บทที่ 5 ชายชั่วถูกตบหน้า
“ลองผสมดูอย่างลวก ๆ ดูเหมือนผลลัพธ์ที่ได้จะไม่เลวนัก” ฉู่หวูโยวตอบกลับอย่างสบาย ๆ บอกตามตรง นางเองก็ไม่คิดว่าผลลัพธ์ที่ได้จะดีขนาดนี้
“ว้าว คุณหนูยอดเยี่ยมจริง ๆ ผสมอย่างลวก ๆ ยังได้ตัวยาที่ร้ายกาจเช่นนี้ออกมา” ตงเอ๋อร์หันมองหน้าฉู่หวูโยวด้วยท่าทีชื่นชม
ก่อนหน้านี้คุณหนูสติไม่ดี มักถูกรังแกอยู่บ่อยครั้ง ตอนนี้หายดีแล้ว ในที่สุดก็ถึงเวลาแก้แค้นเสียที
“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ ช่วยข้าด้วย” ในที่สุด เฟิงหยูหลันและไป๋ยี่หยูก็หาไป๋อี้เฉินและเฟิงหลิงหยุนจนพบที่ลานด้านหลัง
ทันทีที่เฟิงหยูหลันเห็นพวกเขา ก็ตะโกนร้องห่มร้องไห้ออกมาอย่างตื่นตระหนก แล้วโผเข้าใส่เฟิงหลิงหยุน
“เจ้าเป็นใคร ?” เมื่อเฟิงหลิงหยุนเห็นหัวหมูที่น่าหวาดกลัวโผเข้าใส่ตนเอง ก็ปลีกตัวหลบตามสัญชาตญาณ : “ของอัปลักษณ์เช่นนี้มาจากที่ไหนกัน ยังกล้าเรียกข้าว่าพี่ใหญ่อีกด้วย”
เกรงว่าตอนนี้ แม้แต่เฟิงหยูหลันและไป๋ยี่หยูเอง ก็ยังจดจำใบหน้าของตนเองไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น
แต่ทว่า เมื่อไป๋อี้เฉินเห็นไป๋ยี่หยูที่โผเข้าหาตนเองเช่นเดียวกัน กลับไม่ได้หลบหลีก เพราะถึงแม้รูปลักษณ์จะเปลี่ยนไป แต่เสียงนั้นกลับยังคงเป็นเสียงของน้องหยู
เพียงแต่น้องหยูในสภาพนี้ กลับทำให้เขาต้องตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
“พี่ใหญ่ ข้าคือน้องหลันอย่างไรเล่า ข้าคือน้องหลัน” เฟิงหยูหลันรีบอธิบายอย่างร้อนใจ
ตอนนี้เอง เฟิงหลิงหยุนเพิ่งจะฟังออกว่า นี่คือเสียงของเฟิงหยูหลันจริง ๆ
แต่ว่า ทำไมน้องหลันจึงกลายสภาพเป็นเช่นนี้ได้ ?
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ทำไมพวกเจ้าถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ?” เป็นไป๋อี้เฉินที่ค่อนข้างสงบนิ่งกว่า และรู้จักถามหาต้นสายปลายเหตุ
“เพราะยัยบ๊องคนนั้น ไม่รู้ว่ายัยบ๊องนั่นสาดอะไรใส่หน้าพวกเรา สุดท้ายใบหน้าของพวกเราก็กลายสภาพเป็นเช่นนี้” ไป๋ยี่หยูพูดพลางร้องไห้ออกมา ใบหน้าที่บวมเป่งเป็นทุนเดิม เมื่อมีน้ำตาไหลผ่านลงมา ทำให้ดูอัปลักษณ์ยิ่งไปกว่าเดิม
“ยัยบ๊อง ? เจ้าหมายถึงฉู่หวูโยวหรือ ? ยัยบ๊องฉู่หวูโยวนั่น ทำให้พวกเจ้ากลายเป็นแบบนี้หรือ ?” เฟิงหลิงหยุนไม่อยากจะเชื่อ และไม่มีทางเชื่อได้ลง
เขารู้ว่ายัยบ๊องคนนั้น เมื่อวานยังไม่ตาย นับว่ายัยบ๊องดวงแข็งไม่เบา
แต่ทำไมยัยบ๊องนั่นถึงทำให้น้องหลันและน้องหยูมีสภาพเช่นนี้ได้นะ ?
“ตอนนี้นางไม่ปัญญาอ่อนอีกต่อไปแล้ว เมื่อวานถูกกระแทกเข้าจนหายดี เดิมทีพวกเราคิดเพียงว่าจะไปดูนางสักหน่อย คิดไม่ถึงเลยว่า นางกลับวางยาพิษพวกเราเสียนี่” เฟิงหยูหลันร้องไห้จนน้ำตาเป็นสายฝน เพียงแต่สายฝนตอนนี้ช่างดูน่ากลัวนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความน่าเวทนาแล้ว
“หลิงหยุน เจ้าช่วยตรวจดูให้พวกนางก่อนได้ไหม ?” แววตาทั้งสองข้างของไป๋อี้เฉินหมองหม่นลง ลึกเข้าไปในแววตาคู่นั้นแฝงไปด้วยความชั่วร้าย ทำไมฉู่หวูโยวถึงกล้าทำเช่นนี้ ?
แต่ตอนนี้ ไป๋อี้เฉินเองก็นึกแปลกใจไม่น้อย ต่อให้ผู้หญิงคนนั้นจะไม่ปัญญาอ่อนอีกต่อไป แต่ก็ไม่น่าจะรู้เรื่องยาพิษได้ แม้แต่ชื่อของนางเอง นางยังไม่รู้จัก แล้วจะรู้จักยาพิษและการฝช้ยาพิษได้อย่างไร ?
เฟิงหลิงหยุนรีบตรวจดูใบหน้าของเฟิงหยูหลันอย่างละเอียด เพียงแต่ว่า หลังจากตรวจสอบดูแล้ว สีหน้าของเขาก็ยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ
“ข้าเองก็ไม่เคยเห็นพิษชนิดนี้เหมือนกัน ยัยบ๊องนั่นไปได้มาจากไหนกัน ?” เฟิงหลิงหยุนดูไม่ตื่นตระหนกเหมือนเมื่อครู่อีก แต่ใบหน้ากลับแสดงความตกตะลึงออกมา
ถึงแม้เขายังหนุ่ม แต่ก็มีความมั่นใจในทักษะการแพทย์ของตนเองไม่น้อย นับได้ว่าทักษะการแพทย์ของเขา ไม่เป็นสองรองใคร
ตอนนี้คนที่สามารถอยู่เหนือเขาได้ก็มีอยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น แพทย์และยาพิษนับเป็นของคู่กัน ในโลกนี้มีพิษเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้นที่เขาไม่เคยพบมาก่อน
แต่พิษชนิดนี้ เขาดูไม่ออกจริง ๆ......
“พิษชนิดนี้นางเป็นคนปรุงขึ้นมาเอง ข้ากับพี่หญิงหลันเห็นนางจับมดกับตา จากนั้นจึงเทลงไปในขวดสองสามขวด ที่บรรจุผงบางอย่างอยู่ แล้วสาดใส่หน้าของพวกเราอย่างกะทันหัน จากนั้นใบหน้าของพวกเราก็กลายสภาพเป็นเช่นนี้” ไป๋ยี่หยูอธิบายอย่างละเอียด น้ำเสียงสะอึกสะอื้นแฝงไปด้วยความกลัว แต่ก็มีความรู้สึกเกลียดชัง จนแทบอยากฉีกฉู่หวูโยวออกเป็นชิ้น ๆ รวมอยู่ด้วย
ไป๋อี้เฉินและเฟิงหลิงหยุนหันมองหน้ากันทันที ในแววตาทั้งสองคู่ ล้วนเต็มไปด้วยความประหลาดใจที่เกินจะบรรยายได้
“ต้องเป็นเรื่องบังเอิญแน่ ๆ......” เฟิงหลิงหยุนพูดขึ้นอย่างดูถูก ยัยบ๊องนั่นจะปรุงยาพิษออกมาได้ด้วยตนเองอย่างนั้นหรือ ? ต่อให้ฆ่าเขาให้ตาย เขาก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด
คงต้องเป็นการจับแพะชนแกะอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่ายัยบ๊องนั่นอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ผลลัพธ์จะออกมาเป็นเช่นนี้
“ไม่หรอก ยัยบ๊องนั่นรู้ดีว่าจะให้ผลลัพธ์เช่นนี้ นางบอกว่าเป็นยาที่จะทำให้กลายเป็นหัวหมูอย่างรวดเร็ว บอกว่าจะทำให้พวกเรากลายเป็นหัวหมู” อย่างไรเสียเฟิงหยูหลันก็เกิดมาในตระกูลแพทย์ จึงย่อมเข้าใจความหมายของเฟิงหลิงหยุน
ไป๋อี้เฉินและเฟิงหลิงหยุนหันมองหน้ากันอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่เพียงรู้สึกประหลาดใจอย่างเช่นเมื่อครู่อีกต่อไป
“ยัยบ๊องนั่นทำเช่นนี้ มิหนำซ้ำครั้งนี้ยังลงมือวางยาพิษน้องหยูอีก คาดว่าคงคิดจะบังคับให้เจ้าเปลี่ยนความคิดเรื่องยกเลิกการแต่งงานอย่างแน่นอน” เฟิงหลิงหยุนกำหมัดเล็กน้อย ใบหน้าแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยม : “คิดไม่ถึงเลยว่า นางไม่ปัญญาอ่อนอีกต่อไป ซ้ำยังร้ายกาจขนาดนี้อีกด้วย”
เพียงแต่ในใจของเขายังคงไม่เชื่อว่า ไม่เชื่อว่าหญิงปัญญาอ่อนคนนั้น จะปรุงยาพิษเช่นนี้ออกมาได้
ไป๋อี้เฉินหรี่ตาลงเล็กน้อย ไม่สามารถคาดเดาอารมณ์จากสีหน้าได้มากนัก จึงไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“อี้เฉิน พวกเราไปจวนเจ้าพระยากันตอนนี้เลย ข้าอยากรู้เหมือนกันว่า นางจะเล่นลูกไม้อะไรอีก ? อีกทั้งพวกเราเองยังต้องเอายาถอนพิษมาให้น้องหลันกับน้องหยูให้ได้” เฟิงหลิงหยุนอยากไปดูด้วยตาตนเอง เขาอยากรู้เหมือนกันว่า ยัยบ๊องนั้นจะมีปัญญาทำอะไรได้
ไป๋อี้เฉินไม่ได้ตอบรับ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
ถึงแม้หนังสือปฏิเสธการแต่งงานฉบับนั้น จะเขียนขึ้นด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แต่ในเมื่อเขียนแล้ว แม้รู้ทั้งรู้ว่าขัดต่อราชโองการ แต่เขาก็ไม่มีทางเปลี่ยนความตั้งใจเป็นอันขาด
เขารู้สึกรังเกียจฉู่หวูโยวจริง ๆ
ทว่า ต่อให้เขารังเกียจฉู่หวูโยวขนาดไหน จะไม่ให้สนใจน้องหยูก็คงไม่ได้
น้องหยูกลายสภาพเป็นเช่นนี้ แม้กระทั่งเฟิงหลิงหยุนเองก็จนปัญญา เขาจะต้องช่วยน้องหยูเอายาถอนพิษมาให้จงได้
“ท่านพี่ ข้าไม่อยากมีสภาพเช่นนี้ ท่านจะต้องเอายาถอนพิษมาให้น้องหยูให้ได้นะเจ้าคะ” เมื่อไป๋ยี่หยูเห็นไป๋อี้เฉินนิ่งเงียบ ก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น
นางเชื่อว่า ขอเพียงท่านพี่ไปด้วยตนเอง ยัยบ๊องนั่นจะต้องยอมมอบยาถอนพิษออกมาแน่นอน
ไป๋อี้เฉินและเฟิงหลิงหยุนรีบมุ่งหน้าไปยังจวนเจ้าพระยาทันที
เมื่อพ่อบ้านเห็นเฟิงหลิงหยุนและไป๋อี้เฉินก็ยิ้มรับและเอ่ยทักทายอย่างกระตือรือร้น : “องค์ชายทั้งสองมาหาคุณหนูรองหรือขอรับ ? ข้าน้อยจะรีบเข้าไปรายงานดี๋ยวนี้”
“ไม่ต้อง ครั้งนี้พวกเรามาหายัยบ๊อง......คุณหนูสามของพวกเจ้า” เฟิงหลิงหยุนยังคงมีสีหน้าโกรธจัด เพียงแต่ตอนนี้อยู่ในจวนเจ้าพระยาของนาง จึงต้องเปลี่ยนคำเรียกขาน
“หาคุณหนูสาม ? องค์ชายทั้งสองต้องการหาคุณหนูสามหรือขอรับ ?” พ่อบ้านผงะไปเล็กน้อยด้วยความรู้สึกงุนงง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อหันมองไป๋อี้เฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ยิ่งมีสีหน้างุนงงเข้าไปใหญ่
ปกติแล้ว องค์ชายไป๋แทบจะหลบเลี่ยงคุณหนูสามอยู่ตลอดเวลา แล้ววันนี้ทำไมจู่ ๆ ถึงมาหาคุณหนูสามได้นะ ?
“ใช่ พวกเรามาหาฉู่หวูโยว” เฟิงหลิงหยุนพูดตัดบทพ่อบ้านด้วยความรำคาญ
“อ้อ เช่นนั้นเชิญองค์ชายทั้งสองขอรับ” พ่อบ้านไม่กล้าพูดอะไรมากอีก เพียงแต่ครั้งนี้ไม่ได้เข้าไปรายงาน แต่กลับพาพวกเข้าเดินเข้าไปโดยตรง
ตอนที่ไป๋อี้เฉินและเฟิงหลิงหยุนเดินมาถึงศาลาในของฉู่หวูโยว กลับถูกสาวใช้ตงเอ๋อร์ขวางเอาไว้ : “คุณหนูของเรากำลังยุ่งอยู่ ไม่ต้อนรับแขก เชิญองค์ชายทั้งสองกลับไปเถอะเจ้าค่ะ”
ถึงแม้ตงเอ๋อร์จะประหม่าเล็กน้อย แต่น้ำเสียงกลับฟังดูแน่วแน่อย่างยิ่ง
คุณหนูสั่งเอาไว้ว่า ห้ามให้ใครเข้าไปรบกวนเด็ดขาด ดังนั้นนางจึงยอมให้ใครเข้าไปไม่ได้ทั้งนั้น คุณหนูคนปัจจุบัน ไม่เหมือนกับคุณหนูคนก่อนอีกแล้ว