บท
ตั้งค่า

บทที่ 22 ไอ้ผู้บังคับบัญชาหื่นกาม

“คุณ...จะทำอะไร?”

ขณะนี้เหยียนอี๋เยว่หน้าแดงซ่านกว่าเดิม

ทรวงอกอวบอิ่มที่ตั้งตระหง่านแนบชิดกับอกแกร่งของเย่เฉิงเฟิงอย่างแนบแน่นโดยไม่อาจหลีกเลี่ยง ความนุ่มหยุ่นที่ถูกบีบอัดแน่นนั้น สั่นไหวจนกระตุ้นให้ร่างกายเธอวาบหวิวราวกับกระแสไฟฟ้าเบา ๆ ผ่านผิวกาย

ประกอบกับกลิ่นกายแบบชายหนุ่มเข้มข้นของเย่เฉิงเฟิงที่อบอวลอยู่รอบตัว ทำให้ร่างเธออ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืน หัวใจเต้นรัวเหมือนกลอง

“ถามทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วงั้นเหรอ?”

เย่เฉิงเฟิงยิ้มเจ้าเล่ห์ พร้อมกับค่อย ๆ กดดันให้เธอถอยหลังไปจนชิดห้องน้ำ

ลมหายใจร้อนผะผ่าวของเขารดอยู่บนแก้มเธออย่างเร่งเร้า จนแม้แต่ใบหูก็แดงก่ำ ร่างบอบบางของเธอปล่อยไอร้อนออกมาราวกับไฟ

“เย่...”

“อย่าพูด”

“แต่...”

“ไม่มีแต่”

เย่เฉิงเฟิงกดเธอไว้กับผนังอย่างเผด็จการ

ในระยะใกล้ชิด สูดกลิ่นหอมเย้ายวนที่ร่างอ่อนนุ่มของเหยียนอี๋เยว่ปล่อยออกมา

“ฉะฉะฉะ...ฉันจะไปทำกับข้าว!”

เหยียนอี๋เยว่รู้สึกถึงความร้อนจากปลายนิ้วของเขา จึงรีบหาข้ออ้างจนลิ้นพัน แล้วรีบวิ่งหนีออกจากห้องน้ำอย่างลุกลี้ลุกลน หายวับไปทันที

“ดูสิคราวหน้าเธอจะกล้าอีกไหม”

เย่เฉิงเฟิงเห็นท่าทางของเหยียนอี๋เยว่แล้ว ก็หัวเราะเจ้าเล่ห์ด้วยความพึงพอใจสุด ๆ

จากนั้น เขาเอียงคอตะโกนออกไปข้างนอกว่า “เดี๋ยวฉันจะออกไปข้างนอกแป๊บ เธออยู่บ้านฝากดูหลินจื่อเวยด้วยนะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น ให้รีบแจ้งฉันทันที”

“รู้แล้วจ้า ไอ้ผู้บัญชาการหื่นกามเอ๊ย”

เหยียนอี๋เยว่พูดด้วยน้ำเสียงขัดใจเล็กน้อย แล้วจงใจทำเสียงหม้อกระทะให้ดังสนั่นเพื่อไม่ให้ถูกสงสัยว่าไม่ได้ทำอาหาร

หลังจากเย่เฉิงเฟิงอาบน้ำเสร็จและทานข้าวเย็นเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยจนฟ้ามืด

เขาจึงคาบบุหรี่แล้วเดินออกจากวิลล่าหมายเลข 9

แต่ยังไม่ทันเดินออกจากเจียงปินการ์เดน เขาก็เจอกับท่านฟ่านกับเสี่ยวปู้ที่กำลังออกมาเดินเล่นหลังมื้ออาหาร

สองปู่หลานจับมือกันเดินช้า ๆ ดูไร้กังวลไม่ทุกข์ร้อน

“หมอเย่! นายก็ออกมาเดินเล่นด้วยเหรอ?”

ท่านฟ่านเอ่ยทักทายก่อน

“เอ่อ หลังอาหารไม่มีอะไรทำเลยออกมาเดินเล่นน่ะครับ”

เย่เฉิงเฟิงใช้กระแสจิตตรวจสอบอย่างรวดเร็ว พบว่าอาการของท่านฟ่านทรุดหนักลงกว่าเดิมเล็กน้อย และอวัยวะภายในร่างกายของเสี่ยวปู้ก็เริ่มมีไอสีแดงบางเบาปรากฏขึ้นมาแล้ว ทำให้เขาเข้าใจท่าทีที่เปลี่ยนไปฉับพลันของซ่งหย่าลี่

“ไม่งั้นหมอเย่ไปนั่งเล่นที่บ้านฉัน กินผลไม้คลายร้อนสักหน่อยไหม?”

ท่านฟ่านผายมือเชื้อเชิญ ไม่ลืมที่จะอธิบายว่า “จริง ๆ แล้วที่วิลล่าหมายเลข 19 ฉันอาศัยอยู่คนเดียว เสี่ยวปู้แค่มาพักช่วงปิดเทอมเดี๋ยวก็กลับไป ส่วนแม่เขาก็แค่มาเยี่ยมเป็นครั้งคราว ไม่ได้อยู่ประจำหรอก”

“ก็ดีเหมือนกันครับ”

เย่เฉิงเฟิงพยักหน้า ในใจคิดว่าได้โอกาสเหมาะที่จะไปดูเหล็กวิญญาณเพลิงที่ฝังอยู่ ก็ถือว่าคุ้มค่าไม่น้อย

เมื่อถึงวิลล่าหมายเลข 19 ท่านฟ่านเชิญให้เขานั่งลงอย่างอบอุ่น และให้เสี่ยวปู้นำแตงโมแช่เย็นพูนจานออกมาเสิร์ฟ ตั้งแต่ต้นจนจบไม่มีคนรับใช้แม้แต่คนเดียว

เรื่องนี้ทำให้เย่เฉิงเฟิงเริ่มมองท่านฟ่านในแง่มุมใหม่

“หมอเย่ ผลไม้เล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ต้องเกรงใจนะ”

ท่านฟ่านยิ้มพลางเอ่ย “บ่อน้ำพุร้อนข้างนอก ฉันให้คนล้อมพื้นที่ไว้แล้ว หมอเย่ไปเก็บของที่อยู่ใต้นั้นได้ทุกเมื่อ”

"ได้ครับ ไอ้เจ้านี่ถ้าทิ้งไว้นานไปจะกลายเป็นภัยต่อผู้คน"

เย่เฉิงเฟิงพูดพลางหยิบแตงโมชิ้นหนึ่งแล้วเดินออกจากบ้านไป

เพียงใช้กระแสจิตกวาดผ่านเล็กน้อย เย่เฉิงเฟิงยื่นมือขวาออกไป พลังวิญญาณกระแสหนึ่งพุ่งทะลวงใต้ดิน แปรสภาพเป็นเชือกพันธนาการเหล็กวิญญาณเพลิงที่คล้ายลูกไฟเอาไว้แล้วดึงมันขึ้นมา

“ตู้ม!”

ราวกับระเบิด เหล็กวิญญาณเพลิงเพิ่งโผล่พ้นพื้นดิน ก็ส่องแสงสีแดงแรงกล้า ปล่อยความร้อนแผดเผาออกมา ทำให้น้ำในบ่อน้ำร้อนเดือดพล่านอย่างง่ายดาย ไอหมอกลอยคลุ้ง ให้บรรยากาศราวแดนเซียนอันลี้ลับ

เย่เฉิงเฟิงรีบเก็บเหล็กวิญญาณเพลิงที่ออกมาจากดินลงในแหวนเก็บของอย่างรวดเร็ว พลางคิดในใจว่า หากรวบรวมวัตถุดิบชั้นดีสำหรับหลอมอาวุธได้อีกนิด ก็จะสามารถหลอมกระบี่เหินชั้นเลิศได้แล้ว

ถึงตอนนั้น ไม่ว่าจะขึ้นฟ้าหรือลงดิน ก็จะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาอีกต่อไป

“คุณปู่ เมื่อกี้นั่นคืออะไรเหรอ? ทำไมเหมือนลูกไฟเลย? น่ากลัวจัง”

เสี่ยวปู้กล่าวด้วยความตกใจ

“ปู่ก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ดวงตาชราของท่านฟ่านส่องแสงแปลกประหลาดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ในใจรู้สึกตกตะลึงสุดขีด

แม้ว่าเขาจะมีประสบการณ์มากมายเพียงใด ก็ไม่คาดคิดได้เลยว่าเย่เฉิงเฟิงจะมีวิธีการที่...น่าอัศจรรย์ถึงเพียงนี้ ถึงขั้นที่ไม่ต้องขุดพื้นดิน ก็สามารถใช้มือเปล่าหยิบของขึ้นมาได้ราวกับมายากล เรื่องแบบนี้ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยจริง ๆ

ด้วยพลังอภินิหารระดับนี้ จะต้องแลกกับการรักษาโรคให้ปู่หลานไปทำไมกัน?

