บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 หวงเมีย [1]

​หลังจากเริงรักเสร็จ เมฆาก็จัดการแต่งตัวให้กับคนที่นอนหลับปุ๋ยเพราะอ่อนเพลียบนเตียง

เขาเลือกหาชุดที่ใส่แล้วดูเรียบร้อยมิดชิด ก่อนจะไปสะดุดตากับชุดเดรสสีชมพูอ่อนแขนตุ๊กตาที่เคยซื้อให้เป็นของขวัญเมื่อปีก่อน มือหนาคว้ามันมาสวมให้ร่างบาง ก่อนจะจัดทรงผมให้เรียบร้อยน่ารักสมวัย

“ใส่อะไรก็ดูน่ารักไปหมด” พึมพำเสร็จก็ช้อนร่างมีนาขึ้นอุ้มตรงดิ่งออกจากห้อง

เมฆาก้าวลงบันไดไปยังชั้นล่างเดินผ่านห้องรับแขกไปไม่คิดหยุดฝีเท้า แม้ว่าหางตาจะมองเห็นอีกร่างหนึ่งตรงโซฟา แต่เสียงกระแอมไอของคนเป็นพ่อที่ขัดขึ้นทำให้เขากลอกตาเซ็ง ดวงตาของเมคินตวัดมองลูกชายเป็นเชิงสั่งห้ามไม่ให้ออกไปไหนจนกว่าจะคุยธุระกันจบ

“ทำไมวันนี้แกไม่ยอมให้น้องไปเรียน”

“ก็ไม่อยากให้ไป เหตุผลแค่นี้พอมั้ยครับ” เมฆาตอบด้วยน้ำเสียงกวนๆ พลางเดาะลิ้นทำหน้าหงุดหงิดใส่

ช่วงนี้พ่อไม่ค่อยอยู่บ้านเพราะไปติดพันอยู่กับแม่บุญธรรมของมีนา ความสัมพันธ์ลึกซึ้งของทั้งสองคนยังคงถูกปิดเป็นความลับ มีนาเองก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ ในเมื่อหนีไปมีความสุขกันสองคนไม่ยอมบอกใครก็น่าจะสวีตกันให้เต็มที่สิ จะกลับมาขัดขวางความสุขของพวกเขาสองคนทำไม

“แกมันไม่ได้เรื่อง แทนที่จะให้น้องเรียนๆ ให้จบอย่างที่ตั้งใจไว้มันจะตายรึไงฮะ”

“อย่าบ่นนักได้ไหมพ่อ ผมรู้น่ะว่ากำลังทำอะไร ผมกับมีนเราแต่งงานกันแล้ว ต่อให้เรียนหรือไม่เรียนผมก็มีปัญญาเลี้ยงน้องน่ะ”

“ทำเป็นปากดีนะแก ที่น้องต้องหยุดเรียนเสียอนาคตไปไม่ใช่เพราะแกรึไง ทำอะไรนึกถึงใจยายมีนบ้าง แกก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ผ่านอะไรมาตั้งมากน่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร อย่าให้ฉันต้องคอยสั่งสอนแกว่าควรทำตัวแบบไหนถึงจะเหมาะสม แกอาจห้ามพวกพนักงานในบริษัทได้แต่ห้ามไม่ให้คนทั้งโลกพูดมากเรื่องนี้ไม่ได้หรอก หัดคิดก่อนทำซะบ้างจะได้ไม่ต้องมาตามแก้ทีหลัง”

“...ครับๆ”

“ไอ้เมฆ ฉันรู้ว่าแกมันเอาแต่ใจไม่ชอบให้ใครมาออกคำสั่ง แกอาจคิดว่าเรื่องนี้มันเล็กแต่ยายมีนไม่ได้คิดแบบนั้น เด็กคนนี้อ่อนไหวง่ายแกก็รู้ อย่าเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่จนมองไม่เห็นความทุกข์ของคนอื่น เมฆ...มีนามีสิทธิ์ที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง อย่างน้อยก็ได้เดินตามความฝันที่ตัวเองอยากทำ” เมคินพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังบ่งบอกว่าเรื่องนี้เขาเอาจริงและจะไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ เหมือนครั้งที่ผ่านๆ มา

เมฆาพยักหน้าเข้าใจไม่เถียงกลับสักคำ ความจริงเขาไม่อยากรับรู้ความจริงข้อนี้ แต่เวลาได้เห็นแววตาตื่นเต้นดีใจที่มีนาแสดงออก เขาก็รู้แล้วว่าอีกคนต้องการอะไร

เธอยังอยากใช้ชีวิตในวัยเรียน อยากมีเพื่อนฝูง ได้พบปะผู้คน เป็าเขาที่ทำลายช่วงเวลาที่สดใสของเธอ ทำให้เธอแปดเปื้อนมัวหมองทั้งที่มันไม่เหมาะควรเป็นแบบนี้เลย

“เข้าใจก็ดีแล้ว อีกแค่สองปีมีนาก็เรียนจบ ถึงตอนนั้นฉันจะไม่ห้ามแกเลย ฉันรู้ว่าแกรักมีนามากแค่ไหน แต่ความรักของแกก็ไม่ควรทำลายความสุขของเธอ”

“ขอบคุณที่เตือนสติครับ ผมคิดถึงแต่ความสุขของตัวเองจนลืมไปว่าสิ่งที่มีนาต้องการจริงๆ คืออะไร”

เมฆามองสบประสานสายตากับชายร่างสูงใหญ่ซึ่งเป็นพ่อบังเกิดเกล้าของเขาเอง นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้คุยกันจริงจังแบบนี้ ถึงเราสองคนจะไม่สนิทกันเหมือนพ่อลูกคู่อื่นๆ แต่ก็รู้แก่ใจว่าพวกเขาต่างมีความห่วงใยและหวังดีให้แก่กัน

ชายหนุ่มหันปลายเท้าวกกลับไปทางประตูทางออก ก่อนจะสาวเท้าเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองหน้าคนเป็นพ่ออีก วงแขนแกร่งกระชับร่างบอบบางแน่นขึ้นก้มลงมองสองตาที่ยังหลับพริ้ม รอยยิ้มที่แต่งแต้มบนริมฝีปากคล้ายกับคนมีความสุข

เขารู้ว่ายายเด็กนี่เก็บซ่อนความรู้สึกอะไรไว้ ความผิดหวังที่ฉาบอยู่ในดวงตาเวลาที่ไม่ได้ไปเรียน มันเด่นชัดเสียจนเขาทำเป็นมองข้ามไปไม่ได้ในทุกๆ ครั้งที่อีกคนเผลอลืมตัว

“พี่ไม่ควรเห็นแก่ตัวจริงๆ นั่นแหละ ควรจะปล่อยให้เธอได้มีความสุขเป็นของตัวเองบ้าง”

เมฆาพูดออกไปแค่นั้นก็เปิดประตูรถวางร่างภรรยาลงบนเบาะ ก่อนจะเดินอ้อมไปขึ้นรถนั่งเบาะฝั่งคนขับ เหลือบตามองดวงหน้าอ่อนหวานแวบหนึ่งก็ถอนหายใจยาว

ระหว่างทางมีนาหลับมาโดยตลอด จึงไม่รับรู้ถึงบรรยากาศอึมครึมที่พวยพุ่งมาจากร่างสูงใหญ่ที่นั่งฝั่ง

คนขับ แต่พอลืมตาตื่นขึ้นมากลับเห็นใบหน้าหล่อเหลาดำคล้ำไม่สบอารมณ์คล้ายกับไปโกรธใครมา เธอก็มุ่นหัวคิ้วรีบยกมือขยี้ตาให้หายจากอาการงัวเงีย

“เป็นอะไรไปคะ สีหน้าพี่เมฆดูไม่ดีเลย”

“มานั่งคร่อมตักพี่หน่อย รู้สึกเหมือนมันจะทนไม่ไหวอีกแล้ว” เมฆาบอกเสียงเรียบ สีหน้าเคร่งเครียดขึ้นกว่าเก่า มีนาที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับเบิกตาโพลง ตกใจจนเผลออ้าปากค้าง

“ไม่เอาหรอกค่ะ พี่เมฆเล่นงานมีนไปสองรอบแล้วนะ แถมตรงนี้ยังเป็นถนนรถวิ่งผ่านไปมาด้วย ยังไงก็ไม่ได้ค่ะ”

“อย่ามาหาข้ออ้างบ่ายเบี่ยงน่ะ ถนนสายนี้มีวิ่งสวนไปมาที่ไหน ไม่เห็นจะมีวิ่งผ่านมาสักคันเลย อย่าโยกโย้บ่ายเบี่ยงพี่ทรมานจนขับรถไปต่อไม่ไหวแล้ว” เมฆาตำหนิเสียงขุ่น คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น สีหน้าดูทรมานราวกับพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดจนเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผาก

มีนาก้มหน้าลงกัดริมฝีปากแน่นพยายามคิดหาทางทำให้พี่เมฆสงบลง แต่ดูเหมือนจะชักช้าไม่ทันการณ์คนใจร้อนเลยถูกกระชากตัวปลิวไปล้มนั่งบนตัก เมฆาหักพวงมาลัยหลบเข้าข้างทางที่เปลี่ยวร้าง เส้นทางนี้ไม่ค่อยมีใครขับรถผ่านมาเพราะไม่ใช่เส้นทางสายหลัก

“พี่เมฆ!”

“ครางดังๆ ให้พี่ได้ยินชัดๆ” เมฆาสั่งเสียงเรียบล้วงมือไปกระชากแพนตี้ตัวน้อยออกจากเรียวขาเนียน แต่เพราะใจร้อนเกินไปเลยฉีกขาดติดมือมา เขาเขวี้ยงทิ้งไปเบาะหลังจัดการโอบรัดเอวบางยกขึ้น ส่วนอีกมือรูดซิปลงเกี่ยวเอาชั้นในสีขาวถอยไปให้พ้นทางจนท่อนเอ็นร้อนดีดผึงออกมาผงาดง้ำด้านนอก ผงกหัวสั่นหงึกๆ ทักทายเธอ

“อะ...อึก!” มีนาหลับตาปี๋รู้สึกถึงความแข็งแกร่งและร้อนระอุเหมือนแท่งเหล็กนาบไฟที่รุกล้ำเข้าสู่ในกาย

“พี่จะยอมให้มีนเรียนหนังสือได้เต็มที่ก็ได้”

“อะไรนะคะ พี่เมฆพูดจริงๆ เหรอ” พอได้ยินคำพูดนี้มีนาก็ลืมตาขึ้นแทบจะในทันที เธอฉีกยิ้มกว้างดีใจจนพูดอะไรไม่ออก ดวงตาเปล่งประกายสดใสร่าเริงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ ถึงแม้ว่าเมฆาจะรู้สึกขัดใจกับปฏิกิริยานั้นแต่ก็ไม่อยากทำลายสีหน้าตื่นเต้นดีใจของเมียสาว

“ได้ยินแล้วก็รีบทำให้พี่พอใจซะ ไม่อย่างนั้นเรื่องที่อยากจะไปเรียนทุกวันก็พับเก็บกลับไปได้เลย”

“ละ...แล้วต้องทำยังไงล่ะคะพี่เมฆถึงจะพอใจ” ใบหน้านวลลออแดงระเรื่อด้วยความเขินอายเมื่อนึกถึงบทรักที่พวกเราสองคนทำกันทุกวัน แต่ว่าก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่าพี่เมฆต้องการให้เธอทำแบบนั้นหรือเปล่า

“ก็มีอยู่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละที่พี่ชอบรีดเคล้นเอาจากเรา ขี่พี่เร็วๆ เข้า ขืนชักช้าระวังพี่เปลี่ยนใจนะ” นัยน์ตาคมดุเปล่งประกายเจ้าเล่ห์เหลี่ยมจัด ริมฝีปากหนากระตุกยิ้มอย่างผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า ก่อนที่มือหนาอุ่นจัดจะสอดเข้าไปในเสื้อกอบกุมความอวบหยุ่นสู้มือ

เมฆาก้มลงดูดเรียวปากเล็กอมชมพูพลางสอดลิ้นเข้ากวาดต้อนความหวานล้ำอย่างตะกละตะกลาม เอวสอบกระดกขึ้นลงอัดความแข็งขึงเหมือนหินสลักทิ่มแทงไปในกลีบเนื้อบวมแดง

มีนาหลับตาครวญครางอย่างไร้ทางสู้ซบใบหน้าลงกับไหล่กว้าง เธออ้าปากงับเนื้อตรงหัวไหล่ของพี่เมฆด้วยความเสียวซ่าน น้ำหวานถูกขับออกจากช่องทางรักชโลมทั่วแก่นกายหนา หน้าท้องเธอหดเกร็งลมหายใจขาดหายเป็นห้วงๆ ร่างของเธอสั่นคลอนกระเด้งขึ้นลงตามแรงสวนกระแทกของพี่เมฆ เส้นผมลอนสีน้ำตาลสวยขยับตามการเคลื่อนไหว

“อ๊า! พะ...พี่เมฆ มีนหายใจไม่ออก อื้ออ~!!”

“อ่าห์...ซี้ดดด เสียวชิบ ได้กระแทกมีนทั้งวันแบบนี้ มันส์ดีจริงๆ อ่าา...”

เมฆาพรูลมหายใจที่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ ให้ช้าลง ผิดกับเอวที่ยังคงรัวกระหน่ำเข้าเล่นงานเส้นทางคับแคบที่แน่นจนเขาแทบขยับไม่ได้ มีนาทั้งคับทั้งร้อนจนเขาแทบยับยั้งความต้องการไม่ได้ ใบหน้าคมสันก้มลงซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่นเย้ายวนใจ กลิ่นสาบสวยลอยอวลปลุกกำหนัดเขาให้พลุ่งพล่านขึ้นอีก

“อื้ออ! อ๊าๆๆ พี่เมฆขา มีน...ฮื้ออ”

“หุบปากเถอะน่ะ ชอบท่านี้ไหม อยากให้พี่ทำท่าไหนให้บอกมาเลย พี่จะทำให้เธอขึ้นสวรรค์สำลักความสุขจนนึกอะไรไม่ออก หึ”

“อุ๊ย! ชะ...ชอบค่ะ ชอบ” เสียงหวานตอบอย่างมึนงง ดวงตาฉ่ำหวานปรือปรอยขึ้นมองสบดวงตาแข็งกร้าวร้อนแรงดั่งไฟ ร่างเพรียวบางอ่อนปวกเปียกถูกจับให้นอนลงไปบนเบาะข้างคนขับ ก่อนที่ร่างสูงจะตามมาโถมทับยัดเจ้าหัวดื้อที่แข็งเต็มที่ด่ำดิ่งสู่ห้วงอารมณ์ปรารถนาเร่าร้อนอีกครั้ง

“โอ้ววว...มีนอย่ารัดพี่แน่นนักสิ มันจะขยับไม่ได้แล้ว” เมฆาพูดด้วยน้ำเสียงแหบต่ำ ดวงตาสีนิลเจิดจ้าราวกับเปลวไฟลุกโชน แผงอกกำยำบดเบียดทรวงอกนุ่มหยุ่น เขาเกร็งหน้าท้องซอยสะโพกรุกรานเส้นทางลี้ลับ กลืนกินลูกแมวน้อยที่ดิ้นพล่านครางกระเส่าอ้อนวอนอยู่ใต้ร่าง

หยาดเหงื่อไหลรินลงกระทบเรือนร่างบอบบาง ชุดกระโปรงตัวสวยยับยู่ยี่ไม่เรียบร้อย เมฆากระตุกยิ้มพอใจช้อนวงแขนเข้าใต้เรียวขาวนุ่มยกให้สะโพกบางร่อนสูงเหนือพื้น เขาอัดท่อนรักเข้าใส่พูเนื้อร้อนชื้นสีแดงก่ำ เขาถ่มน้ำลายลงบนโหนกนูนสวยใช้นิ้วโป้งละเลงเกลี่ยไปมา ก่อนจะขยี้ปุ่มกระสันกลางกายจนเสียงหวานกรีดร้อง ตัวสั่นระริก

“อย่านะคะ หยุดนะพี่เมฆ อื้อ...!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel