บทที่ 17 เจอสาวเย็นชาอีกครั้ง
“คุณไม่เลวเลยนี่ รู้จักปรับตัวไปตามสถานการณ์ด้วย”
เย่เฉิงเฟิงอดไม่ได้ที่จะชมสักคำหนึ่ง แต่ทันทีที่เห็นรอยยิ้มบาง ๆ บนใบหน้าซ่งหย่าลี่ เขาก็เปลี่ยนเรื่องกะทันหันว่า “แต่ว่าที่คุณยอมถ่อมตัวได้ก็เพราะจนตรอก แต่ลึก ๆ ในใจคุณ ยังดูแคลนคนธรรมดาอยู่ดี”
"ฉันต้องทำยังไง หมอเย่ถึงจะยอมให้อภัย? ฉัน...รู้แล้วจริง ๆ ว่าฉันทำผิด"
ในฐานะประธานตระกูลฟ่านผู้สูงศักดิ์ ซ่งหย่าลี่ยอมพูดถึงขั้นนี้ แถมยังถ่อมตัวขนาดนี้ แสดงให้เห็นว่าเธอจริงใจมากและสำนึกผิดแล้วจริง ๆ
ถ้าคนอื่นมาได้ยินเข้า คงต้องคิดว่าเป็นข่าวระดับโลกแน่นอน
แต่ว่าเย่เฉิงเฟิงไม่ใช่คนใจอ่อนอะไรหรอกนะ
ตลอดสิบปีที่ผ่านมา เขาเจอคนแบบซ่งหย่าลี่มาไม่รู้กี่คนแล้ว จึงคืนบัตรให้เธออย่างรวดเร็ว แล้วหันหลังพูดอย่างใจเย็นว่า “ของที่อยู่ใต้บ่อนั่น ฉันต้องเอาไปแน่ ไม่อย่างนั้นจะเป็นภัยต่อคนอื่น ส่วนค่ารักษาอื่น ๆ ฉันขอแค่พันห้าร้อยหยวนเท่านั้น!”
“แค่นี้เอง?”
ซ่งหย่าลี่ถึงกับตกใจ
“คุณอย่าดูถูกล่ะ”
มุมปากเย่เฉิงเฟิงเผลอยิ้มร้ายกาจออกมา "ฉันต้องการให้คุณหาเงินนั่นด้วยตัวเองภายในเจ็ดวัน ห้ามพึ่งพาตระกูลฟ่าน ห้ามใช้เส้นสาย และห้ามใช้ความรู้หรือทักษะวิชาชีพ! สรุปแล้ว ประธานซ่งเป็นคนฉลาด ควรเข้าใจที่ฉันหมายถึงนะ"
"หมอเย่...นี่คุณจะให้ฉันไปล้างจานในโรงแรม ไปเป็นกรรมกรเหรอ?"
ซ่งหย่าลี่อ้าปากค้าง เกือบคิดว่าตัวเองฟังผิด
เธอแทบไม่กล้าจินตนาการเลยว่า ตอนที่ตัวเองต้องไปล้างจานในโรงแรม มันจะเป็นสถานการณ์แบบไหนกันแน่
“คุณจะเข้าใจว่าฉันกำลังกลั่นแกล้งก็ได้ แต่นี่เป็นทางเลือกเดียวที่คุณจะให้ฉันช่วยท่านฟ่านกับเสี่ยวปู้!”
เย่เฉิงเฟิงพูดว่า “ไม่ว่าคุณจะใช้วิธีของคนธรรมดาแบบไหนก็แล้วแต่ ขอแค่หาเงินมาให้ได้หนึ่งพันห้าร้อยหยวนภายในเจ็ดวัน! มิฉะนั้น ต่อไปห้ามพูดเรื่องการรักษาอีก!”
พูดจบ เย่เฉิงเฟิงก็ยื่นมือทำท่ากล่าวเชิญ “ประธานซ่งเชิญเถอะ วันนี้คุณมีเวลาหนึ่งวันในการคิดให้ดี ว่าคุณเต็มใจจะวางทิฐิของคนสูงศักดิ์ แล้วไปเป็นพนักงานแรงงานธรรมดาหรือไม่! พรุ่งนี้เริ่มจับเวลาอย่างเป็นทางการ!”