หากเย่เฉิงเฟิงต้องการ เขาก็สามารถหยิบของไปได้เงียบ ๆ โดยไม่ต้องถามหรือขออนุญาตใครเลยด้วยซ้ำ

จนถึงตอนนี้ ท่านฟ่านถึงได้เข้าใจอย่างแท้จริงว่า การที่เย่เฉิงเฟิงเสนอขอแลกการรักษาโรคกับสิ่งของใต้น้ำพุร้อนนั้น เป็นเพราะความมีเมตตา เป็นเพราะจิตวิญญาณของแพทย์ที่ต้องการช่วยชีวิตผู้คน

แต่ซ่งหย่าลี่กลับทำตัวไม่เข้าท่า ดันไประแวงเย่เฉิงเฟิงอย่างหยาบคายเช่นนี้ แถมยังมีท่าทีเลวร้ายถึงเพียงนั้น!

ทันใดนั้น ท่านฟ่านก็รู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้ท่านฟ่านไม่รู้จะพูดอะไรดีก็คือ หลังจากเย่เฉิงเฟิงเอาเหล็กวิญญาณเพลิงไปแล้ว กลับเสนอที่จะรักษาอาการป่วยให้กับพวกเขาสองปู่หลานอีกด้วย

เรื่องนี้ทำให้ท่านฟ่านแทบจะร้องออกมาด้วยความตกใจ

ซ่งหย่าลี่เคยบอกกับเขาอย่างละเอียดว่าเย่เฉิงเฟิงมีเงื่อนไขอย่างไร

แต่ตอนนี้ล่ะ? ถึงแม้ซ่งหย่าลี่จะตัดสินใจทำตามคำขอของเย่เฉิงเฟิงแล้ว แต่ยังไม่ได้เริ่มต้นทำจริง ๆ เลย แล้วทำไมเย่เฉิงเฟิงถึง...

“หมอเย่! ฉันรู้สึกละอายใจมาก”

ท่านฟ่านถอนหายใจอย่างหนักหน่วงแล้วกล่าวว่า “สะใภ้ของตระกูลฟ่านเรานั้น แม้จะมีความสามารถรอบด้าน แต่ก็มีนิสัยชอบคนรวยรังเกียจคนจนไปหน่อย ครั้งก่อนที่ล่วงเกินหมอเย่ ขออย่าได้ถือโทษ ฉันขออภัยหมอเย่ไว้ ณ ที่นี้ด้วย”

พูดจบ ท่านฟ่านก็ก้มตัวลง ราวกับจะโค้งคำนับเย่เฉิงเฟิง

“ท่านฟ่าน ไม่ต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้”

เย่เฉิงเฟิงรีบพยุงเขาไว้ พลางยิ้มเจื่อน ๆ แล้วกล่าวว่า “ที่จริงเมื่อเช้านี้ ประธานซ่งได้กล่าวขอโทษผมแล้ว ตรงกันข้ามกลับเป็นผมเองที่แอบคิดร้ายใส่เธอเล็กน้อย โดยให้เธอหาเงินหนึ่งพันห้าร้อยหยวนภายในเจ็ดวันเป็นเงื่อนไขในการรักษา”

“นั่นเพราะเธอทำตัวเอง”

ท่านฟ่านแค่นเสียงฮึดฮัด “เดี๋ยวฉันจะลงโทษให้เธอล้างจานในโรงแรมหนึ่งเดือน ให้เธอได้รู้รสชาติของคนหาเช้ากินค่ำบ้าง จะได้ดูว่าเธอยังกล้าดูถูกคนอื่นแบบนั้นอีกไหม!”

“ช่างเถอะครับ”

เย่เฉิงเฟิงเห็นว่าท่านฟ่านพูดถึงขนาดนี้แล้ว ก็ไม่อาจพูดเรื่องให้ซ่งหย่าลี่หาเงินหนึ่งพันห้าร้อยหยวนในเจ็ดวันได้อีก ทำได้เพียงปลอบใจว่า “รู้ผิดแล้วยอมแก้ไข นั่นคือความดีสูงสุดแล้ว”

“ไม่ได้! ต้องให้เธอได้รับบทเรียนในครั้งนี้”

ท่านฟ่านกล่าวอย่างจริงจังและเคร่งขรึม “คืนนี้ที่หมอเย่มารักษาอาการป่วยให้พวกเราสองปู่หลาน ฉันจะไม่บอกเธอล่วงหน้าเด็ดขาด! จะบอกก็ต่อเมื่อเธอทำตามเงื่อนไขของหมอเย่ได้สำเร็จแล้วเท่านั้น!”

“ก็ได้ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว รีบเข้าไปข้างในรักษากันเถอะ”

เย่เฉิงเฟิงยิ้มออกมา แต่ในใจก็ยังรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยกับความเคร่งครัดของท่านฟ่านในการสั่งสอนคนในตระกูลตนเอง

บางทีนี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ตระกูลฟ่านยังคงยืนหยัดอยู่ในเมืองฮู่ได้อย่างยาวนานก็เป็นได้
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel