บทที่ 16 พี่เย่ ผมผิดไปแล้ว
“แก...แม่งวอนตาย!”
เซียวตงหมิงโกรธจนแทบคลั่ง ทนไม่ไหวเลยฟาดฝ่ามือไปหนึ่งฉาด
แต่ในเสี้ยววินาทีถัดมา เขากลับไม่ได้ตบโดนใครเลย รู้สึกเหมือนเผชิญคลื่นลมเย็นเยียบแทงเข้ากระดูก จนหนาวสั่นไปทั้งตัว
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเจ็บแปลบที่ท้องอย่างรุนแรง ร่างทั้งร่างกระเด็นปลิวไปข้างหลังอย่างควบคุมไม่ได้ แล้วร่วงลงไปในแปลงดอกไม้ด้านซ้ายของประตูใหญ่ ทับต้นไม้จนแบนราบ
ในขณะเดียวกัน กางเกงขายาวสีขาวตัวใหม่ของเขาก็เปรอะเปื้อนเลอะเทอะในทันที
“แก...กล้าทำร้ายฉัน?”
เซียวตงหมิงแม้จะรู้อยู่แก่ใจว่า ตัวเองสู้เย่เฉิงเฟิงไม่ได้เลย
แต่อย่างน้อยในฐานะลูกชายของประธานบริษัทเซียวซื่อ เขาเคยโดนปฏิบัติแบบนี้ที่ไหนกัน? ดันโดนรปภ.คนหนึ่งเตะกลางที่สาธารณะ แถมยังดูน่าอับอายขนาดนี้!
ถ้ายังไม่เอาคืนตอนนี้ แล้วต่อไปเขาจะมีหน้าใช้ชีวิตอยู่ในเมืองฮู่ได้ยังไง?
ด้วยเหตุนี้ เซียวตงหมิงจึงลุกขึ้นมา เปิดท้ายรถจากัวร์แล้วหยิบมีดหั่นแตงโมยาวกว่าสามสิบเซนติเมตรออกมา ใบดาบแวววาวเป็นประกายเย็นเยียบ
“เซียวตงหมิง! นี่นายคิดจะเป็นศัตรูกับตระกูลฟ่านฉันเหรอ?”
ทันใดนั้นรถเบนท์ลีย์ มอเตอร์สมูลค่าหกถึงเจ็ดล้านหยวนสีเงินขาวก็แล่นเข้ามา ยังไม่ทันหยุดเสียงผู้หญิงเย็นชาก็ดังออกมาจากในรถ
เย่เฉิงเฟิงหันไปมองแวบหนึ่ง ก็พบว่าเป็นคุณนายวัยกลางคนจากวิลล่าเบอร์ 19 เมื่อคืน!
“ป...ประธานซ่ง!”
เซียวตงหมิงชะงักมีดหั่นแตงโมในมือ ก่อนพูดอย่างตกใจว่า “ท่านมาที่นี่ได้ยังไงครับ?”
ณ เมืองฮู่ มีสี่ตระกูลใหญ่
ตระกูลเย่ ตระกูลฟ่าน ตระกูลหยาง และตระกูลตงฟาง
แม้บริษัทเซียวซื่อของเขาจะไม่เลว แต่ถ้าเทียบกับสี่ตระกูลใหญ่ในเมืองฮู่แล้ว ก็เป็นได้แค่ปลาตัวเล็ก ๆ เท่านั้น
และที่สำคัญที่สุด ความร่วมมือทางธุรกิจส่วนใหญ่ของบริษัทเซียวซื่อล้วนเกี่ยวข้องกับตระกูลฟ่าน
ขอแค่ตระกูลฟ่านออกคำสั่ง บริษัทเซียวซื่อก็ต้องเผชิญกับวิกฤติทันที
ซ่งหย่าลี่คนนี้ เป็นสะใภ้ของท่านฟ่านแห่งตระกูลฟ่าน และยังเป็นประธานบริษัทตระกูลฟ่าน เซียวตงหมิงจึงไม่กล้าขัดใจแม้แต่น้อย
“ในสายตาของนาย ยังมีซ่งหย่าลี่อยู่ไหม?”
คุณนายวัยกลางคนเปิดประตูลงจากรถ เหลือบตามองเซียวตงหมิงเย็นชา แล้วก็หันไปมองเย่เฉิงเฟิงด้วยสีหน้าขอโทษ “หมอเย่ เรื่องเมื่อคืนนี้ ฉัน...ขอโทษจริง ๆ ท่านพอจะ...”
“ไม่!”
