บทที่ 24 อานุภาพของบัตรสมาชิกธรรมดา
“บ้าฉิบ ยัยนี่ตามหลอกหลอนไม่เลิกเลย!”
เมื่อเย่เฉิงเฟิงเห็นตงฟางเสวี่ย ก็ล้มเลิกความคิดที่จะไปขอยืมเงินทันที
อย่าถามว่าทำไม
เมื่อสิบปีก่อนตงฟางเสวี่ยถอนหมั้นกับเขา นั่นทำให้เขาไร้คุณค่าในตระกูลเย่ ถูกขับออกตระกูลอย่างไร้เยื่อใย และยังถูกตามไล่สังหารอีกด้วย
ถ้าไม่บังเอิญโชคดีได้รับมรดกจากผู้อาวุโสบำเพ็ญเซียนที่หลงมายังโลกมนุษย์ เย่เฉิงเฟิงก็คงไม่มีวันนี้
จะว่าไปแล้วก็ทั้งรักทั้งเกลียดตงฟางเสวี่ย
เย่เฉิงเฟิงไม่อยากเข้าใกล้เธอ ไม่ใช่เพราะกลัวเธอ แต่กลัวว่าตัวเองจะเผลอลงมือทรมานเธอก่อนแล้วค่อยฆ่าเธอทีหลัง
“จริงสิ โลโก้ของบาร์จักรพรรดินี่เหมือนอยู่บนบัตรที่ท่านปู่ฟ่านให้เลยนี่นา ลองดูสิว่าจะลดถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์เหลือสักสี่ร้อยหยวนไหม”
เย่เฉิงเฟิงหยิบบัตรใบนั้นออกมาทันที แล้วโยนไปที่เคาน์เตอร์อย่างไม่ใส่ใจ “เฮ้น้อง ลองดูสิว่าลดได้เท่าไร”
“ครับ”
พนักงานที่แต่งตัวเรียบร้อยรับบัตรไปพร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ
แต่ในวินาทีถัดมา พนักงานคนนั้นก็เบิกตากว้าง แล้วชะงักนิ่งไปถึงสามวินาที
จากนั้นเขาก็มือสั่น ๆ แล้วรีบโทรหาผู้จัดการ กระซิบพูดอะไรเบา ๆ สองสามคำ
ไม่ถึงสามสิบวินาที ชายวัยกลางคนท่าทางคล่องแคล่วคนหนึ่งก็วิ่งมาที่เคาน์เตอร์ด้วยความเร็วเหมือนนักวิ่งร้อยเมตร ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด
ทันทีที่เขามาถึง แขกคนสำคัญหลายคนที่มักมาดื่มที่นี่ ต่างก็ลุกขึ้นทักทายเขา
แม้ว่าเขาจะเป็นแค่ผู้จัดการบาร์จักรพรรดิธรรมดา ๆ แต่เบื้องหลังเขาคือตระกูลฟ่านเชียวนะ
ในเมืองฮู่ ตระกูลฟ่านถือเป็นอันดับหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ มีอำนาจทั้งแวดวงราชการและธุรกิจ เรียกได้ว่าบารมีล้นเหลือ ด้วยเหตุนี้ที่บาร์จักรพรรดิของตระกูลฟ่าน ผู้จัดการอย่างเฉินเฟิงจึงได้รับความเคารพเป็นอย่างสูง
แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือ เฉินเฟิงกลับไม่สนใจพวกบุคคลสำคัญเลยสักนิด รีบรับบัตรจากพนักงานมาดูทันที
แล้วเขาก็ไม่ถามอะไรเลย ยื่นบัตรคืนให้เย่เฉิงเฟิงด้วยสองมือพร้อมกับกล่าวด้วยความเคารพว่า “สวัสดีครับท่านแขกผู้มีเกียรติ กระผมชื่อเฉินเฟิง เป็นผู้จัดการบาร์จักรพรรดิ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดของท่านในวันนี้ไม่คิดเงิน และสามารถใช้ห้องวีไอพีระดับพรีเมียมได้ทุกเมื่อ”
“ดีขนาดนั้นเชียว?”
เย่เฉิงเฟิงอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ ไม่คิดเลยว่าบัตรสมาชิกธรรมดาที่ท่านฟ่านให้จะมีอำนาจขนาดนี้ หรือว่ามีแต้มสะสมเยอะเกิน?
อีกอย่างตอนนี้เขาต้องเฝ้าดูหลินจื่อเวยพอดี โดยไม่อยากให้ตงฟางเสวี่ยเห็นเข้า ถ้าอยู่ในห้องวีไอพีก็ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดโดยไม่ต้องสงสัยเลย
“เชิญทางนี้ครับ”
เฉินเฟิงทำท่าทางเชิญอย่างนอบน้อมสุภาพ มือไม้สั่นเล็กน้อยไม่ต่างจากพนักงานคนนั้น
แขกผู้ทรงเกียรติระดับพรีเมียมของตระกูลฟ่านเชียวนะ!
เขาเคยฝันอยากมีโอกาสต้อนรับแขกระดับนี้ แต่ห้องวีไอพีระดับพรีเมียมของบาร์จักรพรรดิ นับตั้งแต่ตกแต่งเสร็จ ยังไม่เคยมีใครได้เข้าไปใช้เลย
แขกคนสำคัญหลายคนของบาร์จักรพรรดิ พยายามใช้เส้นสายของเขา บางคนถึงขั้นเสนอราคาสูงเพื่อจะได้สัมผัสห้องวีไอพีสุดพิเศษห้องนี้ แต่เขาก็ปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้า
แต่วันนี้กลับโชคดีจริง ๆ ที่เขาได้เจอกับคนที่มีคุณสมบัติเข้าใช้ห้องนั้นได้
แถมยังหนุ่มขนาดนั้นอีกต่างหาก!
เมื่อเย่เฉิงเฟิงก้าวเข้าไปในห้องวีไอพีระดับพรีเมียม บาร์จักรพรรดิทั้งร้านก็ฮือฮากันขึ้นมาทันที
โดยเฉพาะบรรดาคนใหญ่คนโตในเมืองฮู่ ต่างก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
“หมอนั่นเป็นใครน่ะ เฉินเฟิงถึงกับพาเขา...เข้าห้องวีไอพีในตำนาน”
“แขกคนสำคัญของตระกูลฟ่าน! ไม่รู้ที่มาที่ไป เหมือนยังหนุ่มอยู่เลย”
“……”
เทียบกับความตกตะลึงของคนส่วนใหญ่ ตอนนี้หลินจื่อเฉียงกลับรู้สึกสงสัยขึ้นมา
เพราะเธอสังเกตเห็นราง ๆ ว่า คนที่เฉินเฟิงพาเข้าไปในห้องวีไอพีระดับพรีเมียมอย่างนอบน้อมเมื่อครู่ เหมือนจะใส่ชุดยูนิฟอร์มรปภ.ของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพหลินซื่อ และเงาหลังดูคล้ายเย่เฉิงเฟิงมาก
“พี่ พี่ว่าคนที่เพิ่งเข้าไปในห้องวีไอพีระดับพรีเมียม จะใช่พี่เทพรถซิ่งหรือเปล่า?”
“จะเป็นไปได้ยังไง?” หลินจื่อเวยปรายตามองประตูห้องวีไอพีระดับพรีเมียมหรูหรานั่น แล้วพูดติดตลกว่า “ที่แบบนั้น ไม่ต้องพูดถึงพวกเราเลย แม้แต่พ่อของเสวี่ยเอ๋อร์ก็ยังเข้าไม่ได้! ไอ้พี่เทพรถซิ่งของเธอ ขับรถเก่งก็จริง แต่ถ้าวัดกันที่ฐานะ เขายังไม่มีคุณสมบัติพอหรอก”
“รปภ.เฝ้าประตูนั่นน่ะเหรอ?” ตงฟางเสวี่ยหัวเราะเยาะ “แขกคนสำคัญของตระกูลฟ่านแบ่งชนชั้นชัดเจนนะ ส่วนห้องวีไอพีระดับพรีเมียมนั่นมีไว้รับรองแขกคนสำคัญระดับพรีเมียมเท่านั้น เท่าที่ฉันรู้มา บัตรวีไอพีพรีเมียมเคยออกให้แค่คนเดียวเอง แถมยังเป็นเรื่องเมื่อหลายปีก่อนแล้วด้วย”
“ใครกันล่ะ? ถึงได้มีเกียรติขนาดนั้น?” หลินจื่อเวยกับหลินจื่อเฉียงถามพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ดูท่าทางอยากรู้อย่างมาก
“ผู้นำสูงสุดของประเทศหัวเซี่ยน่ะสิ!”
“……”
ห้านาทีต่อมา เฉินเฟิงผู้จัดการของบาร์จักรพรรดิ ก็ค่อย ๆ เดินออกจากห้องวีไอพีระดับพรีเมียมอย่างระมัดระวัง
“ผู้จัดการเฉิน ทางนี้ค่ะ!”
หลินจื่อเฉียงรีบโบกมือเรียกเฉินเฟิงมาหาทันที
“คุณหนูรองหลิน มีอะไรให้รับใช้ครับ?” เฉินเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“เอ่อ ขอถามหน่อยค่ะ คนที่คุณพาเข้าไปในห้องวีไอพีระดับพรีเมียมเมื่อกี้ เป็นบุคคลสำคัญคนไหนเหรอคะ?”
“หนึ่งคือผมไม่ทราบ สองคือต่อให้ทราบก็บอกไม่ได้ครับ นี่คือความลับของตระกูลฟ่าน”
“ก็ได้ แล้วเขาใส่ยูนิฟอร์มรปภ.ใช่หรือเปล่า? นี่น่าจะไม่ใช่ความลับนะ?”
