บทที่ 5คนดังชั่วข้ามคืน (ต่อ)
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูรัวเร็ว ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าใจของเธอตอนนี้นัก ร่างเล็กผละออกจากหน้าจอคอมฯ เพื่อไปเปิดประตูให้เพื่อนสาว
“แก..”
“หยุด! เข้าไปก่อนแล้วรีบปิดประตู ข้างล่างมีพวกนักข่าวเต็มไปหมดเลยนะแก”
“อย่าว่าแต่ข้างล่างเลย ตรงโน้นก็มี”ชานิศาชี้นิ้วไปที่ระเบียงห้อง เพื่อนสาวเลยเดินไปตามวิถีที่เพื่อนชี้นิ้วไป
“โอ้วแม่เจ้า! นั่นมันโดรนชัด ๆ เดี๋ยวนี้เขาหาข่าวกันแบบนี้แล้วเหรอวะ ฉันเองทำงานสายข่าวแท้ ๆ ยังไม่ถึงขนาดนี้เลยวุ้ย” แววพลอยเพื่อนสนิทของชานิศาเพียงหนึ่งเดียวที่เธอคบอยู่ยาวนานสุดเพราะยัยนี่เกาะติดเธอแจราวกับเป็นเงา เหตุผลนั่นหรือก็ไม่มีอะไรมากแค่ชานิศาไปหาเพื่อนที่บ้านแล้วเจอไอ้พ่อเลี้ยงใจโหดกำลังจะเข้าไปทำร้ายแม่และน้องสาวฝาแฝดของแววพลอย จึงเข้าไปช่วยไว้ ก็แค่ประเคนแม่ไม้มวยไทย ตอกเข่า เป่าหมัดไปแค่สองสามทีอ้ายพ่อเลี้ยงขี้เมาแถมยังหื่นกามคนนั้น ก็หมอบกระแตไม่เป็นท่า ถึงขั้นต้องหามส่งโรงพยาบาลอาการปางตายเท่านั้นเอง
ตอนนี้ยังไม่รู้ชะตากรรมด้วยซ้ำว่ามันหายไปไหน เป็นตายร้ายดีอย่างไรช่างหัว เธอไม่อยากสนใจ โชคดีที่ลุงหมอพงศกรผู้เป็นพ่อแท้ ๆ ของเพื่อนสาวของเธอรู้ข่าวว่าสามแม่ลูกตกระกรำลำบาก จึงยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือรับกลับไปอยู่ด้วยกัน แม้ว่าจะเคยหย่าขาดกันไปแล้ว หลังจากนั้นยายเพื่อนซี้แววพลอยก็พลีกายถวายหัวเฝ้าวนเวียนตามติดชีวิตชานิศาราวกับเงาตามตัวเลยก็ว่าได้ จนบางครั้งหลายคนยังเข้าใจผิดว่าทั้งสองเป็นแฟนกันด้วยซ้ำไป
“เรื่องอื่นเอาไว้ก่อน เรื่องกินใหญ่กว่า นี่โจ๊กหมูกะปาท่องโก๋กำลังร้อน ๆ แล้วก็ชานมไข่มุกของโปรดแกกินซะ เมื่อวานคงไม่ได้กินอะไรก่อนไปทำงานล่ะสิ ถึงได้เป็นลมเป็นแล้งไปแบบนั้นน่ะ ฉันบอกแล้วใช่ไหม..อุ้บ!” คนบ่นกำลังได้ฟิวแต่โดนปาท่องโก๋อุดปากเสียก่อน
“พอเลย ๆ เมื่อวานฉันก็โดนพี่บิลเฉ่งให้แล้ว หูชาจนถึงห้องเลยแก ไม่รู้ว่าชาติก่อนพี่บิลเป็นพ่อ ส่วนแกเป็นแม่หรือเปล่าเลยตามมาราวีกันถึงชาตินี้เลย”
“เอ๊ะ แกนี่..คนเขาเป็นห่วงหรอกนะ ถ้าไม่รักไม่พูดให้เมื่อยปากหรอกย่ะ”
“งั้นก็หมายความว่า..แกกับพี่บิลรักฉันเหรอ?” คนถามพูดออกไปลอย ๆ แบบนั้นเอง ก่อนจะก้มลงซดโจ๊กแสนอร่อยเจ้าประจำ จากนั้นก็ไม่ได้สนใจด้วยว่าอีกฝ่ายจะตอบอย่างไร หารู้ไม่ว่าคนฟังหน้าแดงก่ำไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้
“ทั้งรัก.. ทั้งหวง ..ทั้งห่วงเลยแหละ” อีกฝ่ายตอบได้เพียงแค่ในใจ เพราะรู้ทั้งรู้ว่ายัยบื้อคนนี้นั้นคงไม่ตอบรับหรือตอบสนองความรู้สึกกับใครเขาหรอก
“เฮ๊ย! ไอ้ชาเป่าก่อนสิ มันร้อนมากเลยนะนั่น เดี๋ยวก็ปากพอง มีแผลอีกหรอก คราวที่แล้วไม่เข็ดหรือไง กว่าจะหายเป็นเดือน รู้จักรักตัวเองบ้างไหม จะให้แต่คนอื่นรักฝ่ายเดียวไม่ได้นะ มานี่ฉันเป่าให้"คนพูดบ่นอุบไปเรื่อย แต่ก็ยังแย่งถ้วยโจ๊กร้อน ๆ มาถือเสียเองพร้อมกับเป่าเพื่อคลายความร้อนออกให้ไปพลาง
“ฉันก็รักทุกคนนะ รักแก รักพี่บิล รักป๊ากะม๊า รักพี่ ๆ ที่ทำงาน ยังไม่พออีกเหรอ” ชานิศาตอบประสาซื่อ เธอก็รัก ตัวเองนะ แต่บางครั้งบางคราวก็ลืมตัวไปว่า ยิ่งตัวเธอนั้นแล้ว ยิ่งต้องรักและดูแลเป็นพิเศษกว่าใครอื่น แต่จะว่าไปไหนๆ เธอก็จะอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ทำไมจะต้องเข้มงวดกับตัวเองมากมายนักเล่า ชานิศานั่งขัดสมาดทำปากเบ้เหมือนเด็กน้อย ท่าทางไม่ต่างจากเด็กสามขวบเมื่อถูกขัดใจที่จะได้กินขนมแล้วแต่ผู้ใหญ่ยังไม่อนุญาต
“อันนั้นมันคนละแบบกันแกนี่.. ช่างเหอะ ๆ เย็นแล้วกินซะ” แววพลอยขี้เกียจที่จะอธิบายกับคนที่ไม่รู้สึกรู้สากับอารมณ์ความรู้สึกของคนอื่นอย่างชานิศานัก ถึงเจ้าตัวจะเป็นอย่างไรเธอก็จะอยู่เคียงข้างนางตลอดไปอยู่แล้ว เธอจะคอยปกป้องและดูแลยัยบื้อนี้ให้สมกับที่ป๊ากับม๊าของหล่อนฝากฝังไว้อย่างดีแน่นอน
“แล้วนี่ป๊ากับม๊ารู้เรื่องหรือยัง ป่านนี้ไม่นั่งเครื่องขึ้นมาหาแกแล้วเรอะ”
“เอ้อ! นั่นดิ ลืมไปเลยอ่ะ หลังจากที่กลับมาจากสนามบินแล้ว ถึงห้องกินยาแก้แพ้ แล้วก็ทิ้งดิ่งจมลงที่นอน หลับยาวถึงเช้า นี่ถ้าแกไม่มาปลุกคงหลับยันค่ำมืดแหละ” เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้สาวเจ้าของห้องรีบไปหยิบโทรศัพท์ที่เธอไม่ค่อยจะให้ความสนใจมันสักเท่าไหร่ เปิดหน้าจอมือถือทันที
“100 สาย!” สองสาวร้องอุทานออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อเห็นหน้าจอโทรศัพท์ที่สว่างวาบขึ้นแสดงผลบอกให้รู้ว่ามีสายเรียกเข้าเยอะจนน่าตกใจ
“ตั้งแต่มีโทรศัพท์ใช้ ไม่เคยเห็นมีใครโทรมากระหน่ำแบบนี้มาก่อนในชีวิตเลยแก” คนเป็นเจ้าของโทรศัพท์บ่นขมุบขมิบ
“ย่ะ ไม่เคยเลยจริง ๆ น่ะแหละ เพราะแกก็เคยไม่รับโทรศัพท์จากฉันอย่างมากที่สุดก็แค่ 20 สายเท่านั้นเองเนอะ น้อยกว่าตอนนี้หลายเท่าเลย” แววพลอยตอบกลับแบบเย้ยหยันเล็กน้อย
“ลองเช็กดูซิว่ามีใครโทรมาบ้าง ทีนี้ก็เตรียมหาคำตอบไว้ได้เลย”
“คงไม่มีใครหรอกแก ป๊ากะม๊าแหละ แต่ฉันก็แค่บอกความจริงเขาไปก็สิ้นเรื่อง แล้วอ้ายที่ฉันหลับลึก เค้าก็รู้อยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไรเลย” คนที่ไม่ค่อยจะกังวลใด ๆ ในชีวิตตอบกลับเพื่อนสาวหน้าตาเฉย ก่อนจะวางโทรศัพท์ทิ้งไว้ข้างตัว หันมาซดโจ๊กแสนอร่อยต่อหน้าตาเฉย
“อื้อ..แล้วแต่แกเลย ไม่เช็กไม่ดูอะไรทั้งนั้นเนอะ” ปากพูดแบบนั้น แต่มือก็ควานไปหยิบมือถือของแม่คนใจเย็นเป็นน้ำขึ้นมาเปิด เพื่อเช็กว่ามีใครโทรเข้า หรือมีใครส่งอะไรมาในข้อความสำคัญหรือไม่ ก็เพราะอย่างนี้ไงเล่า เธอถึงไปไหนไม่ได้ไกลนัก ชานิศาเป็นเด็กมีไอคิวสูงก็จริงแต่นางก็ยังมีความบกพร่องบางอย่างที่แววพลอยเป็นห่วงเอามาก ๆ เสียด้วย
‘เบอร์ป๊ากะม๊า 55 สาย’
‘เบอร์พี่บิล 10 สาย’
‘เบอร์ยัยแววเพื่อนรัก 20 สาย’
‘เบอร์บอส 5 สาย’
‘เบอร์แปลก 10 สาย’
ข้อความอีกเป็นสิบ ๆ เห็นแล้วขี้เกียจอ่านแต่รวม ๆ มากสุดคือป๊ากะม๊าของแม่เพื่อนสาวที่ล้วนแล้วแต่ส่งความเป็นห่วงเป็นใยมาให้และถามไถ่ความเป็นมาอย่างไรแทบทั้งสิ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวเธอเองที่พยายามส่งเมสเสจมาหาไม่ต่ำกว่าห้าข้อความ
“ครืด..ครืด”
“เฮ๊ย..แกรรร..ม๊าแกโทรมาแล้ว รับสายก่อนเลย” แววพลอยที่กำลังถือโทรศัพท์อยู่ถึงกับสะดุ้งตกใจ เมื่อจู่ ๆ โทรศัพท์ก็สั่นเตือนเต้นเร่า ๆ อยู่ในมือของเธอ หญิงสาวจึงยื่นคืนให้ผู้เป็นเจ้าของอย่างร้อนรนราวกับถูกของร้อนกระนั้น
“อื้อ..” ชานิศารับโทรศัพท์จากเพื่อนสาวด้วยความจำใจ เพราะยังเอร็ดอร่อยกับอาหารที่ส่งเข้าปากไม่หยุดตั้งแต่แววพลอยเข้ามาเจ้าตัวยังไม่หยุดหาอะไรเข้าปากเลยด้วยซ้ำ นักข่าวสาวมองเพื่อนรัก ก่อนจะหยิบทิชชูเช็ดปากที่มีข้าวติดอยู่ข้างแก้มใสให้อย่างนึกเอ็นดู
“ซู๊ดดด” เสียงดูดน้ำดังสนั่นไม่รักษาภาพพจน์กันเลยทีเดียว
“แม่บอกตั้งหลายครั้งชาช่า ห้ามทำเสียงดังเวลากินข้าว โตเป็นสาวแล้วนะ ป่านนี้แล้วยังทำตัวเป็นเด็กอยู่อีก”
“ช่าทราบดีค่ะ แค่แกล้งม๊าเล่นเท่านั้นเองแห่ะๆ ” ชานิศาที่เวลาอยู่ต่อหน้าพ่อกับแม่เธอจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน และแทนตัวเองว่าช่าตามความเคยชิน
“แม่กะป๊าเห็นข่าวของช่าแล้ว มันคืออะไรลูก รู้ไหมทางนี้เป็นห่วงมากนะ จะให้ป๊าไปจัดการมันเลยไหม สำนักข่าวไหน เขียนข่าวมั่วซั่วไปหมด ลูกสาวพ่อไม่มีทางทำแบบนั้นแน่” คราวนี้เป็นเสียงของป๊าที่คอยประกบติดกับม๊าไม่ห่างขอพูดบ้าง ถ้าหากเป็นปัญหาของลูกสาวสุดที่รักอะไรก็เป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขาเสมอ
“ยะ..อย่านะคะป๊า ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่เรื่องเข้าใจผิดกัน ช่าจะเล่าให้ฟังคือเรื่องมันเป็นอย่างนี้..” แค่ฟังก็สยิวแทนถ้าขืนทางพ่อกับแม่ของชานิศายกพวกมาบุกสำนักพิมพ์ใดสำนักพิมพ์หนึ่งมีหวังได้ล้มกันไปข้างหนึ่งแน่ แววพลอยแอบฟังแม่เพื่อนสาว ที่เดินถือโทรศัพท์เดินวนไปวนมาพยายามพูดหว่านล้อมให้ทางโน้นใจเย็นลงอยู่สักพัก ก็หันมาเช็กข่าวสารที่แม่บอดี้การ์ดสาวเปิดหน้าจอโน๊ตบุ้คทิ้งไว้