ตอนที่4 อารมณ์คลุมเครือ
ตอนที่4 อารมณ์คลุมเครือ
เท้าเปลือยเปล่าสัมผัสความนุ่มของทรายเม็ดละเอียดสีขาว ก่อนจะเงยหน้ามองท้องฟ้าและท้องทะเลอันกว้างใหญ่ ใบหน้าและเส้นผมถูกสายลมปะทะ กอปรกับหูฟังเสียงเกลียวคลื่นม้วนตัวเข้าหาฝั่ง เท้าเล็กยืนอยู่ระหว่างเส้นแบ่ง ผืนทรายที่แห้งสนิท กับผืนทรายที่เปียกชุ่มเพราะถูกน้ำทะเลซัดสาดอยู่เป็นระยะ
“เย็นสบายจัง” ร่างอรชรที่หน้าท้องเคยแบนราบตอนนี้เริ่มมีพุงน้อย ๆ โผล่ออกมาให้เห็น กำลังเดินหยอกล้อกับเกลียวคลื่นที่ซัดสาดเข้ามาที่ชายฝั่ง คนตัวเล็กก้มลงแบมือไปสัมผัสกับสายน้ำที่เย็นสบาย กลิ่นอายท้องทะเลที่เธอโหยหาสูดหายใจเข้าเต็มปอดช่วยให้สดชื่นขึ้น
“ลงเล่นน้ำได้นะ แต่อย่าลงไปลึกเกินพี่จะนั่งเป็นเพื่อนอยู่ตรงนี้ พลอยเล่นน้ำตามสบายเลย” ธารายืนมองรอยยิ้มสดใสบนใบหน้าหญิงสาว รอยยิ้มแห่งความสุขที่ฉายแววออกมาจากด้านใน
“หนูเล่นได้เหรอคะ จะไม่เป็นอะไรใช่ไหม” ด้วยความที่เธอเป็นว่าที่คุณแม่มือใหม่จึงกังวลไปหมดว่าจะเป็นอันตรายต่อลูกในท้อง
“เล่นได้ครับ อย่ากังวลไปเลย เล่นให้สนุกอีกนานนะถึงจะมีโอกาสได้มาเล่นน้ำแบบนี้อีก ต้องรอตัวเล็กคลอดออกมาแล้วต้องรอเขาโตก่อนถึงจะพามาแบบนี้ได้”
“งั้นหนูลงไปเล่นน้ำตรงนั้นนะคะ” ร่างอรชรในชุดกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดตัวโคร่งสีฟ้าค่อย ๆ เดินลงไปในทะเลตรงจุดที่ความลึกประมาณช่วงเอว
"ครับ” ธาราตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
บนเครื่องบิน
ร่างบางนั่งเอนหลังหันมองท้องฟ้าที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นท้องฟ้าของอีกประเทศที่ไกลจากเมืองไทยออกไปทุกที ความรู้สึกเจ็บปวดที่จิตใจโดนกระทำมาเริ่มรู้สึกเย็นชาเมื่อเครื่องบินบินห่างออกมาไกล แต่เธอลืมไปว่าบนตักเธอนั้นมีตัวแทนของชายคนนั้นอยู่คือแจ็กเกตตัวโปรดที่มีกลิ่นกายและกลิ่นน้ำหอมเขาติดอยู่
“ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือร้ายที่ฉันหนีมาไกลขนาดนี้คุณยังทิ้งของที่เป็นตัวแทนของคุณให้กับฉัน บางทีคุณก็ใจร้ายกับฉันมากกว่าทุกคนบนโลกนี้เสียอีก รู้ตัวบ้างไหมคุณธารา”
ทางด้านพลอยใส
พลอยใสเล่นน้ำอยู่ประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมงก็เริ่มเหนื่อยเพราะคลื่นเริ่มลูกใหญ่และแรงขึ้นเรื่อย ๆ จึงเดินกลับเข้าฝั่ง
“เหนื่อยแล้วเหรอ หืม..” ร่างบางเปียกโซกเดินขึ้นมาจากน้ำ ธารายื่นผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ให้หญิงสาวเพื่อเช็ดตัวและใช้คลุมตัวไว้เพื่อปรับอุณหภูมิของร่างกาย
“นิดหน่อยค่ะ แค่นี้ก็มีความสุขมากแล้วค่ะ”
“เดินไหวไหม ตรงริมหาดที่มีโขดหินใหญ่ ๆ ตรงโน้นมีดอกหญ้าสวย ๆ ขึ้นเต็มเลยจะเดินไปดูหรือเปล่า” นิ้วเรียวยาวชี้ไปทางท้ายชายหาดที่มีโขดหินและต้นไม้ใหญ่ตั้งอยู่
“ไปค่ะ หนูอยากเห็น”
“ใส่รองเท้าก่อน เดินเท้าเปล่าไปแบบนี้ไม่ได้เปลือกหอยจะตำเท้าเอา” รองเท้าแตะคู่เล็กที่ถอดไว้ ธาราเป็นคนไปหยิบมาให้วางลงตรงหน้าหญิงสาว
“ขอบคุณค่ะ”
บรรยากาศยามเย็นที่มีลมพัดเอื่อย ๆ เหมาะแก่การพักผ่อน น้ำทะเลสีฟ้าตัดกับสีของท้องฟ้าและก้อนเมฆเป็นวิวที่สวยงามดูแล้วสบายตา แสงแดดอ่อน ๆ กระทบกับผิวน้ำเกิดประกายระยิบระยับ ต้นดอกหญ้าดอกสีม่วงอมชมพูถูกสายลมพัดผ่านเอนไหวไปตามแรงลม
“อากาศที่นี่ดีจังนะคะ ถ้าได้อยู่ที่นี่ตลอดไปคงดี” ลมพัดโชยกลิ่นอายทะเลเข้าปอด สูดหายใจเข้าไปรู้สึกสดชื่นจนรู้สึกเสียดายที่ต้องจากที่นี่ไป
“ไว้ตัวเล็กคลอดแล้วงานทุกอย่างลงตัวกว่านี้ พี่สัญญาว่าจะพาพลอยมาอยู่ที่นี่นาน ๆ ระหว่างนี้ก็ให้ไอ้ชาร์หาสถาปนิกมาสร้างบ้านหลังใหญ่กว่านี้ เวลามาพักผ่อนจะได้ไม่อึดอัด”
“รู้ว่าเมียกูจะอึดอัดเสือกพามาทำไม” เสียงเรียบคุ้นหูดังมาแต่ไกลแข่งกับเสียงคลื่นกระทบฝั่ง พลอยใสรีบหันขวับมองตามด้วยความรู้สึกตกใจ เขามาพร้อมกับมือซ้ายคนสนิทและบอดี้การ์ดอีกแค่สองคน
“มาถึงแล้วเหรอ ไอ้ลุคค์ทำงานไวดีนี่ แล้วนี่ใครเป็นคนขับฮอร์มึงหรือไอ้ลุคค์” ธาราถามกลับน้ำเสียงปกติราวกับคนที่พึ่งมาใหม่นั้นเป็นเพื่อนที่นัดเจอกันพึ่งเดินทางมาถึง
“นายเป็นคนขับผมนั่งตำแหน่งนักบินที่สอง” ลุคค์ตอบกลับบอดี้การ์ดรุ่นพี่
“ครั้งนี้มึงทำเกินไปนะธารา พาพลอยใสหนีมาแบบนี้ได้ยังไง” มาเฟียหนุ่มเค้นเสียงตำหนิลอดไรฟัน ทั้งที่ในใจอยากเอาปืนยิงคนตรงหน้าให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย
“แล้วที่มึงติดเครื่องดักฟังที่รถกู มันเป็นเรื่องปกติที่ควรทำอย่างนั้นเหรอ” ธาราถามกลับอย่างใจเย็นซึ่งต่างกับชาร์วีที่โมโหจนเห็นเส้นเลือดนูนที่ขมับ
“ก็พลอยใสไปกับมึง” คำตอบที่ฟังไม่สมเหตุสมผลออกจากปากชาร์วี
“หึ!..วันนี้กูก็แค่พาพลอยใสมาเที่ยว มึงจะซีเรียสอะไร..ก็แค่มาเที่ยว” ธาราเน้นเสียงประโยคหลังพร้อมกับสาวเท้าเดินผ่านหน้าชาร์วีกลับที่พัก
“ไอ้ธารา มึงจะทำตามใจทุกอย่างได้แต่ไม่ใช่กับพลอยใส อย่าหาว่ากูไม่เตือน” ชาร์วีตะโกนไล่หลังมือขวาพ่วงตำแหน่งเพื่อนสนิทที่ไม่ค่อยลงรอยกันสักเท่าไหร่
“คุณจะดุพี่ธาราทำไมคะ ก็คุณทำนิสัยไม่ดีกับพี่ธาราก่อน คุณโดนแบบนี้ก็ถูกต้องแล้วนี่คะ” พลอยใสที่เห็นด้วยและเข้าข้างธาราตั้งแต่แรกหันไปว่าให้คนเป็นสามีที่ชอบทำอะไรโดยไม่นึกถึงจิตใจคนอื่น
“พลอยใส ใครเป็นผัวเธอกันแน่ ทำไมถึงเข้าข้างไอ้ธาราตลอด” ชาร์วีที่โมโหและน้อยใจที่เมียตัวน้อยไม่เคยเข้าข้างตัวเองเลย แทบทุกครั้งที่มีเรื่องทะเลาะกับธารา
“อย่ามาถามคำถามโง่ ๆ กับหนูแบบนี้นะคะ ถ้าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นสามีใครก็กลับบ้านไปค่ะ อย่ามาโวยวายแถวนี้” คำพูดประชดประชันที่พลอยใสไม่ชอบเอาซะเลยถึงว่าสวนกลับไป มือบางเสยผมเปียกที่เริ่มแห้งหลังจากโดนลมมาสักพักพัดปลิวปกคลุมใบหน้าออกพอลวก ๆ ถอนลมหายใจพรืดยาวกระทืบเท้าเดินผ่านหน้ามาเฟียหนุ่มไป
“พลอยใส จะเดินหนีฉันแบบนี้ไม่ได้นะ กลับมาคุยกันก่อน” ชาร์วีตะโกนตามหลังหญิงสาวที่เดินดุ่ม ๆ เข้าบ้านไปไม่ฟังเสียงเรียกของคนเป็นสามี
“สงบสติอารมณ์แล้วค่อยมาคุยกันค่ะ หนูเหนียวตัวหนูจะไปอาบน้ำ” เสียงเล็กตะโกนตอบกลับแต่ไม่หันหน้ากลับมาเพียงนิด ไม่นานร่างอรชรก็เดินเข้าไปภายในบ้านหลังเล็กที่อยู่ไม่ไกล
“ใครอนุญาตมึงให้เข้าบ้านกู” ทันทีที่ชาร์วีและลุคค์เดินเข้ามาภายในบ้าน ธาราเอ่ยถามขึ้นทันที
“ไอ้ธารา”
“พี่ธารากับนายเลิกทะเลาะกันเถอะครับ ทะเลาะกันมาสามสิบปีแล้วไม่เบื่อกันบ้างหรือไง ผมเห็นผมยังเบื่อแทนเลย นายก็ด้วยนะครับระวังนายหญิงทนไม่ไหวกับความขี้หึงขี้หวงเกินขอบเขตของนายนะครับ นายหญิงนับถือพี่ธาราเปรียบเสมือนพี่ชายคนหนึ่งที่นายหญิงรักมาก นายคิดว่าเธอจะพอใจไหมครับที่นายทำแบบนี้ ดูอย่างวันนี้ทำไมนายหญิงถึงกล้าหนีนายมาเที่ยวทะเลกับพี่ธารา ถ้าไม่ใช่เพราะนายหญิงอยากดัดนิสัยนายหรอกหรือครับ โต ๆ กันแล้วคิดเอาเองนะครับ ผมขอตัวออกไปซื้ออาหารเย็นก่อน หวังว่ากลับมานายและพี่ธาราจะคุยกันรู้เรื่องแล้วนะครับ” ลุคค์พูดจบก็เดินไปยังรถที่จอดอยู่และสตาร์ตรถขับออกไปด้วยความเร็ว
ตอนเย็นที่ชายระเบียง
ครืด ~ครืด ~ครืด ~
ระหว่างที่ทุกคนกำลังนั่งพักผ่อนรับลมเย็น ๆ ที่ชายระเบียงหลังอาหารเย็นจบลง เสียงโทรศัพท์มือถือของพลอยใสก็ดังขึ้นเมื่อมีสายเรียกเข้า
{เบอร์ที่ไม่รู้จัก} เป็นหมายเลขโทรศัพท์ที่โทรมาจากต่างประเทศ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะกดรับสายเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเบอร์ที่โทรเข้ามานั้นน่าจะเป็นมุกดา
{ฮัลโหลค่ะ}
{พลอยใสฉันเองนะ}
{มุกดาเหรอ} รอยยิ้มดีใจผุดขึ้นบนใบหน้าพร้อมกับกดเปิดโฟนเพราะอยากให้ใครบางคนได้ยินบทสนทนาครั้งนี้ด้วย
{ใช่ฉันเอง ตอนนี้ฉันถึงลอนดอนแล้วกำลังจะเดินทางไปโรงแรม/ไปกันเถอะที่รักผมถือกระเป๋าให้} เสียงผู้ชายดังแทรกเข้ามาในสาย ซึ่งฟังจากระดับเสียงคงจะเป็นใครสักคนที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ มุกดา
{พลอยใสแค่นี้ก่อนนะ มีคนมารับพอดี}
{โอเค เธอรีบไปโรงแรมแล้วพักผ่อนเถอะ}
“หึ..ไปถึงที่โน่นไม่ถึงชั่วโมงก็มีผู้ชายมารับไปโรงแรม แน่ใจนะว่าไปเรียน ไม่ใช่ไปหาผู้ชาย” อยู่ ๆ เสียงของธาราก็พูดขึ้นไม่ดังมากนักเหมือนพูดกับตัวเองมากกว่า แต่ก็ดังพอที่พลอยใสจะได้ยินเพราะหญิงสาวนั่งอยู่ทิศใต้ลมพอดี
“เสียงผู้ชายคนนั้นหล่อมากเลยนะคะ หน้าตาก็น่าจะหล่อไม่แพ้เสียง แต่จะสู้พี่ธาราของพลอยได้หรือเปล่านะ” พลอยใสพูดขึ้นลอย ๆ หลังจากวางสาย
“หล่อแต่เลวแบบไอ้ธาราไม่มีผู้หญิงคนไหนเอาหรอกนะ” ชาร์วีได้โอกาสพูดขึ้นเหน็บแนมมือขวาคนสนิท
“พลอยใส..ชาตินี้ทำบุญเยอะ ๆ นะชาติหน้าจะได้เกิดมาแล้วไม่ต้องมาเจอผู้ชายอย่างไอ้ชาร์อีก กลับไปพี่ว่าจะบริจาคเงินสร้างวัดเผื่อผลบุญจะทำให้ชีวิตพี่เจอคนดีกว่านี้”
“ผมร่วมบริจาคกับพี่ด้วยนะ พี่ทำเมื่อไหร่บอกผมด้วยนะ” ลุคค์ที่เข้าใจความหมายของธาราพูดเสริม นาน ๆ ทีจะมีโอกาสเอาคืนคนเป็นนายจึงไม่ปล่อยให้โอกาสนั้นหลุดลอยไป