ตอนที่2 หลบหน้า
ตอนที่2 หลบหน้า
เช้าวันต่อมา
มุกดาตื่นมาตอนเช้าอีกวันในสภาพหัวหนักอึ้งผลจากแอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปเมื่อคืน บวกกับที่เธอสำลักน้ำตอนจมน้ำด้วย เหตุการณ์เมื่อคืนไหลวนเข้ามาในหัว เรื่องน่าอายที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเธอจำได้ตั้งแต่ต้นจนจบเพราะเธอเป็นคนเริ่มเองทั้งหมด สุดท้ายเขาก็ไม่ได้สนใจเธอแม้แต่น้อย
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“คุณมุกดาคะ? คุณพลอยใสให้มาตามไปทานข้าวเช้าค่ะ” เสียงแม่บ้านเรียกหญิงสาวเมื่อตอนนี้ได้เวลาอาหารเช้าแล้ว
“รอสักครู่นะคะฉันขออาบน้ำสักครู่ ฝากบอกพลอยใสว่าเดี๋ยวฉันตามไปค่ะ” มุกดาเปิดประตูออกมาบอกกับแม่บ้านด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ได้ค่ะ”
มุกดาเดินไปยังห้องอาหารหลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จด้วยเสื้อผ้าชุดใหม่ที่พลอยใสเตรียมไว้ให้ ระหว่างทางเดินก็กวาดสายตามองบริเวณรอบ ๆ บ้านเผื่อจะเจอคนที่เธออยากเจอ แต่ไร้วี่แวว
บนโต๊ะอาหารมีเพียงชาร์วีและพลอยใสกำลังนั่งรับประทานอาหารไร้เงาบอดี้การ์ดหนุ่มคนที่ปฏิเสธเธออย่างไม่ไยดีเมื่อคืน ดวงตากลมโตกวาดสายตามองบริเวณรอบ ๆ ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของบอดี้การ์ดหนุ่ม
“เธอมองหาใครเหรอมุกดา ถ้ามองหาพี่ธาราพี่เขาออกไปพบลูกค้าตั้งแต่เช้าแล้ว เธอมีธุระอะไรกับพี่เขาหรือเปล่า”
“อ้อ..เปล่าหรอก ฉันแค่อยากขอบคุณเขาที่ช่วยฉันไว้เมื่อคืนน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกไว้ฉันจะบอกพี่ธาราให้ ทานข้าวเสร็จเดี๋ยวพี่ลุคค์จะเป็นไปส่งเธอที่บ้านนะ”
“อืม”
ตอนเย็น
“เมื่อเช้ามึงหนีผู้หญิงคนนั้นไปทำไม”
“เมื่อเช้าผมออกไปพบลูกค้านายก็รู้นี่ครับ” ธาราตอบกลับไม่ยี่หระ
“นัดลูกค้าไว้สิบโมง มึงใช้เวลาขับรถแค่ครึ่งชั่วโมงก็ถึง เสือกออกไปตั้งแต่ตี5”
“เสือกรู้ไปทุกเรื่องว่ากูออกบ้านตอนไหน แล้วอีกอย่างกูก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องหนีผู้หญิงคนนั้น”
“แต่รอยที่คอเธอ มันไม่ใช่รอยจากเล็บหรือโดนอะไรข่วน แต่เป็นรอยดูด”
“แล้ว?” คิ้วหนากระดกขึ้นเชิงเป็นคำถาม
“มึงทำอะไรเธอเมื่อคืน”
“เปล่า” ธาราตอบกลับคนเป็นนายขณะที่สายตายังคงจ้องเอกสารตรงหน้า
