บทที่ 2
นางเหมือนไม่อยากจะไปจากเขาเลย
หลังจากรับประทานอาหารเช้าอิ่มแล้ว
เจียงลู่มองดรุณีน้อยที่เขาช่วยเหลือนางเมื่อหลายวันก่อนดูเหมือนนางจะมีแรงกว่าเดิม เขารู้สึกเอ็นดูนางเหมือนน้องสาวคนหนึ่งอย่างบอกไม่ถูก
“แม่นางเซี่ยเดินทางปลอดภัย”
เซียวหมิงมองหมอเจียงสายตาละห้อย นางไม่อยากจะจากไปเลย
“ท่านเจียงข้าลาล่ะเจ้าค่ะ”
“เสี่ยวอี้ดูแลแม่นางเซี่ยให้ดี”
“ขอรับท่านหมอ” เสี่ยวอี้คือบ่าวชายที่หมอเจียงไว้ใจ
“ถ้ามีโอกาสข้าจะกลับมาตอบแทนบุญคุณท่านเจ้าค่ะ”
“ข้าคิดว่าพวกเราคงได้เจอกันอีก” เจียงลู่มีรางสังหรณ์อย่างนั้น
รถม้าธรรมดาพาเซียวหมิงมาที่เมืองหยางอัน เมื่อถึงหน้าประตูเมืองหญิงสาวลงจากรถม้าพร้อมกล่าวขอบคุณเสี่ยวอี้
เซียวหมิงปรายตามองประตูเมืองที่สูงใหญ่ทั้งยังมีนายทหารเฝ้าประตู มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ ตายแล้วเกิดใหม่ในโลกอดีต ผู้คนเดินขวักไขว่เข้าประตูเมือง เห็นทีคราวนี้นางคงได้ชมความงามของอดีตให้เต็มตาแล้วค่อยถามคนแถวนั้นว่าจวนอัครเสนาบดีไปทางไหน
สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านคาขายขนมต่างๆ มีทั้งถังหูลู่ ตุ๊กตาปั้นดินเผา เครื่องประดับต่างๆ หญิงสาวเดินดูร้านค้าแต่ละแผง วิถีชีวิตของคนโบราณช่างดียิ่งนัก ไม่มีรถยนต์ ไม่มีบ้านหรูๆ โทรศัพท์มือถือก็อยู่ได้
หญิงสาวไปสะดุดตาตรงที่ชาวบ้านมุงดูอะไรกัน นางใคร่อยากจะรู้ไปร่วมดูดีกว่า ภาพที่เห็นคือบุรุษชุดฟ้าหน้าตาหล่อเหลา โดนสตรีชุดขาวสะบัดมือใส่หน้าจนแดงเถือก
“คุณชายตู้ ท่านมีอะไรกับข้าแล้วนะ” สตรีนางนั้นพูดออกมาอย่างไม่อายปาก
ตู้อี้เหอมองหญิงคณิกานางนี้อย่างตะลึง “เจ้าเป็นสตรีของหอนางโลมจะให้ข้ารับผิดชอบได้อย่างไร ข้าก็จ่ายเงินไปแล้ว”
เซียวหมิงไม่คิดว่าสองคนจะบ้าดีเดือดขนาดนี้กินในที่ลับแล้วมาไขในที่แจ้ง ชาวบ้านต่างมุงดูด้วยความสมเพชก่อนจะแยกย้าย
สตรีนางนั้นถึงกับร้องไห้ออกมา “ท่านบอกว่าจะไถ่ตัวข้าออกจากหอนางโลม”
ตู้อี้เหอเข้าใจแล้วที่นางไม่จบเพราะอยากจะให้เขาไถ่ตัวออกมานั่นเอง
ชายหนุ่มยกพัดหยกมันแกะขึ้นมาพัดอย่างไม่สบอารมณ์
เซียวหมิงนึกสงสารหญิงสาวผู้นั้นทันที นางคงจะเบื่อชีวิตหอนางโลมสินะ
“เจ้าไปได้แล้วไม่ต้องมากวนข้า”
สตรีชุดขาวกอดขาเขาไม่ปล่อย “ช่วยข้าด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
เซียวหมิงอดที่จะสอดปาดขึ้นไม่ได้ “ท่านก็ดูดีอยู่หรอกนะ แต่ทำไมไม่ช่วยนางเล่า” น้ำเสียงนี้ทำให้ตู้อี้เหอเหลือบมองต้นต่อ
สตรีชุดชมพูย่างเท้าเข้ามา ตู้อี้เหอเหลือบมองเซียวหมิงอย่างไม่สบอารมณ์แล้วเอ่ยขึ้น “แล้วเกี่ยวอันใดกับเจ้าด้วย”
“ในเมื่อนางขอร้องท่าน ท่านก็น่าจะมีน้ำใจช่วยนางเสียหน่อย”
สตรีชุดขาวมองหน้าเซียวหมิง “แม่นางพูดถูก”
เซียวหมิงยิ้มหวานออกมา “เป็นบุรุษควรจะรับผิดชอบสตรี”
“เจ้าสตรีปากร้าย” ตู้อี้เหอไม่เคยมีใครกล้าว่าเขามาก่อน
“ก็ได้ข้าจะไถ่ตัวนาง” ในที่สุดตู้อี้เหอก็หมดความอดทน
สตรีชุดขาวดีใจ “ขอบคุณคุณชาย”
นางไม่ลืมหันมาหาเซียวหมิงพบว่านางเดินไปไกลแล้ว
ด้านเซียวหมิงดีใจเล็กน้อยที่ได้ช่วยคนการเป็นหญิงคณิกาคงจะทรมานน่าดู ไม่แตกต่างจากโสเภณีในโลกปัจจุบันไม่ว่าทุกยุคทุกสมัยก็ต้องมีเรื่องอย่างว่า
หญิงสาวเหลือบมองหมั่นโถว่ในเข่ง นางต้องลองเสียแล้ว นางได้หมั่นโถว่หนึ่งลูกกินไปเดินไปช่างมีความสุขจริงๆ สายตามองดูแผงร้านค้าโบราณ
“หลีกไป หลบไป”
บุรุษควบม้าตามท้องถนนบอกชาวบ้านให้หลบไป
เซียวหมิงไม่รู้ว่าภัยจะมาถึงตัว นางมัวแต่มองสิ่งของไม่ได้สนใจอย่างอื่น
“กรี๊ด!” หญิงสาวถึงกลับล้มลงพื้น นางเดินอยู่ดีๆ กลับมีม้าที่ไหนไม่รู้มาที่ท้องถนนทั้งที่คนเดินเยอะแยะ บุรุษผู้นั้นกลับไม่สนใจ
“ข้าบอกให้หลบไปไม่เชื่อ ช่างโง่เขลายิ่งนัก”
เซียวหมิงมองบุรุษรูปงามที่ด่าแล้วควบม้าออกไป
“เจ้า…” เจ็บชะมัดเลย
ชาวบ้านต่างเห็นใจนาง
“คุณหนู”
เซียวหมิงกำลังลุกขึ้น นางมองสตรีชุดฟ้าหน้าตาน่าเอ็นดูอายุราวสิบสี่ปี เรียกนางว่าคุณหนู เซียวหมิงหลับตาลง
“คุณหนูหายไปไหนมาเจ้าคะ บ่าวตามหาตั้งหลายวัน” สาวใช้นางนั้นเอ่ยทั้งน้ำตา เซียวหมิงหวนคิดว่าสาวใช้นางนี้คือคนที่โดยรับใช้ เซี่ยเซียวหมิงนั่นเอง
“เสี่ยวฟางพาข้ากลับจวนก่อนแล้ว ข้าจะเล่าให้ฟัง”
เสี่ยวฟางดีใจเป็นอย่างมากที่คุณหนูของนาง กลับมาอย่างปลอดภัย ย้อนไปเมื่อหลายวันก่อนเสี่ยวฟางกับเซี่ยเซียวหมิงออกมาเดินเล่นที่ตลาดแต่ทว่าทั้งสองคลาดกัน เมื่อกลับไปถึงจวนอัครเสนาบดีเซี่ย เสี่ยวฟางรีบรายงานเรื่องที่คุณหนูหายไปทันทีทำให้ทุกคนต่างร้อนใจ…
เพลาพลบค่ำหญิงสาวก็มาถึงจวนอัครเสนาบดี เสี่ยวฟางปรนนิบัติอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เจ้านายเสร็จ สาวใช้จากเรือนใหญ่ก็ตามเซียวหมิงไปพบท่านอัครเสนาบดีเซี่ย