอย่างอย่าลืมสิว่าผมพึ่งจะช่วยคุณไปเองนะ”
มิลินลืมเรื่องของศิระไปเสียสนิทเลย ตั้งแต่เขาเอามือถือของเธอไปพูดแทนวันนั้น ศิระก็เงียบไปและไม่ได้พยายามโทรมาหาเธออีกเลยซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีแต่เพราะมิลินมัวแต่คิดวนเวียนกับเรื่องเมื่อวันศุกร์จึงได้ลืมไป
“ทำไมล่ะ เงียบแบบนี้คุณคิดจะขอบคุณผมยังไงล่ะ…มิลิน”
“บอสคะ เดี๋ยวก่อนนะคะเรามานั่งคุยกันดี ๆ ก่อนได้ไหมคะ ฉันยังมีงานต้องทำและคุณเองก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ว่างขนาดนั้นนะคะ”
“ก็ได้ คุยก็คุย”
เขายอมให้เธอลุกไปนั่งแต่ก็ไม่ยอมแยกที่นั่ง เธอยังต้องถูกดึงมานั่งข้าง ๆ เขาเมื่อภูวินทร์ดึงกาแฟมาตรงหน้าเธอ
“กินสิ แล้วค่อยพูด”
“ไม่ค่ะ มิลินคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันก่อน…บอส…”
“ทำไม คุณว่ามาสิผมฟังอยู่”
“เราสองคนก็แค่พลาด…ดังนั้นพวกเราลืมมันไปแล้วก็เป็นเพียงเจ้านายกับลูกน้องเหมือนเดิมนะคะ”
เขายังคงอ่านแฟ้มงานต่อแม้ว่ามือจะเริ่มสั่นเพราะความโกรธกับสิ่งที่เธอพูดแต่เขาเก็บอาการได้ดีจนเธอไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่ก่อนจะพ่นลมออกมาทางจมูก
“ลืมเหรอ นี่คุณจะเอาแบบนั้นจริงเหรอ”
“ค่ะ ฉันคิดว่าบอสเองก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องแบบนี้เพราะ…”
“ว่ามาสิ ผมฟังคุณอยู่”
“เพราะว่าเรา ไม่ได้…ชะ…”
“ปัง!!”
แฟ้มในมือถูกกระแทกลงที่โต๊ะขณะที่เธอกำลังพูดอยู่ เขาเองก็ลุกขึ้นและเดินไปที่โต๊ะทำงานทันทีเช่นกันพร้อมกับใบหน้าที่เคร่งขรึมที่มักจะเห็นกันอยู่เป็นประจำ
“เอาแฟ้มงานกลับออกไปบอกทีมของคุณให้แก้งานใหม่นั่นทั้งหมด แล้วอย่าส่งงานชุ่ย ๆ แบบนั้นมาให้ผมอีก ออกไปได้แล้ว”
“คะ?”
“ไม่ได้ยินเหรอผมบอกว่าออกไปได้แล้วยังไงล่ะ เอาขยะนั่นออกไปด้วยให้เวลาแก้สามชั่วโมง บ่ายสองนี้ผมจะเรียกประชุมเตรียมตัวให้พร้อมด้วย”
“ค่ะ จะรีบไปทำเดี๋ยวนี้ค่ะ”
มิลินตั้งตัวไม่ทันกับท่าทางที่เขาเปลี่ยนไปกะทันหัน เธอรีบคว้าแก้วกาแฟซึ่งมีของเขาติดมาด้วยและค่อย ๆ นำมาวางที่โต๊ะทำงานของเขาซึ่งตอนนี้ไม่ได้มองเธออีกต่อไปแล้วแต่สายตาของเขาอยู่กับคอมพิวเตอร์ที่พึ่งเปิดขึ้นมา
“กะ กาแฟค่ะบอส ขอตัวก่อนนะคะ”
ภูวินทร์กดรีโมทที่มือเพื่อปลดล็อกประตูให้เธอออกไป มิลินที่รีบเดินออกไปอย่างรีบร้อนพร้อมกับแฟ้มงานในแผนกที่เอามาวางไว้ก่อนที่เขาจะเข้ามาก็รีบปิดประตูทันที ภูวินทร์หันไปมองประตูที่พึ่งปิดไปอีกครั้งพร้อมกับอุทานออกมาด้วยความโมโหที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ลืมงั้นเหรอ คิดว่ามันง่ายแบบนั้นเลยงั้นเหรอ”
กาแฟที่เริ่มเย็นแล้วถูกกระแทกลงในถังขยะทันทีเมื่อเธอเดินออกไป
แผนกโปรแกรมเมอร์
“ฟู่ว…. เกือบตายแล้วไหมล่ะ”
“มิลินเกิดอะไรขึ้นทำไมถึงถูกอีตาบอสถึงได้เรียกไปแต่เช้า”
“นี่ไงสาเหตุ โดนด่าเละเทะเลยเอาไปแก้ด้วย อ้อ บอสโหดนั่นบอกว่าแก้ให้เสร็จบ่ายสองจะประชุม”
""เฮ้อ….""