“โดนยั่วจนสติแตกเลยหรือไง ถึงขย้ำแขกคาบ้านแบบนั้น”
“กูยังไม่ได้ทำอะไรเธอ” ธารายังปฏิเสธเสียงแข็ง
“เมื่อเช้าเหมือนเธอจะเสียใจนะที่ตื่นเช้ามาแล้วไม่เจอมึง”
“เลิกยุ่งกับเรื่องของกูแล้วไปสนใจเรื่องตัวเองจะดีกว่านะ”
หลายวันต่อมา
บริษัท
“คุณธารามีแขกมาขอพบค่ะ เธอมาขอพบคุณหลายวันแล้วฉันเลยให้เธอนั่งรอคุณที่ห้องรับแขก” เลขาสาวบอกกับชายหนุ่มเมื่อเช้านี้ธาราเข้าบริษัทเพื่อมาเคลียร์เอกสารด่วนแทนชาร์วี
“ใครครับ”
“เธอบอกว่าเป็นเพื่อนคุณพลอยใสค่ะ”
“มุกดา” ชื่อแรกที่ผุดเข้ามาในหัวชายหนุ่ม เท้ายาวเดินตรงดิ่งไปยังลิฟต์ที่เปิดรออยู่และกดขึ้นไปยังชั้นบนสุดทันที
ติ๊ง! เสียงลิฟต์ดังขึ้นเมื่อขึ้นมายังชั้นจุดหมายซึ่งเป็นห้องทำงานของชายหนุ่มและเจ้าของบริษัท
ฉับ ฉับ ฉับ เสียงรองเท้าหนังกระทบกับพื้นทางเดินตามจังหวะการเดิน บ่งบอกว่าคนนั้นกำลังเร่งรีบ
แอ๊ด….
“คุณมีธุระอะไรกับผม” เสียงเรียบเอ่ยถามขึ้นทันทีที่เปิดประตูเข้ามาเจอกับหญิงสาวคนเดียวกับที่เขาคาดการณ์ไว้
“เจอคุณสักทีสินะ งานยุ่งมากเลยเหรอคะ” เสียงหวานถามกลับด้วยรอยยิ้มที่ดูฝืนยิ้มนิด ๆ
“ครับ ผมงานยุ่ง คุณมีธุระอะไรกับผมก็รีบพูดมาเถอะครับ ผมมีงานด่วนที่ต้องรีบไปทำ”
“คุณหลบหน้าฉันทำไมคะ” มุกดาถามขึ้นทันที
“คุณคงเข้าใจอะไรผิด ผมไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องหลบหน้าคุณ” ธาราตอบกลับสีหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาให้อีกฝ่ายเห็นแม้แต่น้อย
“ดูคุณเย็นชากับฉันมากนะคะ”
“ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“เรื่องคืนนั้นคุณไม่รู้สึกอะไรบ้างเหรอคะ”
“ผมจำได้ว่าคุณเป็นคนเริ่มและเรียกร้องเองทั้งหมด ผมหวังว่าคุณจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“คุณไม่รู้สึก ไม่สิ..คุณไม่เคยรู้สึกอะไรกับฉันเลยอย่างนั้นสินะคะ” มุกดาถามออกไปน้ำเสียงสั่นเครือเมื่อคนที่เธออยากเจอมากที่สุด เย็นชาราวกับเธอเป็นแค่คนที่บังเอิญเดินผ่าน
“ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องรู้สึก คุณกลับไปเถอะครับ แล้วอย่ามาหาผมที่นี่อีก” พูดจบธาราก็เปิดประตูออกไปทันทีปล่อยให้มุกดานั่งจมอยู่กับคำพูดร้ายกาจในห้องเงียบ ๆ นี้คนเดียว
