บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 บอดี้การ์ดสาว I

ณ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ เวลา 18 นาฬิกา ในประเทศไทย

“ถึงไหนแล้วไอ้ชา คณะทัวร์ของคุณชา อึน ซอก ลงเครื่องมาแล้วนะมัวทำอะไรอยู่!” การ์ดหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่แต่งตัวด้วยชุดสูทภูมิฐาน พยายามเค้นเสียงต่อว่าปลายสายด้วยอารมณ์ขุ่นขวางแข่งกับเสียงกรี๊ดกร๊าดของบรรดาแฟนคลับที่มายืนออเพื่อรอรับไอดอลในดวงใจของพวกเขา อย่างอุ่นหนาฝาคั่ง

“ชาถึงหน้าสนามบินแล้วค่ะพี่บิลลี่ กำลังลงจากรถค่ะ รอแป๊บนะคะ” อีกฟากตอบกลับมาในสายอย่างร้อนรนพอกัน

“ให้ไวเลย..ตู๊ดดดด” พูดไม่ทันจบประโยคอีกฝ่ายก็ตัดสายไปเสียฉิบ

“เฮ้ย..ให้มันได้อย่างนี้สิ จะรีบตัดสายอะไรกันนักกันหนาวะ เรื่องกลัวโทรศัพท์นี่ยกให้เธอเลย” กบิณฑ์ที่บรรดาเพื่อนร่วมงานหรือน้อง ๆ มักเรียกว่าบิลลี่ ยืนเท้าสะเอวด้วยความไม่สบอารมณ์ พลางสอดส่ายสายตามองหาคนที่ถูกกล่าวถึงเมื่อครู่ด้วยอาการหงุดหงิดงุ่นง่าน เมื่อสาวน้อยคนสำคัญมาสายกว่าเวลาที่นัดหมายไว้

“จ๊ะเอ๋..สวัสดีค่ะพี่บิลลี่ ชามาทันใช่ไหม” ไม่นานนักไอ้ชาที่เขาเพิ่งก่นด่าก็โผล่มาตรงหน้าบิลลี่ที่พกความสูงร่วมร้อยแปดสิบเซนติเมตรก้มลงมองหน้าทะเล้นของสาวน้อยนามว่าชานิศา หรือชาไข่มุกที่ทุกคนชอบเรียกด้วยแววตาดุดันแต่เมื่อใบหน้าแฉล้มของแม่ตัวดีโผล่มา แววกังวลในตอนแรกก็คลายลง ส่วนคนที่สูงแค่ร้อยหกสิบห้าเซนติเมตรก็แหงนเงยหน้ามองเพื่อนรุ่นพี่จนคอตั้งบ่า

“ชาไม่ได้มาสายสักหน่อยอย่ามองแบบนั้นสิ ไหนบอกเวลานัดทุ่มหนึ่ง นี่มาเร็วก่อนตั้งเกือบ ๆ ชั่วโมงเลยนะเนี่ยดูสิ” คนตัวเล็กกว่าตอบอีกฝ่ายที่ยังคงมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยันเล็กน้อย พร้อมกับชูนาฬิกาข้อมือให้เพื่อนรุ่นพี่ดูเหยง ๆ

“ก็ไม่ได้จะว่าอะไรนี่ แต่งตัวโอเคเลยเป็นได้ทั้งล่ามและบอดี้การ์ดเข้าใจหาชุดนะ” ชานิศามองตามสายตาเพื่อนรุ่นพี่ ก้มมองเสื้อกับกางเกง ในชุดสูทสีดำพอดีตัวที่สวมใส่มาวันนี้ อดกระหยิ่มยิ้มย่องในความภูมิฐานของตัวเองไม่ได้

“ก็แหงล่ะ คนมันหุ่นดีทำอะไรก็ดูดีไปหมดแหละ” คนที่ถูกบังคับให้ควบหน้าที่สองตำแหน่งแอ่นอกรับอย่างมั่นอกมั่นใจ

“เฮอะ! ทำหน้าที่ตัวเองให้ดีเหอะ อย่าเก่งแต่ปาก ว่าแต่เราน่ะจำได้ใช่ไหมว่า ชา อึน ซอก หน้าตาแบบไหน” คนถามมีแววกังวลเล็กน้อย

“อ่ะ..จำได้สิ ชาจ้องมาทั้งคืนเลยนะแทบจะกลืนกินตานี่เลยด้วยซ้ำ” คนพูดใช้นิ้วจิ้มไปที่ปากตัวเองแกล้งกระเซ้าให้ได้ขำไปอย่างนั้น ความจริงแล้วเธอแทบไม่ได้นอนเลยต่างหากเล่า ใช่ว่าเธออ่านข้อมูลของดารานักร้องหนุ่มชื่อดังที่เธอจะต้องมาเป็นล่ามให้และแถมด้วยบอดี้การ์ดอะไรนั่นหรอกนะ ธีสิสวิศกรชีวการแพทย์ปีสุดท้ายของเธอเล่นเอาไม่ได้หลับได้นอนมาหลายคืนแล้วต่างหาก งานพาร์ทไทม์ก็ต้องทำ เรียนก็ต้องเรียนไอ้ชาแอบเซ็ง

“แล้วนี่กินยาแก้แพ้มาหรือยัง ไม่ใช่ว่ามาจามรดหน้าดาราดังเข้าล่ะ” บิลลี่ยังไม่คลายความกังวลในตัวแม่สาวรุ่นน้องในสังกัดนัก จ้องมองคนตัวเล็กกว่าด้วยความเป็นห่วง ผ่านม่านหน้ากากผ้าสีดำที่ปิดบังใบหน้าเรียวเล็กไปกว่าครึ่ง เห็นเพียงแค่คิ้วเรียว และดวงตากลมโตสีดำสนิทเท่านั้น ที่ฉายแววมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยวแอบแฝงไว้ด้วยความดื้อรั้นแสนซนในตัว

“ไม่ต้องห่วงค่ะคุณพี่ น้องจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้ว” คนตัวเล็กกว่ายืดอกพกความมั่นใจมาเต็มร้อย พลางชี้นิ้วไปที่ผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กซึ่งถูกซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทอย่างแนบเนียน

“ถ้าจะให้ดี อย่าทำขายหน้า และอย่านำมันออกมาใช้จะดีที่สุด” บิลรู้ดีว่าสาวน้อยมหัศจรรย์นามว่าชานิศาผู้มากความสามารถคนนี้มีอะไรพิเศษมากมาย จนทำให้ทุกคนเหวอมาแล้วหลายรายการ แต่เกือบทุกรายการนางก็ผ่านมันมาได้ ทำเอาหลาย ๆ คนในบริษัท Security Guard ประจักษ์ในความเฉลียวฉลาดของเธอเป็นอย่างดี แต่ก็นั่นแหละคนมีไอคิวสูง แต่อีคิวหรือสกิลทางด้านการรับรู้ความรู้สึกของเธออาจบกพร่องไปบางประการ โดยเฉพาะเรื่องความจำใบหน้าคนมันกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับเธอไปเสียแล้ว แถมแม่คุณยังเป็นภูมิแพ้คนแปลกหน้าอีกด้วย!

บิลลี่รู้จักชานิศาตั้งแต่เธอเพิ่งจบมัธยมปลาย ขณะนั้นหล่อนกำลังอยู่ในช่วงเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัย ทางหน่วยงานได้ส่งพวกเขาให้ไปฝึกซ้อมยังค่ายมวยที่เธออาศัยอยู่ในจังหวัดภูเก็ต ค่ายนี้มีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดในจังหวัดนั้นเลยก็ว่าได้เนื่องจากทางค่ายมีทุกอย่างให้เลือกสรรตามความต้องการของลูกค้า รวมถึงมีที่พักให้อีกด้วย

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเมื่อพวกเขาเจอกับสาวน้อยร่างเล็กกระจิริดจะมาเป็นผู้ฝึกสอนและเทรนเนอร์ให้กับเหล่าบรรดาชายวัยฉกรรจ์ เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งสามารถล้มคู่ต่อสู้ ที่มีรูปร่างสูงใหญ่นับสิบลงไปร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดในเวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีกับการต้อนรับน้องใหม่ แต่เธอกลับยืนสงบนิ่งในท่วงท่าที่มั่นคง ราวกับเมื่อครู่นี้เธอไม่ได้ออกแรงเลยแม้แต่น้อย ดวงตาดำขลับภายใต้หน้ากากผ้าสีดำมักไม่แสดงอาการใด ๆ กับคนแปลกหน้า น้อยครั้งนักที่พวกเขาจะได้เห็นใบหน้าหวานละมุนของเธอ หากไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเธอแล้วใครหน้าไหนก็ไม่อาจเห็นดวงหน้าที่แท้จริงของเธอได้ง่าย ๆ เลย นอกเสียจากว่าเจ้าตัวนั้นยินยอมเปิดเผยเองเท่านั้น

ความเป็นมาของชานิศานั้นเขาไม่มั่นใจนักว่ามีความเกี่ยวพันกับเจ้าของค่ายมวยชื่อดังหรือไม่อย่างไร จนปัจจุบันนี้ก็ยังไม่รู้ ถึงแม้ว่าจะสนิทสนมกันเหมือนเป็นพี่น้องแล้วก็ตาม สองสามีภรรยาผู้เป็นเจ้าของก็ให้ความเป็นกันเองปกติดี แต่เขาสังเกตได้ว่า ชานิศามีความกริ่งเกรงบุคคลที่ชุบเลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็กทั้งที่เรียกว่าพ่อกับแม่มาตลอด

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel