ตอนที่3 หนี
ตอนที่3 หนี
เครื่องบินลำใหญ่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า กลุ่มเมฆสีขาวลอยเต็มท้องฟ้า ฝ่ามือเรียวเล็กกางสัมผัสแนบกับหน้าต่าง
“จนนาทีสุดท้ายคุณก็ยังเย็นชากับฉัน” หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเมื่อนึกถึงคำพูดและท่าทางรังเกียจของชายหนุ่มเจ้าของแจ็กเกต
บนรถ
“จะแวะที่ไหนก่อนไหมครับ หรือกลับบ้านเลย” ธาราเอ่ยถามเมื่อทั้งสองขึ้นนั่งบนรถเรียบร้อยโดยมีธาราทำหน้าที่เป็นคนขับ
“หนูว่าจะแวะห้างซื้อของที่ซูเปอร์มาเกตหน่อยค่ะ ช่วงนี้พี่ธาราทำแต่งานไม่ค่อยได้ทานข้าวที่บ้านเลย” พลอยใสที่รักธาราเหมือนพี่ชายจะคอยเอาใจใส่และห่วงใยตลอด
“เดี๋ยวไอ้ชาร์มันก็อิจฉาพี่อีกหรอกที่พลอยทำกับข้าวให้พี่ทาน พี่ขี้เกียจฟังมันบ่น” ธาราพูดติดตลกเรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากว่าที่คุณแม่มือใหม่ที่กำลังอุ้มท้องทายาทมาเฟียตัวน้อยอยู่
“ช่างเขาเถอะค่ะ นับวันยิ่งทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจ” พลอยใสได้แต่ส่ายหัวเมื่อพูดถึงคนเป็นสามี ที่ทุกวันนี้ทิ้งการทิ้งงานให้ธาราและลุคค์ดูแล ส่วนตัวเขานั้นเอาแต่ตามติดเธอแทบจะสิงร่างเธออยู่แล้ว
“หึ! มันกำลังหลงเมียหลงลูก พี่ก็ไม่คิดว่าคนอย่างมันจะรักคนอื่นเป็น ตอนแรกพี่ก็แอบกลัวเหมือนกันที่รู้ว่ามันสนใจพลอย”
“พี่ธารารู้เรื่องนี้ตั้งนานแล้วเหรอคะ หนูเองยังไม่รู้ตัวเลย คนอะไรแค่ขอเจอหน้าก็ไม่ได้ ไม่รู้จะหวงใบหน้าตัวเองอะไรหนักหนา”
“มันแสดงออกชัดเจนขนาดนั้น ตามหึงตามหวง สั่งห้ามโน่นนี่นั่น แต่กว่าพี่จะแน่ใจก็ตอนที่พลอยหลงป่านั่นแหละที่มันบ้าคลั่งเดินตามหาพลอยทั้งคืน”
“จริงเหรอคะ”
“จริงสิ แต่ตอนนั้นพี่ก็แอบน้อยใจอยู่นะที่พลอยเอาแต่เห็นไอ้ชาร์คนเดียว พี่ก็เดินเสี่ยงตายตามหาน้องพี่เหมือนกัน”
“ตอนนั้นคุณชาร์วีอยู่ใกล้พลอยที่สุดนี่คะ พี่ธาราน่ะยืนอยู่ตั้งไกล”
ครืด ครืด ครืด เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นแทรกบทสนทนาของทั้งสอง
{ครับนาย} ธารากดรับสายทันทีเมื่อคนที่โทรเข้ามานั้นคือมาเฟียหนุ่ม
{เมื่อไหร่มึงจะพาเมียกูกลับมา} เสียงเข้มตะโกนเสียงดังมาตามสายเมื่อธารากดรับสาย
{น่าจะอีกสักพักครับ ผมว่าจะพาพลอยใสไปเดินเที่ยวห้าง นายทำงานเสร็จแล้วเหรอครับ} ธาราแกล้งยั่วโมโหชาร์วีอย่างที่ชอบทำประจำ
{ไอ้ธารา}
{ครับ}
{พาพลอยใสกลับบ้านเดี๋ยวนี้}
