ถนนกว้างแต่ใจคนคับแคบ
แม่ค้าเข็นรถเข็นขนมเพื่อจะไปขายที่ตลาดแต่ต้องเข็นไปบนถนนที่รถวิ่ง
เสียงแตรรถบีบไล่แม่ค้า
นน “ดูดูมันทำเข็นรถขายของมาบนถนนรถจะวิ่งจะแซงก็ลำบาก ไม่มีตาหรือไง”
นนบีบแตรไล่อีกครั้ง แม่ค้าก็รีบเข็นเพื่อจะเลี่ยงให้รถวิ่งได้
นน “อีบ้าเอ๊ย”
เมื่อรถผ่านได้นนเลื่อนกระจกแล้วตะโกนด่าก่อนจะหักพวงมาลัยรถแกล้งเฉียวร่มของแม่ค้าทำให้รั้งรถเข็นของแม่ค้าคว่ำลงเสียหาย
แม่ค้า “ว๊าย”
กิ๊ฟ “บาดเจ็บตรงไหนไหมคะ”
แม่ค้ารีบลุกขึ้นแล้วหันไปสนใจกับขนมที่อยู่บนรถเข็นโดยไม่สนใจว่าตนเองจะบาดเจ็บตรงไหน
ผู้เห็นเหตุการณ์ “รถคันนั้นดักไว้ก่อนเร็ว ให้มันกลับมาดูว่ามันทำอะไรไว้”
พลเมืองดีไปเคาะกระจกรถบอกให้นนลงไปดูแม่ค้า
กิ๊ฟเข้าพยุงแม่ค้าแล้วตรวจดูที่หัวเข่าให้แกล้มเพราะไม่ยอมปล่อยรถเลยกระแทกกับพื้นเลือดซึมออกมา
นน “ไม่ตายหรอกมั้ง คนที่ผิดคือแก เข็นรถมาบนถนนได้ไง ถนนมีไว้ให้รถวิ่งไม่ได้มีไว้ให้แม่ค้าต่ำ ๆ เข็นของสกปรกขาย”
แม่ค้า “ใช่ค่ะถนนมีไว้ให้รถวิ่ง แต่นี่คือทางเข้าตลาดก็ต้องมีแม่ค้าและคนซื้อของ คุณก็ต้องขับรถให้มันระมัดระวังไม่ใช่กระตุกจนคนอื่นเดือดร้อนแบบนี้”
นน “สรุปแกว่าฉันผิด ทั้งที่ฉันขับรถอยู่บนถนน แต่แกเข็นของขายขึ้นมาเข็นบนถนน แกเสียภาษีรถเข็นของแกไหม หา อีบ้า”
กิ๊ฟ “แต่คุณป้าได้รับบาดเจ็บและข้าวของเสียหาย คุณควรแสดงน้ำใจ”
นน “ไม่จ่ายมีไรไหม”
แม่ค้า “โรงเรียนเปิดเทอมฉันต้องขายขนมเอาเงินไปซื้อเสื้อผ้า หนังสือกระเป๋ารองเท้าให้หลานค่ะ ขนมเสียหายหมดเลย”
นน “อยากได้เงิน ก็เท่านี้ จบนะ แล้วอย่าเสือกมาเข็นของบนถนนอีกนะ เสียเวลา เสียเงิน อีบ้า”
นนโยนเงินให้แม่ค้าแล้วเดินผ่านไปอย่างหงุดหงิด
กิ๊ฟ “ฉันช่วยค่ะคุณป้า ขนมเสียหายก็ทำใหม่มาขายใหม่ได้ แต่ร่างกายบาดเจ็บถ้าไม่ดูแลรักษาจะทำขนมมาขายต่อไปไม่ได้นะคะ”
แม่ค้า “ขอบคุณมากค่ะ”
กิ๊ฟ “คราวหลังคุณป้าระวังหน่อยนะคะ แต่ตอนนี้หาหมอก่อนดีกว่ารักษาตัวก่อนเรื่องอื่นไว้ว่ากันทีหลัง ไปค่ะฉันจะพาไป”
แม่ค้ายกมือไหว้กิ๊ฟด้วยความซาบซึ้งในน้ำใจ