บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 อบรมเมียรัก [1]

เมื่อรถหรูเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าบริษัท เมฆาก็รีบเปิดประตูลงไปจากรถอ้อมไปเปิดประตูให้มีนาอย่างผู้เป็นสามีที่ดีพึงกระทำต่อภรรยา มีนาตีสีหน้าไม่ถูกตอนที่เห็นมือหนายื่นออกมารอรับตรงหน้าแบบนี้ ทั้งที่ตอนไปเรียนก็ปล่อยให้เธอเปิดประตูลงมาเองตลอด หรือเพราะตอนนี้เขาอยู่ที่บริษัทถึงได้ทำตัวสุภาพอ่อนโยนเพื่อรักษาภาพลักษณ์ไว้

ความจริงแล้วเธอไม่ได้คิดมากอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลย เธอรู้จักนิสัยของพี่เมฆดีว่าไม่ใช่คนสุภาพอะไร แถมยังเป็นพวกห่ามๆ ป่าเถื่อนอีกด้วย พูดจาก็ไร้ความนุ่นนวลอ่อนหวาน แต่ก็เป็นคนตรงไปตรงมา ไม่ชอบเสแสร้งแกล้งทำดีกับใครเพียงเพราะต้องการไว้หน้าคนอื่น นี่จึงเป็นข้อดีที่เธอชอบมากที่สุด

“มือเย็นเฉียบเลย ตื่นเต้นมากนักรึไงฮะ” เมฆาที่สัมผัสได้ถึงฝ่ามือเย็นๆ ของคนตัวเล็กกว่าเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงติดจะขบขัน บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อยคล้ายกับอารมณ์ดีที่เห็นเธอเป็นแบบนี้

“ก็นิดหน่อยค่ะ มีนไม่ได้มาที่บริษัทของพี่เมฆตั้งนานแล้ว ไม่รู้ว่าตอนนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้วหรือยัง”

ฝ่ามือหนาหยาบเอื้อมคว้ามือบางนุ่มนิ่มมากุมไว้แน่น ใช้หัวแม่มือกดคลึงเป็นวงกลมไปมาบนหลังมือขาวเนียนอย่างปลอบโยน ก่อนจะจับจูงพาเดินเข้าไปข้างในพร้อมกัน

“ไม่มีอะไรเปลี่ยนไปมากนักหรอก ทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิมนั่นแหละ ช่วงปีแรกบริษัทของเราต้องเผชิญกับปัญหาที่เข้ามารุมเร้าไม่หยุด แต่พอผ่านพ้นช่วงลมมรสุมไปได้ทุกอย่างก็ค่อยๆ ดีขึ้น จนตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ธุรกิจของเรากำลังไปได้สวยเลยทีเดียว”

“งั้นเหรอคะ ดีใจด้วยนะคะที่ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว พี่เมฆจะได้ไม่ต้องกังวลใจอีก”

“มีน...”

“คะ?”

“ถ้าเรามีเรื่องไม่สบายใจก็บอกพี่มาตรงๆ ไม่ต้องปิดบังหรือเก็บซ่อนไว้หรอก เธอเป็นเมียพี่นะ บริษัทพี่ก็เหมือนบริษัทเธอ ไม่พอใจอะไรตรงไหน หรือมีใครทำให้รู้สึกแย่ก็บอกมาเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะทำให้พี่เดือดร้อนเพราะพี่เป็นเจ้าของบริษัทไม่ใช่พนักงาน ไม่จำเป็นต้องไว้หน้าใครทั้งนั้น!” น้ำเสียงของเมฆาเจือกระแสหงุดหงิดอยู่เล็กน้อย เมื่อเห็นคนตัวเล็กหน้าซีดแสดงท่าทีไม่สบายใจออกมา

มีนาเป็นเมียเขาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีสิทธิ์ที่จะเข้าออกหรือเดินไปที่ไหนก็ได้ตามใจชอบในบริษัทแห่งนี้ ถ้าพวกพนักงานแสดงท่าทีไม่พอใจ ไม่ให้ความเคารพ หรือเอ่ยวาจานินทาว่าร้ายถึงเรื่องเก่าๆ ที่ผ่านมาแล้ว เขาก็จะจัดการขั้นเด็ดขาดไล่ออกไปให้หมด ยายตัวดีจะได้เลิกทำหน้าเหมือนอยากจะวิ่งหนีออกไปทันทีที่เหยียบเข้ามาในบริษัทสักที

แค่พนักงานไม่กี่คนเขาหาใหม่ได้สบายอยู่แล้ว ดีกว่าต้องมานั่งเห็นหน้าอมทุกข์ของเมียรักที่เข้ากับพนักงานในบริษัทไม่ได้เหมือนอย่างตอนนี้

ตั้งแต่เขาเปิดบริษัทมาได้สองปีมีนาเพิ่งแวะเข้ามาได้แค่สองครั้งเท่านั้น แล้วนับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยเหยียบเข้ามาที่นี่อีกเลย ทั้งที่เขาอยากจะพามาทำงานด้วยกัน แต่เจ้าตัวก็ทำหน้าเหมือนลำบากใจคอยหาเหตุผลข้ออ้างมาหลบเลี่ยงกันตลอดจนครั้งนี้เขาเป็นฝ่ายบังคับมาถึงได้ยอมตามมาด้วยกัน

“จะคอยแต่หลบเลี่ยงไม่ยอมออกมาพบหน้าใครไปตลอดไม่ได้หรอกนะ ไม่มีอะไรน่าอายหรือต้องคิดมากเลยสักนิด มีนเป็นผู้หญิงที่สวยมาก มีเสน่ห์ดึงดูดใจน่าหลงใหลยิ่งกว่าผู้หญิงคนไหนที่พี่เคยเจอมา หัดมั่นใจในตัวเองหน่อย ถึงพี่จะหวงเราไม่อยากให้ใครเห็น แต่ตอนนี้มันถึงเวลาที่เราต้องออกมาเผชิญหน้ากับโลกภายนอก พี่อยากเปิดตัวเราในฐานะที่เป็นภรรยาของเจ้าของบริษัท อยากให้ทุกคนรับรู้ถึงสถานะและความสัมพันธ์ของพวกเราสองคน”

“จะดีหรือคะ มีนไม่มีอะไรเหมาะสมคู่ควรกับพี่เมฆเลยสักอย่าง แถมยังมีแต่ชื่อเสียงเสียๆ หายๆ อาจจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจของพี่เมฆได้”

“มันจะไปกระทบอะไรนักหนาเล่า บริษัทของพี่ไม่ได้เจริญเติบโตได้เพราะเรื่องพรรค์นั้นสักหน่อย ชื่อเสียงที่สั่งสมมาจนบริษัทมีชื่อเสียงได้จนถึงวันนี้ ก็เป็นเพราะฝีมือและการทำงานที่มีประสิทธิภาพถูกใจลูกค้าทั้งนั้น ได้เกี่ยวกับมีนเลย อย่าสนใจคำพูดของคนภายนอกให้มากนัก คนพวกนั้นไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยก็ได้แต่แหกปากพูดไป หรือถ้ามีนอยากให้ทุกคนยอมรับก็ต้องใช้ความจริงใจเข้าสู้ อย่าเอาแต่หลบหน้าหลบตาอย่างนี้ ทุกอย่างมันจะยิ่งแย่ลง”

“อ่า...ค่ะ มีนจะพยายาม”

“ดีมาก หวังว่าสิ่งที่พี่พูดไปตั้งมากมายจะช่วยเพิ่มความกล้าให้เราได้บ้าง อย่ากลัวที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่รออยู่ ทุกคนแค่เคยได้ยินข่าวลือด้านไม่ดีของมีนมาเท่านั้น เพราะฉะนั้นตอนนี้เป็นหน้าที่ของมีนที่จะแสดงด้านดีของตัวเองให้พวกนั้นเห็น ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน แค่ค่อยเป็นค่อยไป แล้วจากนั้นทุกคนจะเปิดใจยอมรับในตัวมีนเอง ถ้ามีนไม่มีดีพี่จะหลงรักหัวปักหัวปำเหรอ?”

“เรื่องนั้นไม่เห็นเกี่ยวกันเลยนี่คะ”

“เกี่ยวสิ เกี่ยวมากด้วย” เมฆาโน้มตัวลงไปกระซิบเสียงทุ้มนุ่มที่ข้างหู ทำเอาคนตัวเล็กที่ถูกโอบเอวอยู่อายม้วนจนแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี แต่ก็ทำอย่างนั้นไม่ได้เพราะคนเจ้าเล่ห์ร้ายกาจไม่ยินยอม คำว่า ‘มีดี’ ของพี่เมฆมันแปลงได้ความหมายเดียวเท่านั้น แล้วจะไม่เธอเขินอายได้ยังไง

แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้สวีตหวานไปมากกว่านี้ มีนาก็รับรู้ได้ถึงสายตาแปลกๆ ที่ทุกคนมองมา ตอนนี้พวกเราเพิ่งเดินผ่านหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ไปยังลิฟต์สำหรับผู้บริหาร ระหว่างรอเธอก็ถูกสายตาของพวกพนักงานที่อยู่ชั้นล่างจับจ้องมอง แม้จะไม่ได้ยินคำนินทาเพราะพี่เมฆยืนอยู่ตรงนี้ด้วย แต่แรงกดดันบางอย่างก็ทำให้เธอตัวลีบเล็กลง อดหวั่นในใจลึกๆ ไม่ได้ว่าพวกเขาไม่ชอบขี้หน้าเธอ

ไม่ใช่ว่าเมฆาไม่รับรู้ถึงสายตาพวกนั้น แต่เขาแค่ไม่อยากทำอะไรไม่ดีไปในตอนนี้ ตอนที่ยังอยู่ต่อหน้าภรรยา ยายเด็กนี่ยิ่งเป็นพวกคิดมากขี้กังวลใจอยู่ด้วย ขืนเล่นงานพวกพนักงานให้เห็นต่อหน้า คงได้โทษว่าเป็นความผิดตัวเองที่เป็นสาเหตุให้พวกนั้นต้องถูกตำหนิ แต่มันก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ ในเมื่อพวกนั้นทำตัวเหมือนไม่รู้จักหน้าที่ตัวเอง ทั้งที่เห็นเขายืนอยู่ตรงนี้ยังกล้าจ้องเมียเขาด้วยสายตาแบบนั้น

ถ้าพวกนั้นไม่เห็นว่างานที่ทำนั้นสำคัญต่อชีวิตตัวเองก็เชิญไปหางานใหม่ที่ได้เงินดีกว่านี้ได้เลย เขาจะไม่ง้อพวกที่ทำตัวน่าสมเพชใช้ปากทำงานมากกว่าสมอง!

“ลิฟต์มาแล้ว ไปกันเถอะ” เมฆาใช้มือดันแผ่นหลังของมีนาให้ก้าวเข้าไปในลิฟต์ทันทีที่ประตูเปิดออก โดยมีเขาเดินตามหลังซึ่งไม่ลืมตวัดดวงตาเฉียบคมไปมองจ้องพวกพนักงานพวกนั้นด้วยสายตากึ่งยิ้มกึ่งเย็นชา

คำเตือนของเขาไม่รู้ว่าจะส่งผลไปถึงคนพวกนั้นหรือไม่เพราะเขาไม่สนใจแล้ว เห็นทีเขาคงต้องจัดการ ‘สั่งสอน’ ให้พวกนั้นรู้จักการปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสมกับเมียของเขา แล้วถ้ายังไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆ ไม่ยอมทำตามอีก ต่อไปจะไม่มีคำว่า ‘ปรานี’ มอบให้อีกแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel