1 Mr. Dominic Wang (2)
กรุงเทพมหานคร.
Wang Inter Group Thailand.
ตึกสูงที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมายในตอนกลางวัน พอหลังจากสองทุ่มไปแล้วก็กลับคืนสู่ความสงบ เสมือนที่แห่งนี้คือตึกร้าง แต่เป็นความร้างที่ด้านในมีแต่กลิ่นอายความหรูหรา สมฐานะอันยิ่งใหญ่ของกิจการระดับโลก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงช่วงเวลาดึกสงัด ถ้าไม่ใช่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ถูกคัดหน่วยก้าน และอายุมาเป็นอย่างดี คนที่จะนั่ง จะเดินอยู่ด้านในได้อย่างสบายใจก็ต้องเป็นผู้ทรงอำนาจของที่นี่เท่านั้น
บนชั้นที่ 35
ป้ายสีเงินแวววาวติดคำว่า ‘ประธาน’ ตัวอักษรสีทองเด่นหราตรงบานประตูสีน้ำตาล ด้านในหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่มีร่างสูงสง่านั่งก้มหน้า มือข้างที่จับปากกาตวัดไปมาบนแผ่นกระดาษสีขาวแผ่นแล้วแผ่นเล่า กระทั่งแผ่นสุดท้ายในสิบนาทีต่อมา
ปากกาด้ามสีทองสลักชื่อภาษาอังกฤษถึงหมดประโยชน์ ถูกวางลงคืนในช่องเสียบที่ของมันอย่างเรียบร้อย ขวดน้ำแร่ถูกเปิด และยกขึ้นมาดื่มจนหมด จากนั้นร่างสูงที่นั่งท่าเดิมเป็นเวลานานก็ได้ลุกขึ้นยืน หันหน้าออก มองกระจกใส บนถนนที่เคยคึกคักตั้งแต่เช้าจดเย็น เวลานี้นับจำนวนรถยนต์ที่กำลังสัญจรได้เลย
ภาพเงาสะท้อนจากกระจกบานใหญ่หลังโต๊ะทำงานปรากฏเงาร่าง และใบหน้าอันเลือนรางของโดมินิก หวัง ประธานกรรมการหนุ่ม วัย 35 ปี สองมือซุกไว้ในกระเป๋ากางเกงสแลคสีดำ คู่กับเสื้อเชิ้ตสีขาวที่พับแขนขึ้นมาถึงข้อศอก ยืนสงบนิ่ง แผ่นหลังเหยียดตรง ในหัวกำลังคิดสิ่งใดมีแต่เขาเท่านั้นที่รู้
“คนอะไรหล่อยันเงา สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมกับคนธรรมดาอย่างผมเลย” เวคินเพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำเห็นภาพนี้เข้าก็พึมพำกับตนเองแนวชื่นชมกึ่งอิจฉา ไม่ต้องการทำลายภาพสวยงามนี้จึงไม่ส่งเสียงรบกวน ล้วงเอาสมาร์ตโฟนในกระเป๋ากางเกงออกมา แล้วเลื่อนหากล้อง ทำการเล็งเป้าหมายก่อนลั่นชัตเตอร์ เก็บเข้าอัลบั้มเอาไว้ส่งต่อให้บรรดาเจ้านายที่เคารพรัก
ถ้าเขาเอาลงโซเชียลทุกรูปที่ถ่ายเก็บไว้ล่ะก็ มั่นใจเลยว่าสาว ๆ ต้องลงชื่อสมัครเป็นแฟนคลับเจ้านายของเขายาวเป็นหางว่าวอย่างแน่นอน แต่ผลที่ตามมาก็คืออาจจะถูกกระทืบเอาได้ เลยไม่เคยกล้าเอาชีวิตน้อย ๆ ของตัวเองไปเสี่ยงใต้ฝ่าเท้าเสี่ยดอมคนโหด สมัยตอนเรียนมหาวิทยาลัย เขาเป็นรุ่นน้อง และเป็นนักเรียนทุนของหวัง อินเตอร์ กรุ๊ป เพราะพ่อเป็นพนักงานของที่นี่ เขาเลยมีสิทธิ์เข้าสอบชิงทุน