{หนูจะไปซื้อของที่ซูเปอร์มาเกตแป๊บหนึ่งนะคะ เสร็จแล้วจะรีบกลับค่ะ} เสียงหวานพูดแทรกขึ้นก่อนที่การสนทนาจะร้อนระอุมากไปกว่านี้
{ถ้างั้นก็ระวังด้วย คนเดินซื้อของเยอะเต็มไปหมดระวังเขาเดินมาชน}
{ค่ะ คุณตั้งใจทำงานนะคะ}
“ไอ้ธาราดูแลพลอยใสดี ๆ ด้วย ถ้าเธอได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อยกูเอามึงตายแน่” เสียงเข้มบอกกับมือขวาคนสนิท
“ครับ นายไม่ต้องรอทานมื้อเที่ยงนะครับ วันนี้ผมจะพาพลอยใสทานข้าวข้างนอก แค่นี้นะครับผมขับรถอยู่” พูดจบธาราก็กดตัดสายคนเป็นนายทันที ไม่รอให้อีกฝ่ายมีโอกาสด่าสวนกลับ
“พี่ธาราก็ชอบไปยั่วโมโหเขานะคะ ชอบทะเลาะกันแบบนี้ตั้งแต่เด็กเลยเหรอคะ เห็นป้าณีเคยเล่าให้ฟังว่าพี่ธาราชอบหาเรื่องทะเลาะกับคุณชาร์วีอยู่บ่อย ๆ”
“พี่ไม่ได้ชอบหาเรื่องทะเลาะกับไอ้ชาร์หรอกนะครับ แต่มันชอบหาเรื่องทะเลาะเรื่องไม่เป็นเรื่อง บางครั้งพี่ก็หมั่นไส้เลยแกล้งมันกลับแค่นั้น” ความทรงจำวัยเด็กของทั้งสองถูกเล่าผ่านรอยยิ้มที่ดูมีความสุข ชีวิตวัยรุ่นกับภาระหน้าที่หนักอึ้งที่ต้องรับผิดชอบ เธออดชื่นชมไม่ได้ว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างเธอกับชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีของเธอสองคนนี้นั้นรักกันและดูแลกันมาดีมากแค่ไหน ถึงผ่านช่วงเวลายากลำบากนั้นมาได้
“ร้องไห้ทำไมครับ”
“หนูแค่คิดว่าพวกพี่ทั้งสองคนคงจะรักกันมาก ถึงผ่านช่วงเวลาตอนนั้นมาได้”
“ก็คงงั้นมั้งครับ แต่บางครั้งก็มีความคิดอยากฆ่ามันให้ตายคามือเหมือนกันนะ”
“มีด้วยเหรอคะ ตอนไหนคะที่พี่ธาราโกรธคุณชาร์วีเขาขนาดนั้น”
“ที่ลอนดอน”
“คืนนั้นเหรอคะ” พลอยใสครุ่นคิดอยู่นานว่าจะใช่เหตุการณ์วันนั้นหรือเปล่า
“ครับ”
“พี่ธาราโกรธคุณชาร์วีขนาดนั้นเลยเหรอคะ”
“มันทำกับใครก็ได้แต่ต้องไม่ใช่น้องสาวพี่ ตราบใดที่ยังไม่ชัดเจนก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องน้องสาวพี่” ธาราบอกออกไปเสียงแข็ง พอพูดถึงเหตุการณ์วันนั้นน้ำเสียงของธาราเริ่มเปลี่ยนไป
“อึก..ขอบคุณพี่ธารานะคะที่หวังดีกับพลอยเสมอ พลอยขอโทษด้วยที่ทำตัวไม่ดีทำให้พี่ธาราผิดหวัง” คนท้องอารมณ์อ่อนไหวง่ายอยู่ ๆ ก็ร้องไห้ออกมา
“ร้องไห้ทำไม เดี๋ยวไอ้ชาร์เข้าใจผิดแล้วยิงกระบาลพี่จะทำยังไงครับ”
ครืด ครืด ครืด
เสียงโทรศัพท์ดังแทรกขึ้นอีกรอบและคนที่โทรเข้ามานั้นเป็นใครไปไม่ได้นอกจากชาร์วี
{ครับนาย}
{พาพลอยใสกลับบ้านเดี๋ยวนี้} เสียงทรงอำนาจสั่งออกไป
{ผมบอกนายแล้วนี่ครับว่าจะพาพลอยใสไปซื้อของที่ซูเปอร์มาเกตแล้วจะแวะทานข้าวข้างนอกด้วย}
{กูบอกให้พาพลอยใสกลับบ้านเดี๋ยวนี้}
{มึงฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอชาร์ กูบอกว่าจะพาพลอยใสไปซื้อของแล้วจะแวะทานข้าวก่อน มึงจะขังเธอไว้ในบ้านทุกวันไม่ได้} สรรพนามเริ่มเปลี่ยนไปเมื่ออีกฝ่ายเริ่มคุยกันไม่รู้เรื่อง
{แต่มึงทำเมียกูร้องไห้ เมียกูกำลังร้องไห้}
{มึงว่าอะไรนะ? } ธาราชะงักทันทีสายตาคมมองหาเครื่องดักฟังภายในรถแต่ไม่เจอ ฝ่ามือหนาคลำหาบริเวณที่คิดว่าจะสามารถติดได้และได้ยินเสียงชัดเจน
{ไอ้ชาร์มันเกินไปแล้วนะ ขนาดในรถกูมึงยังให้คนมาติดเครื่องดักฟังนี่อีก} ธาราว่ากลับอย่างหัวเสีย
{ก็เมียกูไปกับมึง}
{ปกติพลอยใสก็ไปไหนมาไหนกับกูตลอด มึงจะหวงแบบไม่มีเหตุผลไม่ได้ เมื่อไหร่มึงจะเลิกทำตัวเป็นเด็กสักที}
{ไอ้ธารา}
{มึงหุบปากไปเลยชาร์ พรึบ! ซา..บรื๊น!!} ธารากดตัดสายทันทีด้วยความโมโหพร้อมกับโยนเครื่องดักฟังที่ติดอยู่ใต้คอนโซลรถฝั่งคนขับออกนอกรถ โดยไม่สนใจว่าเครื่องดักฟังขนาดจิ๋วนั้นจะมูลค่าเท่าไหร่
“ไปเที่ยวทะเลไหมครับ ไปรับอากาศดี ๆ สักวันสองวันค่อยกลับ ปล่อยให้ไอ้บ้านั่นมันบ้าอยู่ที่บ้านคนเดียว” พลอยใสเอี้ยวคอมองบอดี้การ์ดหนุ่มเลิกคิ้วขึ้นเป็นคำถาม
“พี่ธาราจะไปจริง ๆ เหรอคะ จะไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ” พลอยใสถามขึ้นเพื่อความมั่นใจว่าถ้าเธอและบอดี้การ์ดหนุ่มทำแบบนี้จะไม่เกิดเรื่องร้ายแรงตามมาทีหลัง
“อย่างมากมันแค่อาละวาด หรือไม่ก็บินตามไป แต่คนอย่างมันต้องโดนเอาคืนเพื่อเตือนสติซะบ้าง ชักจะเหิมเกริมบ้าคลั่งขึ้นทุกวัน” ธาราบอกให้พลอยใสคลายกังวล
“หนูไปก็ได้ค่ะ อยากไปสูดอากาศบริสุทธิ์เหมือนกัน แล้วเราจะไปที่ไหนคะ”
“ภูเก็ตครับ”
ภูเก็ต
ธาราและพลอยใสเดินทางมาถึงภูเก็ตในช่วงบ่าย ทั้งสองพักที่บ้านพักของธาราที่เคยซื้อไว้เมื่อหลายปีก่อนโดยที่ชาร์วีไม่รู้
“นี่บ้านใครคะ สวยจัง” ทันทีที่รถจอดสนิทพลอยใสก็เปิดประตูลงจากรถทันที พร้อมกวาดสายตาสำรวจบริเวณรอบ ๆ บ้านพักที่อยู่ติดกับทะเล
“บ้านพี่เองครับ ซื้อไว้นานแล้วไม่ค่อยได้มาพักแต่มีคนคอยทำความสะอาดตลอด”
“ว้าวดีจัง พี่ธารามีบ้านพักติดทะเลแบบนี้ แถมเป็นส่วนตัวด้วย อย่างนี้หนูก็มาเที่ยวบ่อย ๆ ได้สิคะ”
“เอาไว้มีโอกาสหนีไอ้ชาร์ได้เมื่อไหร่พี่จะพามาเที่ยวอีก แต่ตอนนี้เข้าไปข้างในก่อนครับตอนนี้แดดแรงมากจะไม่สบายเอา”
คฤหาสน์ฮาร์เปอร์
แอ๊ด..ปั้ง!
ลุคค์ที่กำลังนั่งทำบัญชีอยู่ถึงกับสะดุ้งเมื่อจู่ ๆ มาเฟียหนุ่มก็เปิดประตูเข้ามา
“ลุคค์ มึงตามหาสัญญาณรถไอ้ธาราหน่อย มันพาพลอยใสไปไหนป่านนี้แล้วยังไม่กลับเข้าบ้าน” มาเฟียหนุ่มหัวเสียเดินเข้ามาสั่งงานมือซ้ายคนสนิทคนที่จะช่วยตามหาเมียเขาได้ในตอนนี้
“พี่ธาราพานายหญิงไปส่งเพื่อนที่สนามบินไม่ใช่เหรอครับ” ลุคค์ถามกลับเมื่อค้นพบสัญญาณ GPS รถของธาราจอดอยู่ที่สนามบิน
“เครื่องออกตั้งแต่แปดโมงเช้า ป่านนี้บ่ายสามมันยังไม่พาพลอยใสกลับมาเลย”
“สักครู่ครับนาย” ลุคค์เช็กสัญญาณอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ
“รถพี่ธาราจอดอยู่ที่สนามบินครับนาย ไฟล์ทเลื่อนหรือเปล่าครับ” เมื่อแน่ใจตำแหน่งรถของธาราที่จอดอยู่จึงสันนิษฐานว่าไฟล์ทบินน่าจะเลื่อน
“มันบอกกลับมาแล้วตั้งแต่เช้าและจะแวะซื้อของและทานข้าว แล้วทำไมรถมันถึงไปจอดอยู่ที่สนามบิน”
“สักครู่ครับนาย”
“พี่ธาราและนายหญิงเดินทางไปภูเก็ตไฟล์ทบ่ายโมงตอนนี้น่าจะถึงภูเก็ตแล้วครับ” ลุคค์รายงานมาเฟียหนุ่มอีกครั้งเมื่อค้นเจอข้อมูลการเดินทางของบอดี้การ์ดรุ่นพี่และนายหญิงของฮาร์เปอร์
“กรอด..ไอ้ธารา! เตรียมเฮลิคอปเตอร์กูจะไปภูเก็ต” เสียงกัดฟันดังกรอดจนเห็นสันกรามเด่นชัด ตามมาด้วยเสียงตะโกนสั่งดังลั่นบ้าน
“นายครับ นักบินเราป่วยครับ อีกคนก็ลากลับต่างจังหวัดครับ” ลุคค์วิ่งหน้าตื่นเข้ามารายงานชาร์วีหลังจากแจ้งไปยังฝ่ายการบินของฮาร์เปอร์ว่าให้นำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบิน และได้รับคำตอบกลับมาว่าไม่มีนักบินที่สามารถขับเฮลิคอปเตอร์ได้เลยเพราะคนหนึ่งป่วยอีกคนก็ลากลับต่างจังหวัดตั้งแต่สองวันก่อน
“กูขับเอง ประสานการบินพลเรือนว่าเราจะนำเครื่องขึ้นบินในอีกครึ่งชั่วโมง” มาเฟียหนุ่มตะโกนบอกดังลั่น ในบ้านฮาร์เปอร์ตอนนี้คงเหลือแค่ชาร์วีและลุคค์สองคนเท่านั้นที่จะสามารถทำหน้าที่นักบินที่หนึ่งและนักบินที่สองได้
“ครับนาย”
ทางด้านธาราและพลอยใส
“แดดอ่อนแล้วพลอยเล่นน้ำได้เลยนะ” ธาราที่ดูนาฬิกาและคำนวณเวลาอะไรสักอย่างก่อนจะหันไปบอกหญิงสาวที่นั่งมองวิวทะเลอยู่ริมระเบียงหน้าบ้าน
“งั้นหนูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ” พลอยใสหยิบถุงกระดาษใบใหญ่ที่ข้างในมีเสื้อผ้าอยู่สามสี่ชุดที่ธาราพาแวะซื้อที่สนามบินเดินเข้าไปในบ้านเพื่อเปลี่ยนชุดสำหรับเล่นน้ำ
“พี่ให้เล่นได้แค่หนึ่งชั่วโมงนะครับ” ธาราบอกกับพลอยใสเมื่อหญิงสาวเดินกลับมาในชุดที่พร้อมสำหรับลงเล่นน้ำ
“รับทราบค่ะ เขาจะเดินทางมาถึงเราเมื่อไหร่คะ” พลอยใสรับปากอย่างว่าง่าย พร้อมถามกลับเพราะรู้จักนิสัยสามีเป็นอย่างดี
“น่าจะไม่เกินสามชั่วโมงครับ หรือเร็วกว่านั้น”