ตอนที่ 5 “รีบเข้ามาสักที”
“อะไรวะเนี่ย!!”
“มิลิน เป็นอะไรตกใจหมดเลย”
ทุกคนในแผนกหันมามองเธอด้วยท่าทางตกใจ อนุชิตนั้นพุ่งน้ำที่พึ่งจิบออกมาจนเลอะหน้าจอเพราะตกใจ เสื้อของเขาเองก็เปียกเพราะหันมามองเธอ
“มิลินเราขอโทษที่ต้องให้เธอแก้งานนะ เรายอมรับใช้เธอเลยจะเอาอะไรก็บอกดี ๆ อย่าพึ่งโมโหเลยนะ”
“ไม่นะ ไม่ใช่ ๆ ไม่เกี่ยวกับพวกคุณ ช่างเถอะมิลินจะลงไปข้างล่างไปซื้อกาแฟหน่อยนะคะ”
“เราไปด้วย ๆ เราไปช่วยถือนะ”
อนุชิตเป็นผู้อาสาเธอจึงเดินมาพร้อมกับเขาและกดลิฟต์ แต่เมื่อประตูลิฟต์เปิดก็ต้องตกใจเพราะคนที่พึ่งเดินออกมาคือบอสหนุ่มกับเลขาของเขา “พัชระ” นั่นเอง
“อ้าวมิลินกำลังจะไปไหนกันเหรอ”
“ไปซื้อกาแฟครับคุณพัชระ พวกเราขอตัวก่อนนะครับมิลินรีบไปกันเถอะ”
อนุชิตคล้องแขนมิลินและรีบเดินเข้าไปในลิฟต์ที่ทั้งสองพึ่งจะเดินออกมา ภูวินทร์หันไปมองพวกเขาพร้อมกับหรี่ตาเมื่อประตูลิฟต์กำลังปิดแต่มิลินที่ไม่ได้สังเกตเขาเพราะมัวแต่คุยกับอนุชิตที่จับแขนเธอเอาไว้แน่น
“ทำอย่างกับหวงแฟน ตาอนุชิตนี่ก็แปลกนะทำนัวเนียกับคุณมิลินแบบนี้ไม่กลัวเป็นข่าวหรือไงนะหรือว่า... สองคนนั้นคบกันแล้วเหรอครับ”
“หุบปากไปเถอะน่ะ เตรียมข้อมูลที่จะไปพบลูกค้าหรือยัง”
“ยังมีเวลาอีกตั้งสองวัน…เรียบร้อยแล้วครับเจ้านาย แหม… ไม่ต้องทำหน้าดุขนาดนั้นผมไม่พลาดเรื่องแค่นี้อยู่แล้วเอานี่กำหนดการในงานเลี้ยง คราวนี้ต้องคว้าโปรเจคนี้มาให้ได้นะครับ ถ้าทำได้ระบบเซิร์ฟเวอร์ที่ใหญ่ที่สุดก็จะเป็นของเรา”
“อืม”
ร้านกาแฟ
“น่ากลัวสุด ๆ ไปเลยเห็นสายตานั่นไหมเห็นทีไรก็ยังขนลุกตลอดเลย”
“ทำยังไงได้ล่ะก็พวกเราก็ทำพลาดจริง ๆ นี่ เขาตำหนิก็ถูกแล้วนี่มันบริษัทของเขานี่นา”
“ก็ใช่แหละนะ ขอบใจมิลินมากเลยนะที่ช่วยเราไว้อีกแล้วถ้าไม่ได้มิลิน…”
“ช่างเถอะชิต แกก็ระวัง ๆ เอาไว้บ้างก็รู้นี่ว่าบอสคนใหม่ดุขนาดไหน งานแก้ไปกี่รอบเขาก็ไม่พอใจ”
“นั่นสิ สงสัยคงต้องตั้งใจมากกว่านี้แล้วล่ะ”
ห้องทำงานภูวินทร์
ก๊อก ก๊อก
ไม่ทันที่เธอจะเปิดประตูก็มีคนเปิดออกมาเสียก่อน พัชระ เลขาหนุ่มของบอสเธอนั่นเองที่เปิดออกมาพร้อมกับแฟ้มงานในมืออีกหลายเล่มที่เดินถือออกมา
“อ้าวมิลินมาแล้วเหรอ”
“คุณพัชระ จะรีบไปไหนเหรอคะ”
“อ๋อ ผมต้องรีบขึ้นไปส่งรายงานให้แผนกซอฟต์แวร์ที่ชั้นยี่สิบเอ็ดน่ะสิ ขอตัวก่อนนะคนสวย”
“เดี๋ยวค่ะ มิลินซื้อกาแฟมาฝากคุณด้วยแต่ว่าจะถือไหวไหมคะเนี่ย”
“ว้าว มีกาแฟด้วยพอดีเลยครับผมกำลังง่วงเลย ขอบใจมากนะมิลินเดี๋ยวผมจัดการเองครับ ขอตัวก่อนนะ”
“ค่ะ”
คนที่นั่งฟังทุกประโยคอยู่ในห้องเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเธอไม่เดินเข้ามาสักทีอีกทั้งยังเอาแต่พูดคุยกับเลขาของเขาอยู่หน้าห้องจนเขาทนไม่ไหว
“รีบเข้ามาสักที”
มิลินต้องรีบหันไปมองพัชระที่ทำท่าให้เธอเข้าไปและรีบปิดประตูให้เธอทันทีเพราะเขารู้จักอารมณ์ของบอสอย่างภูวินทร์ดีว่ามักจะหงุดหงิดอยู่เสมอ มิลินเองก็ไม่อยากจะเข้ามาในห้องนี้บ่อย ๆ แต่ก็ต้องทำตามคำสั่ง กาแฟดำของเขาถูกวางที่โต๊ะ
“กาแฟค่ะบอส”
“อืม”
“เสร็จธุระแล้ว…”
“ผมอนุญาตให้คุณไปได้แล้วงั้นเหรอ”
“แต่มิลินยังมีงาน…”
“คุณมานี่ มานั่งแก้งานตรงนี้ผมจะบอกข้อบกพร่องของทีมงานคุณทำเอาไว้”
มิลินจำใจเดินเข้าไปที่โต๊ะของเขาและยืนมองเขาจึงดึงเธอมานั่งที่ตักเขาทันที
“บอสคะ มิลินยืนดูได้ค่ะ”
“ไม่ต้อง ถ้าไม่มองใกล้ ๆ จะเห็นข้อผิดพลาดได้ยังไง ดูนี่สิที่ผมทำเครื่องหมายเอาไว้ นั่นคือส่วนที่ผิดพลาดทั้งหมด”
มิลินต้องตกใจอีกครั้งเพราะสิ่งที่เขาเปิดคือโปรแกรมในระบบที่ทีมเธอเขียนขึ้นมาซึ่งมีข้อผิดพลาดมากมายอย่างที่เขาพูดมาจริง ๆ เธอนั่งจ้องจอใหญ่ของบอสในห้องที่มองดูได้อย่างละเอียดและค่อย ๆ เลื่อนดูทีละจุด
“ให้ตายเถอะแต่ละจุดอยู่ในที่ที่ไม่ควรผิด อีกอย่างโค้ดนี่ก็เขียนผิด บอสคะคุณจะ…”
เธอลืมตัวว่ากำลังนั่งอยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไรอยู่เมื่อหันไปก็เกือบจะชนเข้ากับหน้าของเขาที่จ้องเธออยู่ สายตาของเขายังนิ่งไม่มีวี่แววจะตกใจเหมือนกับเธอ
“มีอะไร พูดมาสิผมฟังอยู่”
มิลินค่อย ๆ ขยับตัวออกมาและยืนขึ้นทันทีที่ได้สติ
“คะ คือว่าบอสพอจะส่งไฟล์ตัวนี้ให้มิลินได้ไหมคะจะได้แก้ไขให้ทันทีค่ะ”
“แบบนั้นน่าจะลำบาก ไม่สู้คุณไปเอารายงานที่เขียนเข้ามาในห้องและแก้ไปทีละจุดผมจะบอกให้ว่ามันผิดตรงไหนบ้าง”
“ตะ แต่ว่านี่เป็นงานของ…”
“ให้เวลาสามนาทีไม่อย่างนั้นก็นั่งแก้ไปตรงนี้โดยไม่ต้องออกไปอีก”
“รอสักครู่นะคะ!!”
มิลินเกลียดความเผด็จการนี้ที่สุดแต่ถ้าจะเลือกไม่ให้เอาอะไรเข้ามาเลยตอนนี้เธอก็ไม่สามารถทำงานและรายงานกลับไปที่แผนกได้ถูกว่าพวกเขาผิดพลาดตรงไหนจะได้ระวังในงานชิ้นต่อไป เธอเดินออกมาอย่างหงุดหงิดเพื่อกลับออกมาเอาของทั้งหมดย้ายเข้าไปในห้องทำงานของภูวินทร์แต่คนที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กลับยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“อย่าคิดว่าจะหนีไปได้มิลินรดา คนปากแข็ง”
ไม่ถึงห้านาที มิลินกับแฟ้มรายงานและของทั้งหมดก็ถูกนำเข้ามาในห้องของบอสสุดโหดในแผนกซึ่งเพื่อนร่วมงานของเธอก็พร้อมใจกันช่วยเธอเก็บของและยืนไว้อาลัยให้กับมิลินเมื่อเธอต้องเข้าห้องต้องห้ามที่ไม่มีใครอยากเฉียดเข้าไปถ้าไม่จำเป็น โดยเฉพาะเวลาที่เจ้าของห้องอยู่ในนั้น
“โชคดีนะมิลิน”
“มิลิน สู้ ๆ นะ”
ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสังเกตเลยว่าเรื่องราวระหว่างเธอกับบอสหนุ่มนั้นเปลี่ยนไปเพราะทุกคนไม่เห็นถึงความเปลี่ยนไปของบอสเลยนอกจากความดุและเผด็จการที่เพิ่มมากขึ้นจนทุกคนอยากจะหนีตาย
ห้องทำงานของภูวินทร์
“มาแล้วค่ะ”
“อืม มานั่งนี่สิไม่อย่างนั้นคุณจะแก้ไขงานยังไง”
“แต่มิลินเอาโน้ตบุคมานะคะ”
“ผมขี้เกียจส่งไฟล์ใหญ่ ๆ เสียเวลา มาแก้ไขตรงนี้คุณก็คอยจดไปด้วยเร็ว ๆ เข้า”
เขายอมลุกจากเก้าอี้เพื่อให้เธอนั่ง ส่วนตัวเขายืนพิงผนังด้านหลังมองดูอยู่และคอยชี้จุดบกพร่องให้เธอแก้ ซึ่งนับว่าช่วยลดเวลาในการแก้ไขได้รวดเร็วตามที่เขาบอก
เวลาทำงานภูวินทร์จะค่อนข้างจริงจังและรอบคอบ มิลินเองก็ชื่นชมเขาในจุดนี้เช่นกันหากไม่นับเรื่องที่เขามักจะดุด่าคนในแผนกเวลาที่ทำงานบกพร่องหรือเรื่องเมื่อครั้งก่อนที่เกิดขึ้นในห้องนี้
“จุดนี้เป็นจุดสุดท้ายแล้ว”
“ค่ะ”
ภูวินทร์เองก็ต้องยอมรับว่ามิลินรดาเป็นนักเขียนโปรแกรมที่เก่งคนหนึ่ง เมื่อมีเธออยู่ในทีมงานที่ต้องแก้ไขก็มักจะรวดเร็วอยู่เสมอแต่ที่เขาไม่พอใจก็คือเพื่อน ๆ ในทีมที่เอาแต่พึ่งพาเธอมากเกินไปจนไม่สนใจหน้าที่ของตัวเอง
“เสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ”
“ดี งั้นรีบเก็บของเถอะผมหิวแล้ว”
มิลินหันมามองหน้าเขาและต้องหันกลับไปมองนาฬิกาที่ข้อมือของเธออีกครั้งก็ต้องตกใจเมื่อเขากับเธอแก้งานนี้ตั้งแต่ช่วงสี่โมงเย็นจนถึงตอนนี้….
“ตายจริง!! สี่ทุ่มแล้วเหรอคะ คิดไม่ถึงว่าจะใช้เวลานานขนาดนี้ขอโทษทีค่ะบอส”
“ไม่เป็นไร ผมมีเวลาให้คุณทั้งคืนรีบไปเก็บของเถอะจะได้รีบกลับบ้านกัน”