เสียงของเพื่อน ๆ ในแผนกนั้นไม่บอกก็รู้ว่าอะไรจะรอทุกคนอยู่ตอนบ่ายสอง ทุกคนหันกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองเงียบ ๆ และเริ่มทำงานที่ต้องแก้ทั้งระบบทันที
“นี่มิลินแกไปทำอะไรให้อีตาบอสนั่นไม่พอใจหรือเปล่า”
“พี่อุ่น เมื่อเช้าเห็นเขาขึ้นมากับพี่แล้วไม่ใช่เหรอทำไม…”
“ขึ้นบ้าอะไรล่ะ เขาเดินออกจากลิฟต์ทันทีพอแกบอกว่าจะไปซื้อกาแฟพี่ไลน์ไปแล้วแกไม่ได้อ่านเหรอ”
“ไม่ทันได้อ่านค่ะเขาเดินมาก่อน สยองชะมัด”
“รีบแก้ไขงานเถอะ แต่ของมิลินรอดแล้วนี่ เฮ้อ…ของพี่สิไม่รู้ว่าเขาจะให้แก้ยังไงอีก”
“มิลินช่วยค่ะพี่อุ่น”
“มิลินเธอคือแม่พระมาโปรดแท้ ๆ ช่วยพี่หน่อยเถอะยาไมเกรนพี่แทบจะหมดกระปุกแล้วตั้งแต่บอสย้ายมาคุมแผนกเรา”
บ่ายสอง / ห้องประชุม
“นี่อย่าบอกนะว่าพวกคุณแก้ไขทุกอย่างมาหมดแล้ว”
เป็นไปตามที่คาด ระเบิดย่อม ๆ ลงลงที่ห้องประชุมเล็กของแผนกอีกครั้งกับห้องเย็นที่พวกเขามักพูดกันเพราะมันทั้งหนาวและน่ากลัวเพียงเพราะมีบอสอย่างภูวินทร์
“ระบบมีความผิดพลาดเต็มไปหมด เปิดช่องโหว่ให้เซิร์ฟเวอร์ อนุชิตคุณลืมจุดนี้ไปได้ยังไง”
“ครับบอส ผมจะรีบแก้ไขครับ”
“วาดดาว คุณเองก็ลืมโค้ดการเขียนโปรแกรม แก้มาสองครั้งแล้วก็ยังผิดอีก”
“ขอโทษค่ะบอส จะรีบแก้ไขค่ะ”
“โค้ดของคุณผิดไปแปดตัว คุณเรียนจบมาได้ยังไงกันกับการเขียนโปรแกรมพื้นฐานแบบนี้ยังทำผิดพลาดเอาไปแก้ไขให้เรียบร้อย”
“ค่ะบอส”
“มิลินรดา”
“ค่ะบอส”
เขาหันไปมองหน้าเธอที่หันมาสบตาเขาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ซึ่งเธอนับเป็นคนเดียวในทุก ๆ ครั้งที่เข้าประชุมที่ไม่เคยยอมแพ้เขาสักครั้ง แม้ว่าเธอจะมีฝีมือในการจัดการเรื่องผิดพลาดของแผนก แต่เขากลับหงุดหงิดทุกครั้งเมื่อเห็นสายตาอวดดีของเธอ หงุดหงิดจนอยากจะกินเธอทั้งตัวให้เธอยอมแพ้ในอ้อมกอดเขาเหมือนคืนนั้น
“รวบรวมข้อผิดพลาดนี้และเข้าไปส่งที่ห้องผม วันนี้เราต้องมานั่งแก้ไขด้วยกัน”
“อะไรนะคะ ทำไมต้อง...”
“คุณก็ดูสภาพเพื่อนร่วมงานของคุณแต่ละคนสิ ว่าใครที่มีความสามารถแก้ไขงานนี้ได้อีก อย่าพูดมากแล้วทำตามที่ผมสั่งจะได้ส่งไปให้ฝ่ายอื่นเสียที เลิกประชุม”
ทุกคนค่อย ๆ ทยอยกันออกจากห้องประชุม ภูวินทร์ที่นั่งอ่านแฟ้มงานอยู่ในมือยังคงนิ่งอยู่ซึ่งมักจะเป็นแบบนี้ทุกครั้ง มิลินเองก็รู้ว่าเขาทุ่มเทกับงานมากแค่ไหนซึ่งเป็นเช่นนี้มาโดยตลอดไม่อย่างนั้นผลประกอบการของบริษัทตั้งแต่ที่เขาเข้ามาดูแลคงไม่พุ่งสูงทะลุเพดานจนเป็นที่ยอมรับขนาดนี้
“มิลินไปเถอะ”
“ค่ะพี่อุ่น”
ดูเหมือนว่าเรื่องเมื่อเช้าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเพราะภูวินทร์ที่ยังคงนั่งเฉยอยู่ในห้องประชุมก็ไม่ได้มีท่าทีที่เปลี่ยนไปจากเดิมเลยสักนิด เมื่อมิลินและคนอื่น ๆ เดินออกมาจากห้องประชุมและนำงานของแผนกมาตรวจสอบโดยละเอียดก็พบความผิดพลาดหลายจุดอย่างที่บอสเคยพูดเอาไว้ เพื่อนร่วมงานของเธอไม่ละเอียดรอบคอบในการทำงานจริง ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้คงจะหลุดรอดออกไปเหมือนกันแต่เพราะไม่ใช่โปรเจคใหญ่จึงยังไม่พบปัญหา
“คิดไม่ถึงว่าแม้แต่จุดเล็ก ๆ น้อย ๆ เขาก็สังเกตเห็นสมกับเป็นซาตานแห่งวงการจริง ๆ”
ไม่ทันที่เธอจะได้ทำงานต่อเสียงมือถือก็สั่นขึ้นมาพร้อมกับข้อความในไลน์ที่มาจากคนที่เธอไม่รู้จัก
“ผมอยากดื่มกาแฟ เมื่อเช้านี้มันเย็นแล้วลงไปซื้อมาให้ผมด้วย ให้เวลาสิบนาที”