บทที่ 6 แดเนียล เฉิน หรือเฉินเฟยหลิง
"นายคนนั้นมันเป็นใคร ไหนขอดูข้อมูลหน่อยซิ บังอาจมา..คนของฉัน” แววพลอยนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ปีสุดท้าย ทำงานพาร์ทไทม์เป็นนักข่าวสายอาชญากรรม ที่วัน ๆ เอาแต่ตะลอนออกนอกพื้นที่เพื่อหาข่าว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังมีเวลามาห่วงเพื่อนรัก คอยถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ ส่งข้าวส่งน้ำชานิศาแทบทุกวัน ก็คนมันรัก..
'ประวัติ แดเนียล เฉินหรือ เฉิน เฟยหลิง ลูกครึ่งจีน- อเมริกัน เกิด : วันที่ 28 ธันวาคม 1994 ส่วนสูง : 184 เซนติเมตร เป็นหนุ่มฮอตซึ่งต้องบอกเลยว่าโปรไฟล์ของเขานั้นไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ เขาเกิดพร้อมหน้าตาอันหล่อเหลาตั้งแต่เด็ก และโปรไฟล์การเรียนก็ดีงามไม่แพ้กัน เพราะเขาศึกษาในด้านธุรกิจการบิน เคยฝึกงานเป็นสจ็วตกับสายการบินในประเทศจีนอีกด้วยเฉินเฟยหลิงสามารถพูดได้ถึง 5 ภาษา ทั้งจีน อังกฤษ ฮ่องกง เกาหลี และฝรั่งเศส ไม่นานก็ต้องเปลี่ยนสายการเรียนใหม่เพราะเขาเป็นบุตรชายคนโตต้องสืบทอดกิจการร้านขายยาขนาดใหญ่ มีโรงงานที่เปิดทั้งในและนอกประเทศหลายสาขา แดเนียลจบทางด้านเภสัชศาสตร์และเข้ามาเป็นผู้บริหารเต็มตัวในวัยเพียงแค่ 25 ปีเท่านั้น แดเนียล เฉินเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยม รักครอบครัว รักเด็กและที่สำคัญเป็นสุภาพบุรุษให้เกียรติสภาพสตรีสุด ๆ อีกบุคลิกของเขาคือ เป็นคนอารมณ์ดี มีความตลกขบขัน ร่าเริงสดใส รักสนุกและมีจิตใจชื่นชอบในด้านเสียงดนตรีชอบเต้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว วันหนึ่งเขาถูกทาบทามจากแมวมองที่รู้จักกันโดยบังเอิญทำให้เขาได้เดินตามความฝันที่เก็บซ่อนไว้ภายใน จนได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวงบอยแบนด์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดของเกาหลีใต้ในช่วงนั้นเลยก็ว่าได้
แต่หลังจากนั้นวงของเขาก็หมดสัญญาช่วงกลางปี 2021 หนุ่มหล่อมากความสามารถ แดเนียล เฉิน มีโอกาสได้บินลัดฟ้ามาเข้าร่วมกิจกรรมในประเทศไทยมากมายหลากหลายงานด้วยกันเขาเป็นหนึ่งในแอมบาสเดอร์ระดับโลกคนสำคัญของคาร์เทียร์ และจะเข้าร่วมในฐานะแขกรับเชิญสุดพิเศษ งานจะมีกำหนดจัดขึ้นในเร็วๆ นี้นอกจากนั้น แดเนียล เฉิน ยังได้ปรากฏตัวในรายการต่างๆ ของไทย หนึ่งในนั้นคือรายการ The wall Song และยังมีถ่ายทำโฆษณาสินค้าอีกหลายตัว ที่คงต้องใช้เวลาอยู่ในประเทศไทยไม่ต่ำกว่าสองเดือน แถมมีข่าววงใน แว่ว ๆ ว่าในอนาคตอันใกล้อาจมีการถ่ายทำซีรีส์ที่นำแสดงโดยแดเนียล เฉินเป็นพระเอกเรื่องแรก และเนื้อหาต้องมาถ่ายทำที่ประเทศไทยอีกด้วย งานนี้เอาใจสาวกคนรักเฮียสุด ๆ กันไปเลย'
“นายคนนี้เดินทางมาประเทศไทยไม่ต่ำกว่าห้ารอบแล้ว ทำไมฉันไม่เคยเห็นรู้เลยอ่ะ แถมไม่คุ้นหน้าเลยสักนิด ไม่เหมือนชา อึน ซอกที่ทั้งหล่อและดูสุภาพกว่าไอ้เจ้าหัวเป็ดนั่นซะอีก” แววพลอยเปิดข้อมูลของแดเนียล เฉินในอินเทอร์เน็ตแล้วอ่านซะเสียงดังไม่ขาดตกบกพร่องแม้อักษรเดียว
“แกเป็นนักข่าวสายโหด ไม่ใช่สายฮานี่ จะไปรู้เรื่องดารานักร้องได้ยังไงกัน วัน ๆ ก็เห็นแต่มาเล่าข่าวฆ่ากันตายที่ไหน ยังไงแกรู้หมด ยกเว้นข่าวบันเทิง พลอยทำให้ฉันไม่รู้จักคนดังกะเขาไปด้วยเลย”
“อ้าว..คุยกับทางบ้านเสร็จแล้วเหรอ” แววพลอยสะดุ้งตกใจเล็กน้อยเมื่อแม่เพื่อนสาวตัวดี โพล่งออกมากลางลำ แล้วมานั่งซ้อนอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
“อื้อ..ก็แค่พูดความจริง ไม่เห็นจะต้องทำอะไรมากมายป๊ากะม๊าฉันเข้าใจดีย่ะ”
“จ้า..แม่คนซื่อ (บื้อ) เรื่องไม่รู้จักดาราฉันยอมรับนะ แต่ที่แกไม่รู้จักใครนั่น เพราะแกจำหน้าเขาไม่ได้เองต่างหากไอ้เพื่อนบ้า!” แววพลอยถลึงตาใส่เพื่อนซี้ก่อนจะเอาหมอนอิงใบเล็กที่หยิบฉวยได้บนโซฟาข้างตัวทุบเพื่อนหยอก ๆ
“ฮ่ะๆ ล้อเล่นเฉย ๆ น่าเพื่อน แกก็รู้อยู่ฉันเป็นคนยังไง ชินแล้วแหละจำได้ก็จำ จำไม่ได้ก็ช่างปะไร” คนที่ไม่ค่อยยี่หระกับอะไรเสก้มลงไปตักไข่มุกที่อยู่ก้นแก้วต่อ เคี้ยวตุ้ย ๆ ราวกับไม่สนใจอะไร หากในใจนั้นกลับหวนคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อวานแล้วชวนให้ขนลุกซู่จนต้องรีบกัดปาท่องโก๋เพื่อระงับอาการใจเต้นแรงผิดปกตินั้นเสีย เธอคงต้องไปหาหมอเพื่อเช็กอาการให้แน่ใจอีกรอบแล้วมั้ง หรือมันกำลังจะมาแล้ว…
ย้อนกลับไปราวสิบสามชั่วโมงก่อนหน้านั้น ณ ห้องรับรองเย็นเฉียบ หากแต่คนที่เป็นลมหมดสติกลับไม่รู้สึกรู้สากับอากาศอันหนาวเหน็บ ร้อนถึงใครบางคนต้องหาเสื้อมาห่มให้เมื่อสังเกตเห็นว่าร่างเล็กพยายามคู้ตัวหนีจากความกดอากาศภายนอก ในสภาวะกึ่งหลับกึ่งตื่นเธอได้ยินเสียงบุรุษพูดคุยกันอยู่สองสามประโยคเป็นภาษาอังกฤษพอจับใจความได้ว่า
‘เธอไม่เป็นอะไรมากครับ ให้น้ำเกลือหมดแล้วก็สามารถกลับไปปฏิบัติงานต่อได้ แต่ทางที่ดีหมอว่าสมควรนอนพักผ่อนให้เต็มที่จะดีกว่า’
‘ขอบคุณมากครับหมอ’
‘ไปกันเถอะเพื่อน เธอคงไม่เป็นอะไรมากแล้ว’ เสียงนี้เธอจำได้ เขาคือชาอึนซอก แน่นอนเพราะชานิศาใช้วิธีจำเสียงคนได้จากการฟัง เธอสามารถจำแนกเสียงว่าใครเป็นใครจากการได้ยินทั้งที่ยังหลับตาอยู่
‘นายไปก่อนเลย เดี๋ยวตามไป ขอหยิบเสื้อแป๊บ’ แต่เสียงนี้เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน
แม้ชานิศาจะบกพร่องทางการจดจำใบหน้าคน แต่เธอก็สามารถแยกแยะบุคคลที่เธอสนทนาด้วยหรือได้ฟังผ่านหูก็บอกได้เลยว่าคนคนนั้นคือใครได้อย่างแม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ ชานิศาพยายามฝืนที่จะเปิดเปลือกตาที่มันหนักอึ้ง และคอยแต่จะปิดลงอีกครั้งอยู่สองสามรอบ บอดี้การ์ดสาวค่อย ๆ ลำดับเหตุการณ์ที่ผ่านมาอย่างมีสติ สูดหายใจเพื่อเรียกออกซิเจนไปเลี้ยงสมองเข้าออกช้าๆ อย่างที่เคยทำเป็นประจำ จนได้กลิ่นหอมของดอกไม้ หอมหวานเป็นพิเศษ ซึ่งมันเหมาะสำหรับสาว ๆ วัยแรกแย้มโดยแท้
“Giorgio Armani น้ำหอมสำหรับผู้หญิง My Way” ปากเล็กเอ่ยชื่อน้ำหอมออกมาคล้ายรำพึง ชานิศาแอบยกเสื้อโค้ตของใครไม่รู้ขึ้นมาดมอีกรอบ อืม..ชื่นใจ..มันหอมหวานเสียจนคาดว่าเจ้าของเสื้อตัวนี้คงเป็นคนสวยสง่า และดูไร้เดียงสา คงเป็นไฮโซคนใดคนหนึ่งเอามาห่มให้เธอเป็นแน่ เมื่อได้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นกว่าเก่า คนตัวเล็กก็ค่อย ๆ พยุงตัวจากที่นอนขดอยู่บนโซฟาสีแดงเลือดหมูหนานุ่ม ลุกนั่งสะลึมสะลือขยับเปลือกตาขยุกขยิกเพื่อขับไล่ความง่วงงุนทิ้งไป
เธอนอนพอแล้วชานิศา นี่มันกี่โมงกี่ยามกัน แล้วงานล่ะ แย่แล้ว! เธอทำงานพลาดครั้งใหญ่หลวง! เจ้านายเอาเธอตายแน่ แค่นึกหน้าของเจ้าของบริษัทที่ออกจะคมดุเธอก็กลัวจนหัวหดแล้ว เห็นภายนอกอาจดูเข้มแข็ง ไม่สนใจใครแบบนี้ก็เถอะ แต่ภายในนั้นเธออ่อนแอ ปวกเปียกยิ่งกว่าไส้ขนมสังขยาเสียอีก