“ฉันไม่ควรเข้าหาคุณตั้งแต่แรกสินะ หึ..เสนอตัวเองก็ต้องเจ็บเอง ผู้หญิงอย่างฉันไม่คู่ควรกับความรักจริง ๆ” ใบหน้าเรียวแหงนมองเพดานสีขาวเพื่อไล่น้ำตาที่ตั้งท่าจะเอ่อไหลออกมาให้ไหลย้อนกลับทางเดิม และนั่งตั้งสติสักพักก่อนจะหยิบกระเป๋าสะพายเดินออกจากห้องไป
คฤหาสน์ฮาร์เปอร์
“ฉันตัดสินใจแล้วนะว่าจะไปเรียนต่อที่อังกฤษสักสองปี”
“เพราะพี่ธาราใช่ไหมที่เธอตัดสินใจไปครั้งนี้ ตอนแรกเธอบอกว่าจะเรียนรู้งานแล้วเข้าไปช่วยงานที่บริษัทพ่อเธอไม่ใช่เหรอมุกดา” พลอยใสที่เป็นทั้งเพื่อนและที่ปรึกษาในเวลาเดียวกันเอ่ยถามเหตุผลถึงการเปลี่ยนใจกะทันหันในครั้งนี้
“จะปฏิเสธว่าไม่ใช่ก็คงไม่ได้ แต่ที่ฉันตัดสินใจครั้งนี้ก็เพื่ออนาคตตัวฉันเองด้วย ความรู้ที่มีอยู่ตอนนี้ก็ช่วยพ่อและบริษัทได้ไม่มาก ฉันอยากไปเรียนรู้และหาประสบการณ์สักปีสองปีก่อน” มุกดาตอบกลับไปตามความจริง
“ฉันสนับสนุนการตัดสินใจของเธอนะมุกดา ฉันจะรอวันที่เธอเป็นผู้หญิงที่เก่งและมีความสุขในแบบที่เธอต้องการ ฉันหวังว่าการเดินทางไปเจอโลกใบใหม่ครั้งนี้เธอจะพบเจอผู้คนดี ๆ ที่ทำให้เธอยิ้มได้อย่างมีความสุขทุกวัน” พลอยใสแสดงความปรารถนาดีต่อเพื่อนก่อนที่ทั้งสองจะโอบกอดลากันก่อนที่มุกดาจะเดินทางในวันพรุ่งนี้
ตอนเย็น
“พี่ธาราหนูขอคุยด้วยหน่อยค่ะ” พลอยใสที่มานั่งรอธาราตั้งแต่ช่วงเย็นเพื่อจะแจ้งข่าวสำคัญกับบอดี้การ์ดหนุ่ม
“ครับ”
“มุกดาจะเดินทางไปเรียนต่อที่อังกฤษพรุ่งนี้นะคะ บินไฟล์ทแปดโมงเช้าพรุ่งนี้” พลอยใสไม่อ้อมค้อมบอกธาราออกไปตรง ๆ
“จะให้พี่ช่วยขับรถไปส่งเธอที่สนามบินเหรอครับ” คิ้วดกดำขมวดเข้าหากันเล็กน้อยก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเป็นปกติโดยเร็ว แต่ก็ทันที่พลอยใสจะสังเกตเห็น
“พี่ธาราก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่ามุกดาคิดยังไงกับพี่ธารา และอีกอย่างเหตุผลที่เธอตัดสินใจไปครั้งนี้เพราะพี่มีส่วนด้วย พลอยไม่ได้โทษว่าเป็นความผิดของพี่ แต่ได้โปรดเห็นใจเพื่อนของพลอยสักเล็กน้อย ขอร้องให้พี่ไปส่งเธอได้ไหมคะ”
“พี่ขอดูตารางงานพรุ่งนี้ก่อนครับไม่รู้จะไปได้หรือเปล่า” ธาราปฏิเสธออกไปอ้อม ๆ
“พลอยเช็กแล้วค่ะ พรุ่งนี้พี่ธาราไม่มีงานด่วนช่วงเช้า พรุ่งนี้พลอยรอที่รถตอนเจ็ดโมงนะคะ”
สนามบิน
พลอยใสในชุดคลุมท้องสีขาวสวมรองเท้าผ้าใบสาวเท้าเดินเข้ามาในอาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศและมีบอดี้การ์ดหนุ่มเดินมาด้วยข้าง ๆ
“ขอบคุณนะคะ” ใบหน้าเรียวเล็กหันไปพูดกับบอดี้การ์ดหนุ่มด้วยรอยยิ้ม
“เดินระวังหน่อยถ้าล้มลงไปพี่โดนไอ้ชาร์ยิงกระบาลแน่” ธาราเฉไฉไปเรื่องอื่น
“มาเฟียเป็นแบบนี้ทุกคนไหมคะ” พลอยใสถามต่อจนธาราหันขวับมองหน้าเจ้าของคำถาม
“เป็นแบบไหนครับ”
“ก็เป็นแบบพี่ธาราไงคะ เย็นชา และชอบทำหน้าดุตลอดเวลา”
“พี่เคยเย็นชากับพลอยด้วยเหรอหืม..” ธาราปรับสีหน้าและน้ำเสียงอบอุ่นลงเวลาพูดกับพลอยใส
“เปล่าค่ะ กับคนอื่นพี่ธาราชอบทำหน้าแบบนี้กับคนอื่น”
“คงงั้นมั้งครับ พี่เองก็ไม่รู้ตัวว่าเป็นแบบนั้น อาจจะเพราะด้วยหน้าที่การงานมั้งครับ”
“บอดี้การ์ดก็ยิ้มได้ค่ะ ดูอย่างพี่ลุคค์สิคะยิ้มทั้งวัน” พลอยใสยกตัวอย่างมือซ้ายคนสนิทของชาร์วีอย่างลุคค์ที่เป็นหนุ่มหล่อที่ชอบโปรยเสน่ห์ด้วยรอยยิ้มไปทั่ว
“ไอ้ลุคค์มันเจ้าชู้ ยิ้มให้ผู้หญิงไปทั่ว” ธาราแก้ตัวออกไป
“ถ้างั้นแสดงว่าเวลาพี่ธาราชอบใครถึงจะยิ้มให้เขาใช่ไหมคะ”
“พลอยใสทางนี้” เสียงตะโกนเรียกของใครบางคนหยุดบทสนทนาระหว่างทั้งสองลง
“เอ่อ..สวัสดีค่ะ” รอยยิ้มหุบลงทันทีเมื่อเจอหน้าชายหนุ่มที่พึ่งแสดงท่าทีเย็นชาใส่เธอเมื่อวันก่อน
“มุกดา อากาศที่โน่นหนาวมากทำไมเธอถึงใส่เสื้อตัวบางจัง” พลอยใสถามขึ้นเมื่อเดินเข้ามาแล้วเจอชุดที่เพื่อนใส่มาสำหรับเดินทางไกลและที่สำคัญปลายทางที่มุกดาจะไปคือประเทศเมืองหนาว
“ไม่หนาวหรอกบนเครื่องก็มีผ้าห่ม”
“พี่ธาราคะแจ็กเกตตัวนี้พลอยขอได้ไหมคะ” พลอยใสหันไปถามธาราขณะที่สายตาจ้องไปที่แจ็กเกตราคาแพงที่ธาราสวมอยู่
“พลอยหนาวเหรอครับ” ธารารีบถอดแจ็กเกตออกและส่งให้พลอยใสทันที
“สวมไว้อากาศบนเครื่องยิ่งหนาว ๆ ถึงแล้วโทรบอกฉันด้วยนะ แล้วอย่าลืมพาหนุ่มตาน้ำข้าวหล่อ ๆ กลับมาด้วยล่ะ” แจ็กเกตตัวโปรดของบอดี้การ์ดหนุ่มถูกส่งให้มุกดา
“โอเคจ้า” มุกดารับแจ็กเพื่อนจากพลอยใส พร้อมตอบกลับไปแต่คำตอบของมุกดาคนฟังเดาไม่ออกว่าเธอตอบกลับประโยคไหนกันแน่ระหว่างประโยคแรกและประโยคหลัง
“ถ้าแต่งงานกับฝรั่งต้องย้ายประเทศไปอยู่กับพวกเขาที่โน่น ฝรั่งส่วนมากไม่ค่อยมาตั้งหลักปักฐานที่เมืองไทยเพราะอากาศร้อน พี่เดินไปดูของรอนะครับเสร็จแล้วโทรหาพี่นะ” จู่ ๆ ธาราก็พูดขึ้น พูดจบก็หันหลังเดินจากไปทันทีปล่อยให้พลอยใสและมุกดายืนงงมองหน้ากันอยู่ที่เดิม
“เขาว่าฉันใช่ไหม” มุกดาหันหน้าถามพลอยใส
“เขากำลังหวงก้างต่างหาก”