บทที่ 20 ความจริงแล้วผมชอบคุณ
“ว่าไงนะ? มีคนกล้าลอบสังหารประธานหลิน?”
พอวังเสี่ยวฮั่นได้ยินก็ถึงกับตกใจจนช็อกคาที่เลยทีเดียว
“คุณมาอยู่เป็นเพื่อนประธานหลินก่อน สั่งคนมาคุ้มกันพื้นที่เกิดเหตุด้วย อะไรที่ควรแจ้งตำรวจก็แจ้งไปเลย”
เย่เฉิงเฟิงใช้กระแสจิตตรวจสอบไปรอบ ๆ เมื่อไม่พบกล้องวงจรปิดในห้องทำงานของหลินจื่อเวย เขาถึงโล่งอก
แม้ว่าเขาจะเผลอใช้พลังฝ่ามือระหว่างต่อสู้กับชายชุดจงซาน แต่เขาเชื่อว่าหลินจื่อเวยไม่ใช่คนโง่ คงไม่เปิดโปงเรื่องที่เขาโกหกหรอก
ยิ่งไปกว่านั้น ถึงจะถูกเปิดโปง เขาก็ไม่กลัวอยู่ดี
เขายังมีท่านอวิ๋นหนุนหลังอยู่!
แค่พวกตำรวจในเมืองฮู่เนี่ยนะ จะกล้าสืบสวนเขา?
เหตุที่เขาจงใจลดทอนการต่อสู้ด้วยวิทยายุทธโบราณอันรุนแรงให้ดูเหมือนเป็นแค่การสู้ธรรมดา ก็เพราะเขาไม่อยากเผยความสามารถของตัวเองต่อหน้าคนธรรมดา และไม่อยากให้การมีอยู่ของจอมยุทธโบราณถูกเปิดเผยในวงกว้าง
ไม่อย่างนั้นจะช็อกโลกเกินไปแล้ว
หนึ่งคือจะเกิดผลกระทบไม่ดี สองคืออาจทำให้เกิดความตื่นตระหนก
หลังจากนั้นไม่นาน ตำรวจในเมืองฮู่ก็แห่กันมาจำนวนมาก
หลังจากเย่เฉิงเฟิงกับหลินจื่อเวยให้ปากคำเสร็จ ก็ไม่มีปัญหาอะไรอีก
ส่วนพวกนักข่าวที่อยากเข้ามาสัมภาษณ์นั้น ต่างถูกหลินจื่อเวยปฏิเสธไปทั้งหมด
ด้านหนึ่งก็เพราะเธอตกใจเสียขวัญ และอีกด้านหนึ่งก็เพราะเย่เฉิงเฟิง
เธอได้ยินกับหูตัวเองว่าผู้ชายชุดจงซานคนนั้นพูดก่อนตายว่า "สำนักเสวียนหู่จะไม่ปล่อยเย่เฉิงเฟิงไว้แน่"
ดังนั้น หลินจื่อเวยจึงไม่อยากให้เรื่องนี้แพร่กระจายออกไปมาก กลัวว่าเย่เฉิงเฟิงจะกลายเป็นเป้าหมายการล้างแค้นของสำนักเสวียนหู่
เวลาตลอดทั้งบ่ายหมดไปกับเรื่องของชายชุดจงซานคนนั้น
หลังเลิกงาน เย่เฉิงเฟิงไปรับหลินจื่อเวยที่หน้าประตู
แม้ว่าเขาจะรู้ที่อยู่ของหลินจื่อเวยแล้ว แต่ก็ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ ถามขึ้นมาว่า “ประธานหลิน ตอนเช้าน้องสาวคุณบอกให้ผมไปส่งคุณที่บ้าน ไม่ทราบว่าคุณอยู่ที่ไหนครับ?”
“เจียงปินการ์เดน”
หลังจากหลินจื่อเวยพูดจบ ก็เงียบไปเล็กน้อย แล้วอดไม่ได้ที่จะถามออกมาว่า “เย่เฉิงเฟิง นายบอกมาตามตรง ทำไมถึงมาทำงานเป็นรปภ.ในบริษัทฉัน?”
พอได้ยินคำถามนี้ เท้าขวาเย่เฉิงเฟิงที่กำลังจะเหยียบคันเร่งก็ชะงักไป ก่อนจะย้อนถามว่า “ถ้าผมพูดความจริง ประธานหลินจะไล่ผมออกไหม?”
“ก็ไม่แน่”
หลินจื่อเวยพูดอย่างตรงไปตรงมา “ถึงแม้วันนี้นายจะช่วยฉันไว้ แต่ข้อสงสัยในตัวนายมันเยอะเกินไป ฉันเองยังไม่แน่ใจเลยว่าจะเก็บนายไว้ดีไหม!”
ความจริงแล้ว ตอนที่เย่เฉิงเฟิงมาทำงานวันแรก หลินจื่อเวยก็รู้จากชื่อของเขาทันทีว่าเขาคือคุณชายใหญ่ตระกูลเย่ที่เคยถูกตงฟางเสวี่ย เพื่อนสนิทของเธอถอนหมั้นเมื่อสิบปีก่อน
แน่นอนว่าเรื่องนี้จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้ถือว่าน่าสงสัยอะไร
ก็แค่คุณชายใหญ่ที่เคยถูกตงฟางเสวี่ยถอนหมั้น แล้วต่อมาก็ถูกตระกูลเย่ไล่ออกมา ทำไมจะใช้ชีวิตแบบคนธรรมดา ทำมาหาเงินเลี้ยงชีพไม่ได้ล่ะ?
สิ่งที่ทำให้หลินจื่อเวยเริ่มสงสัยจริง ๆ คือสมุนไพรที่เย่เฉิงเฟิงใช้รักษาบาดแผลให้เธอ มันเหมือนยาวิเศษรักษาบาดแผล และดูเหมือนเขาจะพกติดตัวไว้ตลอด แต่เธอกลับไม่เห็นเลยว่าเขามีที่ไหนจะซ่อนสมุนไพรไว้ได้
ยังมีทักษะการขับรถที่เหลือเชื่อเหนือมนุษย์ แม้มองในระดับโลกก็นับว่าโคตรเทพ ประเทศชาติคงไม่ยอมให้หนุ่มฝีมือระดับนี้ปลดประจำการออกมาง่าย ๆ แน่
แล้ววันนี้ เย่เฉิงเฟิงยังใช้ฝ่ามือเพียงครั้งเดียวซัดชายในชุดจงซานจนกระเด็น ฝีมือร้ายกาจขนาดนี้ ยิ่งทำให้หลินจื่อเวยรู้สึกหวาดกลัว
บางทีแม้แต่ยอดมนุษย์ที่เกิดจากการทดลองเซรุ่มยอดมนุษย์ที่หลินจื่อเวยกำลังวิจัยอยู่ ก็อาจจะเทียบเขาไม่ติด
ดังนั้น เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน หลินจื่อเวยจึงมีเหตุผลทุกอย่างที่จะคิดว่า ถ้าเย่เฉิงเฟิงไม่ได้มีเป้าหมายลับอะไรบางอย่าง เขาคงไม่ยอมมาทำงานเป็นแค่รปภ.ธรรมดาในบริษัทของเธอแน่
"ไหน ๆ ประธานหลินก็พูดมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมคิดว่าไม่มีเหตุผลจะปิดบังอีก"
เย่เฉิงเฟิงยักไหล่อย่างจนใจ พร้อมแอบชมในใจว่าหลินจื่อเวยช่างสังเกตดีเหลือเกิน แต่กลับพูดรอยยิ้มกวน ๆ ว่า "จริง ๆ เหตุผลที่ผมมาทำงานเป็นรปภ.ในบริษัทของคุณก็คือ...เพราะผมชอบประธานหลิน"
“……”
ได้ยินประโยคนี้ หลินจื่อเวยถึงกับหน้าแดงจัดขึ้นมาทันที พวงแก้มแดงระเรื่ออย่างน่าหลงใหล หัวใจก็เต้นระรัวขึ้นมาโดยไม่อาจควบคุม
ทันใดนั้น เธอก็นึกถึงคำพูดของวังเสี่ยวฮั่นเลขาสาวที่เคยพูดไว้ในวันแรกที่เย่เฉิงเฟิงเข้าทำงาน
“ก่อนเข้างาน ฉันแอบมองรปภ.คนใหม่ หน้าตาหล่อดีนะ หุ่นก็ดีด้วย บุคลิกยิ่งเยี่ยมเลย ให้ลุคแบบเทพบุตรชัด ๆ ไม่แน่นะคะ เขาอาจจะมาทำงานเพราะประธานหลินก็ได้ เลยต้องกำจัดศัตรูหัวใจทิ้งไปด้วยมาตรการที่เด็ดขาด!”
ถ้าอิงตามคำพูดของวังเสี่ยวฮั่น ก็มีความเป็นไปได้จริง ๆ ว่าเย่เฉิงเฟิงอาจจะมาทำงานเพราะเธอจริง ๆ
บางทีอาจเป็นเพราะความเขินอาย หรือไม่ก็เพราะความเรียบร้อยตามแบบฉบับของผู้หญิง หลินจื่อเวยหันไปค้อนเย่เฉิงเฟิงอย่างขุ่นเคืองพร้อมพูดว่า “อย่าพูดเหลวไหลนะ! ฉันมีอะไรน่าชอบกัน? อีกอย่างฉันก็ไม่รู้จักนายด้วยซ้ำ!”
“คุณไม่รู้จักผมไม่เป็นไรหรอก แค่ผมรู้จักคุณก็พอแล้ว”
เย่เฉิงเฟิงหัวเราะหึ ๆ ดวงตาซุกซนไล่มองเรือนร่างสุดเซ็กซี่ของหลินจื่อเวยตั้งแต่หัวจรดเท้า “ประธานหลินน่าหลงใหลขนาดนี้ จะให้ลืมก็ยากแล้วล่ะ”
“ปากดีนัก! ถ้านายรู้จักฉันจริง วันแรกที่มาทำงานคงไม่กล้าขวางฉันไว้หน้าประตูหรอก”
“เอ่อ ผมก็แค่อยากให้ประธานหลินสนใจผมนี่นา!”
เย่เฉิงเฟิงพูดโกหกออกมาด้วยความมั่นใจ แถมยังปั้นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นให้ฟังดูแนบเนียนไร้ช่องโหว่อีกต่างหาก
ท้ายที่สุด เขายังอดไม่ได้ที่จะเสริมอีกว่า “ตอนนี้ประธานหลินก็รู้ความจริงแล้ว คงไม่ไล่ผมออกใช่ไหม? ก็คุณนั่นแหละที่บังคับให้ผมสารภาพรักเมื่อกี้”
“……”
ทันทีที่พูดประโยคนี้จบ ก็ทำให้หลินจื่อเวยพูดอะไรไม่ออก
ถ้าเธอยังดึงดันจะไล่เย่เฉิงเฟิงออก ก็จะกลายเป็นว่าเธอไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
อย่างน้อย เย่เฉิงเฟิงก็ ‘ชอบ’ เธอ แถมยังเคยช่วยชีวิตเธอถึงสองครั้ง และก็ไม่ได้โกหกอะไร อีกทั้งยังไม่ได้ทำงานผิดพลาดใด ๆ ที่บริษัทของเธอ
ด้วยวิธีการจีบที่จริงใจขนาดนี้ กับทัศนคติในการทำงานที่จริงจังแบบนี้ ต่อให้หลินจื่อเวยจะเกลียดเย่เฉิงเฟิงแค่ไหน ก็คงไม่สามารถพูดคำว่า ‘ไล่ออก’ ออกมาได้
ยิ่งไปกว่านั้น ความรู้สึกของหลินจื่อเวยที่มีต่อเย่เฉิงเฟิง ก็ถือว่าไม่ได้แย่เลย
ถึงจะยังพูดไม่ได้ว่า ‘ชอบ’ แต่ก็ไม่ได้รังเกียจเหมือนกับเวลาที่เจอพวกคุณชายเจ้าสำราญ
แต่ไม่รู้ทำไม หลินจื่อเวยกลับรู้สึกว่า การสารภาพรักของเย่เฉิงเฟิงนั้นแฝงไปด้วยความไม่จริงจังบางอย่าง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสัมผัสที่หกของผู้หญิงหรือเพราะอะไรกันแน่ หลินจื่อเวยรู้สึกว่าคนเก่งแบบเย่เฉิงเฟิงจะมาชอบผู้หญิงธรรมดา ๆ แบบตนเหรอ
หลังจากความคิดแล่นผ่านไป หลินจื่อเวยก็เห็นประตูทางเข้าเจียงปินการ์เดน จึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า "นายรู้ได้ยังไงว่าเจียงปินการ์เดนไปทางไหน? ฉันยังไม่ได้บอกเส้นทางโดยละเอียดเลยนะ!"
เพิ่งพูดออกมา เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเย่เฉิงเฟิงมาจากตระกูลเย่ในเมืองฮู่ ถ้าขนาดเจียงปินการ์เดนยังไม่รู้จักเส้นทาง นั่นสิถึงจะน่าแปลก
ทว่าสิ่งที่หลินจื่อเวยคาดไม่ถึงที่สุดก็คือ คำตอบของเย่เฉิงเฟิงนั้น กลับยิ่งประหลาดหนักเข้าไปอีก
“เจียงปินการ์เดนน่ะเป็นเขตที่อยู่อาศัยของคนรวยชื่อดังของเมืองฮู่เชียวนะ ผมอุตส่าห์มาจากบ้านเกิดไกลลิบเพื่อมาสมัครงานที่นี่ แต่เขาบอกว่าใบปริญญาผมต่ำเกินไป”
“……”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น หลินจื่อเวยก็เผลอยิ้มมุมปากอย่างห้ามไม่อยู่ คิดในใจว่า ในที่สุดก็จับได้แล้วว่านายโกหก
ทั้ง ๆ ที่นายเป็นคนเมืองฮู่อยู่แล้ว ยังจะแกล้งทำอีก!”
แต่เธอก็ไม่ได้เปิดโปง แค่เม้มปากเบา ๆ แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วชี้ทางให้เย่เฉิงเฟิงไปยังวิลล่าหมายเลข 12