ไม่ใช่แค่เลือกคนใดคนหนึ่ง ลูกของพนักงานทุกคนได้สิทธิตรงนี้กันหมดไม่ว่าตำแหน่งไหน ทีนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนบุคคลแล้ว ถ้าสอบผ่าน ค่าใช้จ่ายหลังจากนี้คือฟรีหมด ค่าเทอม ค่ากิน ค่าที่พัก มีค่าใช้จ่ายส่วนตัวให้อีกด้วย เงื่อนไขที่ตามมาก็คือหลังจากเรียนจบแล้วจะต้องเข้าทำงานที่บริษัท พัฒนาองค์กรให้ก้าวหน้าต่อไป และให้เลือกได้ด้วยว่าอยากจะไปทำงานที่สาขาไหนก็ได้ทั่วโลก
ย้อนกลับมาที่เจ้านายที่รัก เขากับเสี่ยดอมเคยเจอกันมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็กน้อย พอไปเรียนที่ลอนดอนก็ไปติดตามในฐานะรุ่นพี่ ความฮอตของโดมินิกไม่ใช่เล่น ๆ มีสาวตามจีบเพียบ เชื่อว่าแค่พยักหน้าก็ได้สาวงามมานอนกอด แต่ไม่มีใครฝ่าด่านหินเข้ามาครอบครองหัวใจได้เลยสักคน อืม จะว่างั้นก็ไม่ได้ เวคินลูบคาง
มีอยู่คนหนึ่งที่เหมือนจะมาวินกว่าใคร เธอเป็นคนไทย แต่ไม่นานก็หายหน้าไป พอมีคนถามเสี่ยก็ไม่ตอบ จนลืมไปแล้ว เลขานุการหนุ่มพลางขยับแว่นสายตา หย่อนกายลงนั่งบนโซฟารับแขก รอเวลากลับบ้าน อดบ่นในใจไม่ได้ว่าทีอย่างนี้ไม่รีบร้อนกลับ ตอนอยู่อเมริกาเร่งวันเร่งคืนทำงานเพื่อให้ได้กลับมาเมืองไทยไว ๆ ทีงี้ไม่รีบ ต้องการอะไร แต่ก็ไม่กล้าเปิดปากถามสุ่มสี่สุ่มห้า ก้มหน้าก้มตากดมือถือแล้วค่อย ๆ จมดิ่งอยู่กับความบันเทิงบนหน้าจอแบบไร้เสียง
หวัง อินเตอร์ กรุ๊ป เป็นบริษัทเดินเรือ ดำเนินงานด้านการขนส่งสินค้าทางทะเล ทางบก และทางอากาศ รวมถึงการบริการที่เกี่ยวข้องอย่างครบวงจร เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์อีกทั้งสายการเดินเรือที่ใหญ่ติดอันดับหนึ่งในห้าของโลก
บริษัทแม่ของหวัง อินเตอร์ กรุ๊ป ตั้งอยู่ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ก่อตั้งโดยปีเตอร์ หวัง ปัจจุบันมีสาขาและสำนักงานมากกว่า 100 ประเทศ พนักงานอีกจำนวนหลายหมื่นคนทั่วโลก ในระยะเวลา 50 กว่าปีที่บุกเบิกธุรกิจนี้มา ลูกค้ามีทั้งรายใหญ่ และรายเล็ก เรียกได้ว่าเป็นบริษัทโลจิสติกส์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากของโลก ภายใต้การกำกับ ดูแลอย่างเข้มงวดของประธานหนุ่มไฟแรง
…โดมินิก หวัง
เขาคือบุตรชายคนโตของผู้ก่อตั้งที่มองการณ์ไกล
ในแนวคิดที่ว่า…
การขนส่งสามารถเข้าถึงได้ทั่วทุกมุมโลก เพียงแค่มีจุดเชื่อมต่อ
ประธานโดมินิกมีน้องชายที่คลานตามกันออกมาจากครรภ์มารดาเดียวกันสองคน คือลีโอนาร์ด และริคาร์โด พวกเขาสามคนพี่น้องเกิดและเติบโตที่กรุงลอนดอน บ้านเกิดบิดาชาวลูกครึ่งจีน-อังฤษ ในส่วนของมารดาพวกเขานั้นเป็นคนไทย
ดังนั้นประเทศไทยจึงนับได้ว่าเป็นบ้านหลังที่สองของพวกเขาสามคนพี่น้อง แต่หลังจากรับช่วงต่อกิจการของครอบครัวในฐานะผู้นำคนสำคัญเมื่อตอนอายุ 28 โดมินิกก็ไม่ได้กลับมาเมืองไทยนานถึง 4 ปี คำว่า ‘ประธาน’ ไม่ใช่ว่าได้มาแล้วคือจบกัน เขาต้องพิสูจน์ตัวเองจนเป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่ายอย่างไร้ข้อกังหา ก่อนจะโยกย้ายตัวเองมานั่งประจำการ บริหารงานที่ประเทศไทยเป็นหลักเหมือนผู้เป็นพ่อที่ขอลงจากเก้าอี้ก่อนเวลาอันควร ขอเป็นแค่ที่ปรึกษาอาวุโสอยู่หลังฉาก เบื้องหน้าก็ให้ลูก ๆ รับหน้าไป
ด้วยเหตุนี้โดมินิกถึงได้พบหน้าน้องสาวนอกไส้ที่มาดามอุษา รับมาดูแลดุจลูกน้อยที่คลอดออกมาด้วยตนเอง เรื่องนี้คุณแม่ของไม่เคยปรึกษาหรือบอกพวกเขามาก่อน มารู้อีกทีก็เมื่อวันที่มาดามของป๋าประกาศแจ้งให้ทราบ ท่านไม่ได้ทำอย่างไร้เหตุผล ไม่ใช่เพราะอยากมีลูกสาวขี้อ้อนมาอยู่ข้างกายเพียงเท่านั้น ทุกคนในครอบครัวนอกจากไม่มีใครคัดค้านแล้วยังแสดงออกว่ารัก หลง และเอ็นดูสาวน้อยอย่างไร้ขอบเขต แม้แต่คนรับใช้ก็ไม่เว้น
4 ปีกว่า ๆ จากการบอกเล่าที่มักเต็มไปด้วยความรัก และเอ็นดูของป๋ากับคุณแม่ รวมถึงลีโอนาร์ดกับริคาร์โดที่มีโอกาสได้พบหน้าน้องสาวคนใหม่ก่อนเขา ปีหนึ่งตั้งกี่หน แล้วเจ้าสองคนนั้นยังแสดงออกชัดเจนว่ารักน้องมากด้วยกันทั้งคู่ ทั้งยังเป็น 4 ปีที่เจ้าลีโอ และเจ้าริคบินว่อนเป็นนก เอะอะแอบแวบกลับเมืองไทย ไม่กี่วันก็ยังดี ในขณะที่เขาทำได้แค่นั่งดูรูปถ่าย ฟังป๋ากับแม่โทร. มาเล่าให้ฟัง
ใจแข็งยังไงชั่ววูบหนึ่งเขาก็มีความคิดที่อยากจะเจอ และมันไม่ใช่แค่ครั้งเดียว แต่ความคิดเหล่านั้นสุดท้ายก็ถูกสลัดทิ้งไปตลอด เพราะมันยังไม่ถึงเวลา เขาเลือกที่จะไม่คุยกับเธอทุกช่องทาง มามีโอกาสได้เจอตัวจริงก็ตอนสาวน้อยเรียนอยู่เกรด 12 ตอนที่เขาย้ายมาประจำที่ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
วันรุ่งขึ้น หลังจากพบกันแล้วเขาก็ขับรถไปส่งเด็กน้อยที่โรงเรียน ตลอดการเดินทางมีแต่ความเงียบ ถามคำ ตอบคำ เหตุการณ์ในวันนั้นเขายังจำได้ดีถึงทุกวันนี้ มุมปากหนาผุดรอยยิ้มจาง ๆ กระต่ายน้อยพอลงจากรถได้ก็รีบเผ่นหนี ตอนเย็นหลังเลิกเรียนเจอเขาอีกครั้งก็ทำหน้าตกใจ
พอได้ใกล้ชิด ได้ใช้เวลาร่วมกันกับน้องสาวมากขึ้น โดมินิกได้ค้นพบว่าลูกสาวคนโปรดที่เป็นที่รักมากกว่าลูกชายทั้งสามคนของป๋ากับคุณแม่ไม่ได้มีแค่มุมน่ารัก น่าเอ็นดูเพียงเท่านั้น กับตัวเขา เด็กน้อยจอมซนมักจะดื้อตาใสใส่เป็นประจำ พยศใส่ก็เก่ง แสนงอนก็ที่หนึ่ง แล้วก็เป็นเขาอีกนั่นแหละที่มักจะถูกคุณแม่ผู้รักลูกสาวดุจแก้วตาดวงใจตำหนิบ่อยครั้งถ้าเผลอหลุดปากดุให้ท่านได้ยิน
คิดถึงเสียงบ่น เสียงตำหนิของมารดา และคิดถึงเจ้าของดวงหน้างอง้ำแสนงอนเวลาถูกเขาดุ หรือขัดใจ มุมปากหนาก็พลันยกยิ้มจาง ๆ ปลายนิ้วสไลด์เลื่อนเปิดดูรูปล่าสุดที่เขาบอกให้เด็กดื้อถ่ายเซลฟีส่งมาให้เมื่อช่วงหัวค่ำของเมื่อวาน รอยยิ้มบนริมฝีปากหยักยิ่งขยายกว้าง ดวงตาอ่อนแสงทอประกายอ่อนโยน
หลังดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืนของกรุงเทพมหานครผ่านกระจกในห้องทำงานจนพอใจแล้วชายหนุ่มก็หันกลับมา นาฬิกาบนข้อมือเข็มสั้นชี้เลข 11 ในขณะที่เข็มยาวอยู่ที่เลข 5 ดวงตาคู่คมมองเลยไปที่โซฟารับแขก อย่างเอือมระอาก่อนจะเก็บสายตากลับคืน แล้วเริ่มลงมือเก็บของใส่กระเป๋าหนังสีน้ำตาล ของขวัญวันเกิดที่ลูกสาวคนโปรดของมาดามอุษาซื้อให้เมื่อปีที่แล้ว เด็กน้อยยิ้มหวานตอนมอบให้แล้วบอกว่ามันมีประโยชน์ เพราะเขาจะได้ใช้มันทุกวัน นั่นเท่ากับว่า ห้ามเปลี่ยนจนกว่ามันจะใช้งานไม่ได้ จังหวะที่จะเดินไปที่ประตู ขายาวพลันชะงัก ปรายตามองบางอย่างที่ดูขัดตาแล้วออกแรงถีบ
“โอ๊ย...”
ใครทำกูวะ!
คำถามนี้ของเลขานุการหนุ่มเกิดขึ้นทันทีที่สะดุ้งตื่น แต่พอพึงระลึกได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และอยู่กับใครก็ล้มเลิกที่จะหาตัวคนที่บังอาจเตะหน้าแข้งจนเจ็บหนึบ แล้วค่อย ๆ หยัดตัวลุกขึ้นยืน ขยับแว่นพลางกวาดสายตามองหาเจ้าของห้อง เดินไปดูที่ห้องน้ำก็พบแต่ความว่างเปล่า ไม่เห็นแม้แต่เงา
“โคตรไว”
ยืนเท้าเอวบ่นงึมงำกับตัวเองก่อนจะกัดฟันลากขาเดินมุ่งหน้าไปที่ประตูห้องทำงาน กดลิฟต์ลงมาชั้นใต้ดิน โซนจอดรถ VVIP กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาที่รถยนต์คันหรูที่เจ้านายเพิ่งได้มาสด ๆ ร้อน ๆ ก่อนเดินทางกลับจากอเมริกาเพียงแค่สามวันเท่านั้น หลังจองไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว รวมแล้วก็น่าจะเกือบ 7-8 เดือน
“ไม่กลับ?” โดมินิกส่งเสียง ขมวดคิ้วเมื่อลูกน้องตัวดียังยืนเฉย
“กลับสิครับเสี่ย” ตอบเสียงดังฟังชัดแบบไม่ต้องคิดหลายตลบ ปกติถ้าเลิกงานดึกในทุกกรณีเขาจะตามเจ้านายกลับไปนอนที่คฤหาสน์ตระกูลหวัง แทนการกลับไปนอนคอนโดฯ เป็นประจำ คืนนี้ก็เช่นกัน คิดถึงเตียงนอนนุ่ม ๆ ผ้าห่มอุ่น ๆ ก็อยากจะวาร์ปหายไปซะตอนนี้เลย ทำงานหนักหามรุ่งหามค่ำติดต่อกันมาอย่างยาวนาน ร่างกายเรียกร้องแล้วว่าต้องการพักผ่อน ไม่งั้นคงไม่เผลอหลับไปกลางอากาศแบบนั้น ผิดกับคนจ่ายเงินเดือน ไม่เห็นความล้าบนใบหน้าสักนิด
“กลับก็ขึ้นรถ”
“จะไปเดี๋ยวนี้เลยครับ”
“เดี๋ยว”
เท้าเวคินหยุดกึก สบตาเจ้านายด้วยความงงงวย
“ครับ ?”
