บทที่ 2 บอดี้การ์ดสาว II
สาวน้อยในวัยแรกแย้มเป็นดาวเด่นในหมู่นักกีฬาทั้งภายในและนอกค่าย ถือว่าเป็นตัวดึงดูดลูกค้าให้เข้ามา ไม่เพียงแค่ความสวยน่ารักและความเก่งกาจของเธอ ชื่อเสียงของเธอไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ชานิศาไม่ได้เก่งเพียงแค่ด้านกีฬาหลากหลายแขนงทั้งมวยไทย ยูโด เทควันโด ฟันดาบ ฯลฯ หากเธอยังพูดสื่อสารได้ถึง 5 ภาษา ทั้งไทย อังกฤษ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น ความสามารถของเธอส่งผลให้มีตัวแทนจากหลายหน่วยงานอยากดึงตัวไปร่วมทีมเป็นนักกีฬาทีมชาติกันให้พรึ่บ
แต่เธอก็ปฏิเสธที่จะเอาดีทางด้านการกีฬา สาวน้อยมีความเฉลียวฉลาดเกินเด็กสาวในวัยเดียวกัน ในช่วงมัธยมปลายเธอเรียนออนไลน์ของมหาวิทยาลัยชื่อดังควบคู่ไปกับการเรียนภาคปกติจนจบคณะวิศวกรรมเคมีไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงสามารถผลิตโลชั่นและน้ำหอมของตัวเองได้
เวลาหนึ่งสัปดาห์ผ่านไปเร็วจนน่าใจหาย กลุ่มชายวัยฉกรรจ์นับสิบคนต้องเดินทางกลับมาทำงานตามปกติหลังจากไปฝึกที่ค่ายมวยชื่อดังจนได้วิชาติดตัวมาเพียบ พร้อมกับบาดแผลคนละเล็กละน้อย ก่อนที่เขาจะก้าวขาขึ้นรถตู้ของทางค่าย ซึ่งมีบริการรับ-ส่งนักท่องเที่ยว ไปยังสนามบิน ก็มีมือมือหนึ่งยื่นขวดน้ำหอมขนาดจิ๋วส่งให้ บิลแบมือรับเจ้าสิ่งนั้นด้วยความงุนงง
‘ขอเบอร์หน่อยได้ป่ะ’ ณ ตอนนั้นเขายอมรับอย่างลูกผู้ชายเลยว่าหัวใจมันพองโตคับอก ที่สาวน้อยมหัศจรรย์ไอดอลของหมู่ภมรทั้งไทยและเทศต่างก็อยากได้เบอร์ของเธอ หากตอนนี้เจ้าหล่อนกลับมาขอเบอร์เขาแถมให้น้ำหอมที่ทำเองกับมืออีกต่างหาก มันยากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรเลยด้วยซ้ำที่จะเป็นไปได้
หลังจากขึ้นเครื่องมาจนถึงกรุงเทพฯเพื่อนๆ ในคณะก็แซวมาตลอดทาง เขาหวังอย่างยิ่งว่าสาวน้อยจะโทรมาหาหรือมีช่องทางให้ติดต่อกลับ แต่ก็ไม่มีวี่แววใด ๆ เลย งานที่เขาเป็นบอดี้การ์ดที่ต้องทุ่มเทเต็มที่บางครั้งก็ไม่มีเวลาเป็นของตัวเอง ในที่สุดเขาก็ลืมเรื่องราวของสาวน้อยนัยน์ตาคมนั้นไปเสียสนิท หากอยู่มาวันหนึ่งก็มีเบอร์แปลก ๆ โทรเข้า
“ฮัลโหลครับ บิลพูดสายครับ”
“ช่วยหาคอนโดที่อยู่ใกล้มหาลัยฯ..ให้หน่อยสิ แล้วก็..อยากหางานพาร์ทไทม์ทำเอาที่บริษัทพี่ก็ได้” เสียงเล็กน่ารักบ่งบอกแบบฉบับของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากสาวน้อยผู้เก่งกาจ ที่ตอนนี้ทุกคนมักเรียกว่าชาไข่มุกไปแล้ว นับตั้งแต่วันนั้นเธอก็เข้ามาทำงานในบริษัท Security Guard ในฐานะพนักงานพาร์ทไทม์ เป็นล่ามและการ์ดพ่วงด้วยไกด์ไปในตัวควบคู่กับเรียนในระดับมหาวิทยาลัยสาขาวิศวกรชีวการแพทย์จนถึงปัจจุบัน
เรียนหนักงานเหนื่อยไม่ได้ทำให้สาวน้อยคนนี้แสดงความอ่อนแอให้เห็นบ่อยนัก แม้จะเห็นสีหน้าอิดโรยในบางครั้งแต่เธอก็ไม่เคยบ่นสักคำ ชานิศาค่อย ๆ ปรับตัวให้เข้ากับสังคมที่ใหญ่ขึ้น นิสัยที่มักเก็บตัว ไม่ชอบสุงสิงกับใครก็แปรเปลี่ยนไป ใบหน้าสวยหวานละมุนมีรอยยิ้มมากขึ้นเรื่อย ๆ ชานิศากลายเป็นขวัญใจของเพื่อน ๆ และรุ่นพี่ แม้กระทั่งเจ้าของบริษัทเองยังมองเห็นความน่ารักสดใสของเธอ มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่ไม่เคยรับรู้ถึงเสน่ห์อันล้นเหลือของตัวเองเลยสักนิด
ความสนิทสนมกลมเกลียว ร่วมหัวหกก้นขวิดในเรื่องงานมาด้วยกันเป็นเวลานานทำให้ชานิศาค่อย ๆ เปิดใจกับเขามากขึ้นเป็นพิเศษ แต่ในความพิเศษนั้นถูกจำกัดให้เขาเป็นได้แค่พี่ชายที่แสนดีเท่านั้น มีเขาเพียงคนเดียวที่เธอยอมให้เข้าถึงได้รับรู้ความลับของเธอที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนแม้กระทั่ง..
แกรก ๆ ซ่า..เสียงวอที่ดังออกจาก Earphone ทำให้ทุกคนรีบเอามือจับกระชับที่หูฟังโดยอัตโนมัติ
“รายงานจากนอกอาคาร ทุกคนเข้าประจำที่คุณชาอึนซอกและคุณ..แกรก..กำลัง..แกรก..เดินทางเข้าอาคารขาเข้าแล้ว โปรดทราบ..” เสียงคลื่นวิทยุสื่อสารติดขัดเล็กน้อยอาจเพราะข้างนอกมีคลื่นรบกวน
“รับทราบค่ะ..ครับ” บอดี้การ์ดมืออาชีพทุกคนเอ่ยขานรับอย่างพร้อมเพรียงก่อนจะเดินเข้าไปยังจุดที่ตัวเองได้รับมอบหมายไว้ตั้งแต่แรก
“โอเคนะเจ้าชาไข่มุก” บิลยังคงกำชับถามเพื่อนรุ่นน้องอีกครั้ง มือใหญ่วางบนศีรษะทุย พร้อมกับก้มลงไปมองสบดวงตาดำขลับอีกรอบ เพราะเขาสังเกตเห็นว่าวันนี้สาวน้อยคนเก่งมีท่าทางไม่ค่อยสู้ดีนัก
“อื้อ..โอเคค่ะ” หากตอบว่า ไม่โอเคก็คงโดนเพ่นกบาลเป็นแน่ เป็นไงเป็นกันก็แค่ต้อนรับแขกผู้มาเยือนแล้วช่วยพาเขาเข้าไปยังห้องรับรองภายในสนามบิน อาจคุยกันไม่กี่ประโยคก็คงแยกย้ายเข้าที่พักเหมือนคนดังที่เคยเดินทางมาเยือนประเทศไทยแดนสยาม
เมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กแต่ใจใหญ่พยักหน้ารับด้วยความมั่นใจแล้ว บิลลี่จึงค่อย ๆ เดินห่างออกมาจากจุดที่ยืนคุยกันเมื่อครู่เพื่อเข้าประจำ ตำแหน่งทันที หากสายตาคมกริบกลับไม่ได้ห่างจากร่างเล็กบางเลยแม้แต่วินาทีเดียว
ร่างเล็กสมส่วนอยู่ในชุดสูทสีดำพอดีตัวแลดูทะมัดทะแมง ผมดกดำยาวสลวยถูกมัดขึ้นสูงจนเรียบตึงปล่อยปลายหางม้าไว้ด้านหลังเพื่อความสะดวกเวลาทำงาน เวลาก้าวเดินเร็ว ๆ มันมักจะแกว่งไกวไปมาแลดูน่ารักดี ชานิศาก้าวเข้ามายืน ณ จุดแรกที่ได้กำหนดไว้ด้วยความมั่นใจ พลางยืดอกที่มีอยู่น้อยนิดขึ้น ดึงเสื้อสูทตัวใหม่เอี่ยมให้เรียบตึงอีกครั้งผลุบสายตาก้มลงไปมองนาฬิกาข้อมือสลับกับจับหูฟังสีขาวให้กระชับกับใบหูอีกครั้ง
มือเล็กล้วงลงไปหยิบภาพใบเล็กที่พกติดกระเป๋ากางเกงขึ้นมาดูอีกรอบ พยายามเพ่งพินิจรายละเอียดบนใบหน้าของอาคันตุกะหนุ่มนามว่าชาอึนซอกให้เข้าไปอยู่ในซีลีเบลลัมให้ได้มากที่สุด เพราะความสามารถในการจดจำใบหน้าคนของเธอแทบเป็นศูนย์ ยิ่งเป็นคนที่ไม่เคยเจอหน้ากันยิ่งแล้วใหญ่ น่าขันนักคนที่เก่งในหลายเรื่องอย่างเธอ กลับมีข้อบกพร่องกะอีแค่จำหน้าคนไม่ได้ ถ้าจำได้ก็จำผิดจำถูก