“……”
พอฟังคำพูดนี้จบ ซ่งหย่าลี่ก็ตกตะลึงอย่างไม่อยากจะเชื่อราวกับถูกฟ้าผ่ากลางวันแสก ๆ
แม้เธอจะโลดแล่นในวงการธุรกิจ มาดมั่นเฉียบขาดมาหลายปี ก็ไม่คาดคิดว่าวันนี้จะเจอเรื่องแบบนี้
ก่อนจะมา เธอคาดเดาไว้หลายรูปแบบ แต่ส่วนใหญ่ก็คิดว่าเย่เฉิงเฟิงจะโก่งราคาค่ารักษาสูง ๆ
แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าเขาไม่สนเงินเลยแม้แต่น้อย กลับดูแค่ท่าทีของเธอว่าจะยอมรับผิดหรือไม่!
พูดก็พูดเถอะ ถ้าเมื่อคืนเธอไม่พูดจาแบบนั้นล่ะก็ คงไม่ทำให้เย่เฉิงเฟิงไม่พอใจ และอาจไม่ต้องจ่ายค่ารักษาแม้แต่นิดเลยก็ได้
แม้ว่าเย่เฉิงเฟิงจะให้เธอยอมวางทิฐิ แล้วไปเป็นพนักงานแรงงานธรรมดา มันก็เป็นสิ่งที่เธอสมควรได้รับเอง
แต่ในตอนนี้ ซ่งหย่าลี่กลับรู้สึกว่า เธอเดาทางเย่เฉิงเฟิงไม่ออกเลยจริง ๆ
เธอไม่มีทางโง่ถึงขนาดคิดว่า เย่เฉิงเฟิงจะเป็นแค่รปภ.เฝ้าประตูจริง ๆ
อีกทั้งเธอยังสืบข้อมูลบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพหลินซื่อแล้วพบว่าในบริษัทนี้มีซีอีโอสาวสวยอยู่คนหนึ่ง ที่พวกหนุ่มไฮโซและทายาทเศรษฐีตามจีบกันเป็นขบวน
หรือว่าหมอเย่มาเป็นรปภ.ที่นี่ ก็เพื่อจะจีบหลินจื่อเวยกันนะ?
หลังจากความคิดผุดขึ้น ซ่งหย่าลี่ก็มองป้ายพนักงานของเย่เฉิงเฟิงอย่างเผลอตัว
จริง ๆ แล้ว เธอแค่อยากรู้ชื่อจริงของเย่เฉิงเฟิงเท่านั้นเอง
แต่พอเธอเห็นเท่านั้นแหละ ร่างเธอก็สั่นสะท้านไปทั้งตัวทันที
“เย่เฉิงเฟิง? เขาก็คือคุณชายใหญ่ตระกูลเย่ที่ถูกขับออกจากตระกูลเมื่อสิบปีก่อนน่ะเหรอ!”
แววตาของซ่งหย่าลี่พลันสั่นไหว
ในใจยิ่งแล้วใหญ่ ราวกับคลื่นยักษ์โหมกระหน่ำ
เมื่อสิบปีก่อน เมืองฮู่เกิดเหตุการณ์ใหญ่สองเรื่อง และทั้งสองเรื่องนั้นก็เกี่ยวข้องกับคนคนเดียว
เรื่องแรกคือ เย่เฉิงเฟิงคุณชายขยะแห่งตระกูลเย่ที่ตอนนั้นอายุเพียงสิบห้า ถูกตงฟางเสวี่ยสาวสวยอัจฉริยะแห่งตระกูลตงฟางถอนหมั้น!
เรื่องที่สองก็คือ หลังจากถอนหมั้นได้ไม่ถึงสามวัน เย่เฉิงเฟิงคุณชายขยะแห่งตระกูลเย่ก็ถูกขับไล่ออกจากตระกูลอย่างไร้เยื่อใย จากนั้นก็หายสาบสูญไป
ซ่งหย่าลี่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า เมืองฮู่สิบปีต่อมา คุณชายขยะแห่งตระกูลเย่คนนั้นจะกลับมาอีกครั้ง หรือว่านี่จะเป็นสัญญาณแห่งพายุที่กำลังจะมา?
แถมดูจากท่าที คุณชายขยะในตำนานคนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ขยะแม้แต่น้อย ขนาดเธอที่เป็นถึงประธานตระกูลฟ่านยังต้องมาขอความช่วยเหลือจากเขา
ขณะที่ซ่งหย่าลี่กำลังคิดวนเวียนอย่างหนัก เย่เฉิงเฟิงก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “ดูจากสีหน้าของประธานซ่ง คงจะพอรู้แล้วสินะว่าผมคือใคร?”
“ฉัน...ไม่ค่อยเข้าใจที่หมอเย่พูดค่ะ”
ซ่งหย่าลี่สะดุ้งตื่นจากความคิด แล้วรีบส่ายหัวอย่างแรงราวกับคลื่นโหมกระหน่ำ
แม้ว่าที่เมืองฮู่ตระกูลฟ่านกับตระกูลเย่จะอยู่ระดับเดียวกัน และเธอเป็นถึงประธานตระกูลฟ่าน เธอก็ยังไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องตระกูลเย่ตามใจปาก
“ดีมาก คุณไปได้แล้ว”
เย่เฉิงเฟิงโบกมือไล่อย่างไร้ความเกรงใจ “บอกให้เซียวตงหมิงไสหัวไปด้วยล่ะ! ถ้าผมเจอมันอีก จะอัดมันทุกครั้งที่เห็น!”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ เขาจะไม่กล้าโผล่มาที่นี่อีกแน่นอน”
ซ่งหย่าลี่ตอบอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม แล้วก็รีบจากไปอย่างรู้สถานการณ์
ทันทีที่ซ่งหย่าลี่กับเซียวตงหมิงจากไป บรรดาคุณชายไฮโซที่เดิมทีตั้งใจจะมาเยี่ยมหลินจื่อเวย ก็เหมือนได้รับข่าวสารอะไรบางอย่างพร้อมกัน จึงไม่โผล่หัวออกมาอย่างผิดวิสัย
เย่เฉิงเฟิงก็ดีใจที่จะได้พักผ่อน นอนเอกเขนกอยู่บนเก้าอี้โยกในห้องรักษาความปลอดภัยอย่างสบายใจ
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะหลับ มาเซราติ แกรนคาบริโอสีน้ำเงินคันหนึ่งก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมเสียงแตรที่ดังมาแต่ไกล
“เธอนี่เอง!”
เย่เฉิงเฟิงเอียงหัวมองไป ก็เห็นอย่างชัดเจนว่าคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยมาเซราติเปิดประทุนคันนั้น ก็คือสาวสวยเย็นชาที่เขาเคยเจอบนเครื่องบินนั่นเอง
ผมยาวสลวยสีไวน์แดง เดรสสั้นสีเทาเงิน ถุงน่องสีดำ รองเท้าบูตยาวสีขาว...
นอกจากตงฟางเสวี่ยแล้ว จะเป็นใครอีก?
เย่เฉิงเฟิงกดหมวกลงให้ต่ำโดยสัญชาตญาณ แล้วก็เปิดประตูอัตโนมัติให้ ไม่อยากให้ตงฟางเสวี่ยเห็นหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย
แต่ตอนที่เขาเอียงหัวลงไปนั้น ดันบังเอิญถูกตงฟางเสวี่ยเห็นเข้าหรือยังไงก็ไม่รู้
ตงฟางเสวี่ยถึงกับเหยียบเบรกกะทันหัน แล้วเดินไปถึงหน้าประตูห้องรักษาความปลอดภัย มองเขาด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร สีหน้าเหมือนกำลังระแวง
"ประตูเปิดแล้ว ทำไมคุณยังไม่เข้าไปล่ะ?"
เย่เฉิงเฟิงจงใจกดเสียงต่ำแล้วพูดว่า "ถ้าคุณไม่ได้มาหาประธานหลิน ผมจะปิดประตูแล้วนะครับ"
“นายรู้จักฉัน?”
ตงฟางเสวี่ยอ้าปากด้วยความแปลกใจ ริมฝีปากสีแดงชวนหลงใหล ขณะที่เรียวขางามในถุงน่องดำก็ขยับเข้ามาใกล้เย่เฉิงเฟิงโดยไม่รู้ตัว
เนื่องจากเย่เฉิงเฟิงนอนอยู่บนเก้าอี้เอนหลัง จึงโชคดีบังเอิญเห็นภาพวาบหวามใต้เดรสตัวสั้นของเธอ
มันคือกางเกงในลูกไม้สีชมพูอ่อน
แต่เย่เฉิงเฟิงไม่กล้าคิดไปไกล รีบตอบกลับว่า “ท่านประธานหลินมีคำสั่งให้ปล่อยรถมาเซราติสีน้ำเงินเข้าไปได้”
“นายชื่ออะไรเหรอ? ฉันรู้สึกเหมือนเคยเจอนายที่ไหนมาก่อนเลย”
ตงฟางเสวี่ยยังไม่ละความพยายาม ถามต่ออย่างไม่ยอมแพ้
เมื่อครู่ตอนที่เย่เฉิงเฟิงเอียงหน้ามองมา เธอเห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน
แต่เพราะมันเป็นเพียงภาพชั่วพริบตาเดียว เธอจึงยังไม่แน่ใจว่าชายคนนี้คือหนุ่มฝีมือเก่งกาจที่ช่วยเธอบนเครื่องบินหรือไม่