“เหมือนจะ...ใส่ยูนิฟอร์มรปภ.นะครับ” เฉินเฟิงคิดแล้วพยักหน้า
พอได้ยินดังนั้น ดวงตาของหลินจื่อเฉียงก็ส่องประกายขึ้นทันที แม้แต่หลินจื่อเวยกับตงฟางเสวี่ยก็ยังดูประหลาดใจนิดหน่อย
หรือหลินจื่อเฉียงจะเดาถูก?
คนนั้นที่เข้าไปในห้องวีไอพีระดับพรีเมียม เป็นรปภ.เฝ้าประตูคนใหม่ของบริษัทหลินซื่อจริงเหรอ?
“แล้วเขา...ใส่ยูนิฟอร์มรปภ.ของบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพหลินซื่อหรือเปล่าคะ?”
หลินจื่อเฉียงถามต่อ
“เรื่องนี้ผมไม่ทราบครับ”
เฉินเฟิงยิ้มเจื่อน “คนระดับนั้น ผมจะกล้ามองสำรวจละเอียดได้ยังไงครับ?”
“เดี๋ยวสักพักคุณเข้าไปดูใหม่สิ”
หลินจื่อเฉียงโน้มน้าวอีก “เดี๋ยวถ้าทำสำเร็จ ฉันเลี้ยงเหล้าคุณเลย”
“โห เหล้าคุณไม่น่าดื่มเลยครับ”
เฉินเฟิงส่ายหน้า “ถ้าทำให้แขกผู้ทรงเกียรติโกรธขึ้นมา ผมต้องโดนตัดหัวแน่ ไม่กล้าจริง ๆ ครับ”
พูดจบเขาก็เดินออกจากโต๊ะของพวกหลินจื่อเวย แล้วถูกแขกสำคัญจากโต๊ะอื่นเรียกตัวไปทันที
เฉินเฟิงปฏิเสธทุกคำถามอยากรู้อยากเห็นของพวกเธอโดยไม่มีข้อยกเว้น
“อย่างนั้นเหรอ ท่านฟ่าน ขอบคุณสำหรับบัตรสมาชิกธรรมดานะ!”
เย่เฉิงเฟิงนั่งอยู่ในห้องวีไอพีระดับพรีเมียม ใช้กระแสจิตฟังบทสนทนาของบรรดาแขกที่สงสัยได้อย่างชัดเจน
ด้วยเหตุนี้ เขาจึงหยิบบัตรสีทองออกมาดู แล้วนึกถึงคำพูดของท่านฟ่านที่ว่า 'แต้มสะสมเยอะมาก พอใช้ไปพลาง ๆ ได้' เขาแทบจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
สุภาษิตกล่าวไว้ว่า ‘ผู้หญิงสามคนรวมกันจะเกิดเรื่องวุ่น’
หลินจื่อเวย หลินจื่อเฉียงและตงฟางเสวี่ย รวมกันได้ครบพอดี
ตั้งแต่เย่เฉิงเฟิงเข้ามานั่งในบาร์จักรพรรดิเวลาผ่านไปสามชั่วโมงเต็มแล้ว ดื่มวิสกี้ไปสองขวด เรมี มาร์ติน XO อีกหนึ่งขวด เข้าออกห้องน้ำหลายรอบ แต่หลินจื่อเวยทั้งสามก็ยังคุยกันไม่เลิก ไม่มีวี่แววว่าจะกลับเลย
ก้มมองโทรศัพท์อีกที ปรากฏว่าเป็นเวลาห้าทุ่มครึ่งแล้ว!
“พูดมากกันจริง! ก็แค่เรื่องจิปาถะในชีวิตเองไม่ใช่เหรอ? ถึงกับต้องคุยกันอย่างออกรสขนาดนี้เลย?”
เย่เฉิงเฟิงรินเหล้าด้วยความหดหู่
แต่ในขณะที่ยกแก้วขึ้นมาจ่อปาก เขาที่กำลังใช้กระแสจิตจับตาดูหลินจื่อเวยกับอีกสองคนอยู่ ก็ได้ยินหลินจื่อเวยพูดขึ้นมากะทันหันว่า “จริงสิ เสวี่ยเอ๋อร์ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากบอกเธอมานานแล้ว”
“เรื่องอะไร? ทำไมต้องลับ ๆ ล่อ ๆ ?”
“คือว่า...รปภ.เฝ้าประตูคนใหม่ที่บริษัทฉันน่ะ...ที่จริงแล้ว...เขาคือคนที่เธอถอนหมั้นไปเมื่อสิบปีก่อน ฉันรู้ตั้งแต่วันแรกที่ทำงานแล้ว”
“ว่าไงนะ?”
ตงฟางเสวี่ยกับหลินจื่อเฉียงแทบจะอุทานเสียงหลงออกมาพร้อมกัน