“ที่แกอยู่ตรงนั้น”
มองตามมือ ถามว่า “เสี่ยจะขับกลับเองเหรอครับ?”
“อือ”
“แต่ผมตื่นเต็มตาแล้วนะครับเสี่ย รับรองความปลอดภัย พาเสี่ยกลับถึงบ้าน” แล้วก็หยุดปากไป เกาท้ายทอย หัวเราะแหะ ๆ “ผมลืมไปครับ เสี่ยน่าจะต้องการทดลองขับด้วยตัวเองก่อน” คิดได้ก็รีบย้ายตัวเองมาอีกฝั่ง เปิดประตูรถสอดกายเข้าไปนั่งเรียบร้อย ปกติถ้าไม่ติดว่าต้องทำงานระหว่างเดินทางบนถนนไปด้วย โดมินิกชอบบังคับพวงมาลัยเองมากกว่านั่งเป็นผู้โดยสาร
“ก่อนหน้านี้แกบอกว่ามีเรื่องจะรายงาน ตกลงว่าเรื่องอะไร?”
เวคินที่ไม่กล้าหลับแล้ว ย่นคิ้วพลางถามตัวเองว่าเรื่องอะไรวะ เพราะวันหนึ่งเขามีเรื่องให้ต้องรายงานเจ้านายตั้งกี่เรื่อง คิดไปคิดมาสักพักพลันดีดนิ้วเสียงดังเป๊าะ ดีใจที่นึกออกก่อนจะโดนเสี่ยด่าเรื่องความจำ “เรื่องคุณรตีกับ คุณบัวบูชาครับเสี่ย” ผู้หญิงที่เขากำลังพูดถึงคือแม่เลี้ยงกับน้องสาวต่างมารดาของคุณหนูลูกชุบ ดวงใจของคนตระกูลหวัง มีแต่คนโง่เท่านั้นที่คิดอยากแตะต้องเธอ
เดิมทีเขาตั้งใจจะรายงานให้เจ้านายได้ทราบตั้งแต่เมื่อตอนเย็นที่ผ่านมาแล้ว แต่ด้วยความที่เสี่ยกำลังยุ่งมากเขาจึงเก็บเรื่องเอาไว้กับตัวก่อน รอสบโอกาสเหมาะค่อยเล่า นี่ถ้าไม่ถูกทักขึ้นมาคาดว่าคืนนี้คงไม่ได้พูด เพราะลืม
“ผู้หญิงสองคนนั้นทำไม”
น้ำเสียงเย็นชาของเจ้านายทำเอาเวคินอดขนลุกไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ตกใจกับปฏิกิริยาดังกล่าวมากนักเพราะเขาค่อนข้างชิน ถ้าคนที่รู้จักตัวตนของเสี่ยจริง ๆ จะรู้กันว่าโดยนิสัยพื้นฐานเสี่ยดอม ฉายา ‘เสี่ย’ ที่คนสนิทเรียกกันจนชินปากไม่ใช่คนโหดร้ายกับทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้หรอก แต่ถ้าจะโหด จะร้ายใส่ใครหน้าไหนก็ให้รู้เอาไว้เลยว่าคนพวกนั้นรนหาที่ตายเอง
“อ้อ คืออย่างนี้ครับเสี่ย เมื่อสองวันก่อนคุณหนูลูกชุบเธอบังเอิญเจอคุณรตีกับคุณบัวบูชาที่ร้านทำผม สองคนนั้นเห็นคุณหนูก็ทำทีเข้ามาทัก แต่คุณหนูไม่สนใจคุยด้วย เลยทำให้แม่ลูกคู่นั้นเกิดอายขึ้นมา เพราะมีลูกค้าคนอื่นนั่งอยู่ในร้านหลายคน นอกจากกัดฟันแล้วยังพูดจาไม่ดีไปสองสามประโยค เกี่ยวกับความกตัญญู ฤดีเล่าว่าคุณหนูฟังแล้วก็หัวเราะเสียงเย็น แต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไร สองคนนั้นทนอยู่ต่อไปไม่ไหวสุดท้ายต้องถอยทัพออกไป ความจริงคุณหนูสั่งไม่ให้เล่า แต่ฤดีบอกว่าเธออดใจไม่ไหวเพราะหมั่นไส้แม่ลูกคู่นั้นครับ” ขณะที่เล่าไปก็คอยสังเกตสีหน้าเจ้านายไปด้วย แม้ในรถจะมืดไปสักหน่อยแต่ก็เห็นว่าตอนนี้ไม่ค่อยน่าดูเท่าไร ถ้ายื่นมือออกไปบีบคอสองคนนั้นได้คงทำไปแล้ว
“ร้านนั้นทำไมถึงรับลูกค้าไม่ได้เรื่องอย่างนั้นเข้ามา เจ้าของไม่กลัวว่าร้านจะถูกฉุดให้ตกต่ำลงมาหรือไง ต่อไปฉันจะไม่ให้ลูกชุบไปทำร้านนั้นแล้ว แกหยิบมือถือขึ้นมาเสิร์จดูว่าร้านไหนดี ให้ช่างมาบริการถึงบ้านก็คงไม่ชอบ เอาเป็นว่าถ้าไม่มีที่ไหนที่ดีกว่าการมีร้านซาลอนเป็นของตัวเองก็เป็นทางเลือกที่ดี”
เวคินมุมปากกระตุก อยากแย้งออกไปว่าร้านนั้นเป็นร้านประจำของคุณหนูมาตั้งหลายปี คุณแม่ของเสี่ยก็ใช้บริการที่นั่น บอกจะให้เปลี่ยนก็เปลี่ยนง่าย ๆ เลยเหรอ แต่เขาไม่ขอเสี่ยงพูดดีกว่า เดี๋ยวโดนพาล เสี่ยยิ่งไม่ชอบครอบครัวนั้นอยู่ ส่วนตัวเลือกสุดท้ายนี่เขาคิดว่ามันจะเป็นความจริงมากกว่าทางเลือกแล้วล่ะ
ในหัวเวคินตอนนี้นี่คิดไปถึงทำเลแล้วว่าควรจะอยู่ตรงไหนถึงเหมาะสมกับฐานะอันร่ำรวยของเสี่ยดอมที่ต้องการทำเพื่อเอาใจคุณหนูเพียงผู้เดียวดี อาคารที่มีอยู่แล้ว หรือก่อสร้างขึ้นมาใหม่ ไหนจะต้องมองหาบริษัทอินทีเรียล่วงหน้าสำหรับการตกแต่งภายใน เจ้าเดิมที่เคยใช้บริการ เจ้าใหม่ที่กำลังมาแรงก็เข้าท่า ยังต้องดูเรื่องวัสดุ อุปกรณ์ที่จะใช้ พนักงานที่จะให้ประจำร้าน ไม่ง่ายเลยจริง ๆ เพื่อไม่ให้กดดันตัวเองเกินไปเขาต้องเตรียมข้อมูลไว้แต่เนิ่น ๆ ปุบปับสั่งขึ้นมาถึงเวลาหัวจะได้ไม่หมุน