เย่เฉิงเฟิงไม่รอให้เธอพูดจบ ก็หันหลังเดินจากไป กลับไปนั่งที่ห้องรักษาความปลอดภัยทันที ทำเอาเซียวตงหมิงถึงกับอ้าปากค้าง ตะลึงจนนิ่งไปเลย
ถึงเซียวตงหมิงจะไม่เข้าใจว่าทำไมซ่งหย่าลี่ถึงเรียกเย่เฉิงเฟิงว่าหมอเย่
แต่เซียวตงหมิงรู้ว่า ซ่งหย่าลี่ต้องการขอความช่วยเหลือจากเย่เฉิงเฟิง
พระเจ้า!
ไอ้หมอนี่เป็นใครกันแน่?
ประธานตระกูลฟ่านซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองฮู่ ถึงกับต้องมาขอร้องเขา!
แถมซ่งหย่าลี่ยังเป็นฝ่ายขอโทษเขาเอง แต่เขากลับไม่สนใจเลย สุดแสนจะหยิ่ง!
ถ้าเป็นตระกูลเซียวล่ะก็ แบบนี้ถือว่าเป็นโอกาสทองเลย ขอร้องยังไม่ได้ขนาดนี้!
เดี๋ยวนะ เขาแซ่เย่! อย่าบอกนะว่า...เป็นคนในตระกูลเย่แห่งเมืองฮู่?
พอคิดถึงตรงนี้ เซียวตงหมิงถึงกับมือสั่น แทบถือมีดหั่นแตงโมไม่อยู่
ถ้ารปภ.คนนี้เป็นคนในตระกูลเย่จริง เขาก็เกิดปัญหาใหญ่แล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?”
ซ่งหย่าลี่เห็นว่าเย่เฉิงเฟิงกลับไปที่ห้องรักษาความปลอดภัย ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร
เธอสามารถสืบหาบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพหลินซื่อได้จากชุดยูนิฟอร์มรปภ.ที่เย่เฉิงเฟิงใส่เมื่อคืน จึงไม่กังวลว่าเขาจะหายตัวไปดื้อ ๆ
ดังนั้นเธอจึงรีบเดินเข้าไปหาเซียวตงหมิง พร้อมกับถามเสียงแข็งว่า “หมอเย่เป็นแขกคนสำคัญของตระกูลฟ่าน แกกล้าฟันเขาด้วยมีดหั่นแตงโมงั้นเหรอ?”
“ป...ประธานซ่ง! ผ...ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นแขกคนสำคัญของตระกูลฟ่านครับ”
เซียวตงหมิงนึกเสียใจอย่างสุดซึ้งแล้ว
เขาน่าจะเดาได้ตั้งนานแล้วว่า ถ้าเย่เฉิงเฟิงไม่มีผู้มีอิทธิพลหนุนหลัง จะกล้าท้าชนกับเขาทั้งที่เป็นแค่รปภ.ธรรมดาได้ยังไง?
ไม่แน่นะ เจ้านี่อาจมาทำงานเป็นรปภ. ก็เพื่อวางแผนแกล้งเป็นคนจนเพื่อตามจีบหลินจื่อเวยก็ได้!
“ไม่รู้?”
ซ่งหย่าลี่หัวเราะเย็นชา “ตามสไตล์พวกหนุ่มไฮโซ ก่อนจะจัดการคู่แข่งไม่ใช่ควรตรวจสอบภูมิหลังเขาให้ชัดเจนก่อนเหรอ? เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ แบบนี้ตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของบริษัทเซียวซื่อก็คงไม่ได้เรื่องสินะ”
พูดมาถึงตรงนี้ ซ่งหย่าลี่ก็ทิ้งระเบิดลูกใหญ่ใส่ทันทีว่า “บริษัทที่ผู้จัดการใหญ่ยังไร้ความสามารถขนาดนี้ ฉันว่าไม่จำเป็นต้องร่วมมือกันอีกแล้ว!”
“ประธานซ่ง อย่านะครับ!”
เซียวตงหมิงแทบจะหัวใจวายด้วยความตกใจ
ถ้าเพราะแค่เรื่องในวันนี้ ทำให้ตระกูลฟ่านยุติความร่วมมือทั้งหมดกับตระกูลเซียวล่ะก็
งั้นพ่อเขาคงจะซัดเขาจนตาย แล้วเอาศพไปเฆี่ยนก่อนโยนให้หมากินแน่ ๆ
คิดมาถึงตรงนี้ เซียวตงหมิงไม่สนแล้วว่าจะขายหน้าหรือไม่ เขาแทบจะโยนมีดหั่นแตงโมกลับใส่ท้ายรถอย่างกับโดนไฟดูด แล้วรีบพุ่งเข้าไปในห้องรักษาความปลอดภัยพร้อมพูดกับเย่เฉิงเฟิงว่า “พ...พี่เย่ ขอโทษครับ ผ...ผมผิดไปแล้ว!”
“ไม่รู้ว่าแกกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่!”
เย่เฉิงเฟิงย่อมได้ยินบทสนทนาระหว่างซ่งหย่าลี่กับเซียวตงหมิงอย่างชัดเจน
แต่เขาไม่มีความรู้สึกดีใด ๆ กับพวกคนเจ้าเล่ห์อย่างเซียวตงหมิงเลย
ถ้าเขาเป็นแค่รปภ.ธรรมดาจริง ๆ ล่ะก็ พวกอันธพาลย้อมผมแปดคนนั่นก็คงเล่นงานเขาจนพิการไปแล้ว!
“พี่เย่! ขอโทษครับ! ได้โปรดท่านอภัยให้กับความผิดของคนต่ำต้อยอย่างผมด้วยเถอะ!”
เซียวตงหมิงรู้ดีว่า ถ้าวันนี้เขาไม่ได้รับการให้อภัยจากเย่เฉิงเฟิง ซ่งหย่าลี่จะไม่มีทางปล่อยเขาแน่ และแน่นอนว่าจะไม่ปล่อยบริษัทเซียวซื่อของเขาด้วย
ดังนั้น เขาจึงกัดฟันแน่น แล้วคุกเข่าลงตรงหน้าเย่เฉิงเฟิงทันที
“ไสหัวไป! อย่าทำให้พื้นห้องรักษาความปลอดภัยของฉันสกปรก!”
เย่เฉิงเฟิงเตะเขาจนกลิ้งเหมือนลูกข่างอย่างไม่ปรานีสักนิด
“ออกไปก่อนเถอะ”
ซ่งหย่าลี่เห็นเย่เฉิงเฟิงโกรธ ก็ไม่กล้าให้เซียวตงหมิงร้องไห้โวยวายอยู่ตรงนี้ต่อ
เรื่องที่เซียวตงหมิงโชคร้ายเป็นเรื่องเล็ก แต่ถ้าเย่เฉิงเฟิงโมโหใส่ตระกูลฟ่านขึ้นมา มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน
เพราะสุดท้ายแล้ว ทั้งท่านฟ่านหัวหน้าตระกูลฟ่าน และลูกชายสุดที่รักของเธอเสี่ยวปู้ ก็มีเพียงเย่เฉิงเฟิงคนเดียวที่ช่วยได้!
หลังจากเซียวตงหมิงรู้จักกาลเทศะออกมาจากห้องรักษาความปลอดภัยแล้ว ซ่งหย่าลี่ก็พูดกับเย่เฉิงเฟิงว่า “หมอเย่ อยากจัดการเซียวตงหมิงยังไง ทางตระกูลฟ่านยินดีจัดการให้หมด ขอแค่คุณสั่งมา!”
“ไม่ต้องให้ตระกูลฟ่าน ฉันก็จัดการมันได้สบาย ๆ”
เย่เฉิงเฟิงแค่นหัวเราะ แน่นอนว่าจะให้เธอทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้
ไม่อย่างนั้น เขาก็จะติดหนี้บุญคุณ และต้องไปรักษาโรคให้ท่านฟ่านกับเสี่ยวปู้แบบไม่มีทางเลือก
“ก็ได้ค่ะ ฉันผิดเองที่ยุ่งเรื่องคุณมากไป”
จริง ๆ แล้ว ตอนมาถึง ซ่งหย่าลี่ก็เห็นตั้งแต่ไกลแล้วว่าเย่เฉิงเฟิงเตะเซียวตงหมิงลอยไป
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงเข้าใจแล้วว่าเย่เฉิงเฟิงไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป
หลังจากครุ่นคิดอยู่เล็กน้อย ซ่งหย่าลี่จึงได้เอ่ยว่า “จะไม่พูดเรื่องเซียวตงหมิงแล้วค่ะ เมื่อคืนฉันไปที่พักของหมอเย่รออยู่สองชั่วโมง แต่ก็ไม่เจอคุณ ตอนเช้าก็ไปอีกครั้ง ก็ยังไม่ได้พบ”
“พูดมาตั้งเยอะ นี่คุณต้องการจะบอกผมว่าคุณจริงใจมากงั้นเหรอ?”
เย่เฉิงเฟิงจุดบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งมวน แล้วหันหลังให้เธอพร้อมสูบบุหรี่
“หมอเย่ได้โปรดอย่าโกรธเลย วันนี้ฉันมาที่นี่เพื่อขอโทษคุณจากใจจริงนะคะ”
ซ่งหย่าลี่พูดพลางหยิบบัตรธนาคารใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าหลุยส์ วิตตองของเธอ “ในนี้มีค่ารักษาสิบล้าน หวังว่าหมอเย่จะรับไว้ด้วยความยินดี อีกอย่าง ของใต้บ่อน้ำพุร้อนที่หมอเย่พูดถึงเมื่อคืนก็สามารถยกให้หมอเย่โดยไม่คิดเงิน และยินดีต้อนรับให้หมอเย่ไปรับได้ทุกเมื่อ”