บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 แปลกใจหรือไม่ คาดไม่ถึงหรือไม่ 2

“ชิงจั๋ว มีแขกมา ทำไมถึงยังไม่รีบยกน้ำชามาอีก” ฉู่หรูเสว่รู้ดีแก่ใจว่า หากชิงจั๋วยังอยู่ตรงนี้ ก็ยากที่จะจัดการกับหญิงปัญญาอ่อนคนนั้นได้ จึงคิดที่จะแยกชิงจั๋วออกไป

ชิงจั๋วหรี่ตาลง และกำลังจะสั่งให้สาวใช้ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไปยกน้ำชามา

“ไปเถอะ” จู่ ๆ ฉู่หวูโยวก็เอ่ยปากขึ้น น้ำเสียงที่บางเบา แต่กลับทำให้ชิงจั๋วสัมผัสได้ถึงความมั่นใจอย่างยิ่ง ความกังวลที่อยู่ในใจของชิงจั๋วจางหายไปในทันที เพราะคำพูดเบา ๆ สองคำนี้

เมื่อชิงจั๋วคิดได้ว่าตอนนี้นายหญิงไม่ปัญญาอ่อนอีกต่อไป หากตอนนี้นายหญิงสั่งให้นางออกไป คงต้องมีเหตุผลอย่างแน่นอน จึงคำนับและน้อมรับคำสั่ง : “เจ้าค่ะ”

เมื่อเห็นชิงจั๋วเดินออกไปแล้ว สาวใช้คนอื่น ๆ ล้วนเป็นคนของจวนเจ้าพระยา

เมื่อมีฉู่หรูเสว่อยู่ที่นี่ บรรดาสาวใช้ต่างไม่กล้ามีปากมีเสียง

เฟิงหยูหลันและไป๋ยี่หยูไม่คิดจะเสแสร้งอีกต่อไป จึงเผยธาตุแท้ออกมาโดยไม่เกรงกลัวอีก

“เหอะ หรูเสว่บอกว่านางไม่ปัญญาอ่อนแล้ว ข้าว่า ดูเหมือนนางจะปัญญาอ่อนกว่าเก่าเสียอีก” ไป๋ยี่หยูหัวเราะเยาะออกมาทันที

“จริงด้วย ข้าว่า คงปัญญาอ่อนเกินเยียวยาแล้ว เห็นแล้วก็รู้สึกขยะแขยงนัก เห็นแล้วอยากจะอาเจียนจริง ๆ มิหนำซ้ำยังไร้ยางอาย คิดจะแต่งงานกับพี่เฉินอีก เรียกว่าฝันกลางวันของคนปัญญาอ่อนจริง ๆ” ใบหน้าของเฟิงหยูหลันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ปากกลับเต็มไปด้วยคำพูดหยาบคาย

ฉู่หวูโยวไม่สนใจพวกนางเลยสักนิด จับมดได้ปริมาณพอสมควรแล้ว จากนั้นก็ลุกขึ้น แล้วเดินกลับไปที่โต๊ะหินในลาน

ฉู่หวูโยวเทผงที่อยู่ในขวดบนโต๊ะ ลงในขวดที่บรรจุมดทีละขวด

“นี่ ยัยบ๊อง เจ้ากำลังทำอะไรอยู่น่ะ ข้ากำลังพูดกับเจ้าอยู่นะ เจ้าได้ยินหรือไม่ ? คงไม่กลายเป็นคนหูหนวกไปหรอกใช่ไหม ?” เมื่อไป๋ยี่หยูเห็นว่าฉู่หวูโยวไม่สนใจนาง ก็อดที่จะรู้สึกโมโหได้ จึงตะคอกออกมาด้วยความโกรธ

“ยัยบ๊องหน้าตาขี้เหร่ พี่เฉินไม่มีทางแต่งงานกับเจ้าแน่นอน” เฟิงหยูหลันเริ่มใช้คำด่าที่รุนแรงขึ้น

นี่คือลูกไม้ที่พวกนางใช้เป็นปกติ พวกนางเกรงกลัวฮองไทเฮา จึงไม่กล้ารังแกฉู่หวูโยวอย่างเปิดเผย

ดังนั้น ทุกครั้งพวกนางจึงยั่วโมโหฉู่หวูโยว ให้ฉู่หวูโยวเป็นฝ่ายลงมือก่อน จากนั้นพวกนางก็ใช้ข้ออ้างในการต่อสู้เพื่อป้องกันตัวมาทำร้ายฉู่หวูโยว

ในที่สุด ฉู่หวูโยวก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วจ้องมองพวกนาง พลางหัวเราะออกมาเบา ๆ : “พวกเจ้าว่าหัวหมูสองหัวนับว่าขี้เหร่หรือไม่”

“หัวหมูอะไรกัน ?” เฟิงหยูหลันและไป๋ยี่หยูต่างผงะไป และหันมองฉู่หวูโยวด้วยประหลาดใจ เห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉู่หวูโยวพูด

แววตาของเฟิงหยูหลันปรากฏความชั่วร้ายขึ้นมา ดูเหมือนฉู่หวูโยวจะไม่ปัญญาอ่อนแล้วจริง ๆ เมื่อก่อน ฉู่หวูโยวไม่มีทางพูดประโยคที่สมบูรณ์เช่นนี้ออกมาได้

ฉู่หวูโยวค่อย ๆ เผยรอยยิ้มบนริมฝีปาก เป็นรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนอย่างน่าประหลาด : “แม้กระทั่งหัวหมูก็ไม่เคยเห็นอย่างนั้นหรือ ? แต่ว่า ไม่ต้องรีบร้อนไป พวกเจ้ากำลังจะได้เห็นเดี๋ยวนี้แล้ว”

เห็นได้ชัดว่าฉู่หวูโยวกำลังยิ้มอยู่ ซ้ำยังเป็นรอยยิ้มที่ดูอ่อนหวาน แต่ไม่รู้ทำไมเฟิงหยูหลันกลับรู้สึกตื่นตระหนกในใจ

ชิงจั๋วที่ยกน้ำชาเข้ามาพอดี เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของคุณหนูก็ผงะไปครู่หนึ่ง ชิงจั๋วรู้สึกว่าคุณหนูของตนเองกำลังจะก่อเรื่องใหญ่ขึ้น!

ไป๋ยี่หยูที่ค่อนข้างโง่เขลา ไม่ทันสังเกตเห็นถึงสิ่งผิดปกติ จึงยังคงด่าต่อไป : “ฉู่หวูโยว ยัยขี้เหร่อย่างเจ้ากำลังคิดจะทำอะไร”

ฉู่หวูโยวเหลือบมองเฟิงหยูหลันและไป๋ยี่หยูที่ยืนอยู่ตรงหน้า นางยกมือขึ้น แล้วนำขวดที่ถืออยู่ในมือ โบกไปมาเบา ๆ ด้านหน้าคุณหนูทั้งสอง ผงที่อยู่ในขวด ลอยตามลมไปอยู่บนใบหน้าของทั้งสองคน

“ฉู่หวูโยว เจ้าสาดอะไรใส่หน้าของพวกเรา” สิ่งที่หญิงสาวให้ความสำคัญมากที่สุดคือความงามบนใบหน้าของตนเอง ถึงแม้ไม่รู้ว่าฉูหวูโยวสาดอะไรมา แต่เฟิ่งหยูหลันและไป๋ยี่หรูต่างก็ตกใจจนใบหน้าที่งดงามซีดเผือด

ฉู่หวูโหยวชายตามองพวกนาง แล้วริมฝีปากแดงระเรื่อก็เริ่มขยับ : “ยากลายร่างเป็นหัวหมู” ฉู่หวูโยวยังคงยิ้มอยู่ เป็นรอยยิ้มจาง ๆ และอ่อนโยนอย่างยิ่ง

เฟิงหยูหลันขมวดคิ้ว : “หมายความว่าอย่างไร ?”

ไป๋ยี่หยูมินิสัยมุทะลุ จึงไม่ได้ไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน : “ฉู่หวูโยว เจ้าคิดจะเล่นลูกไม้อะไร ? อย่าคิดจะเขียนเสือให้วัวกลัวไปหน่อยเลย”

“ใบหน้า......ใบหน้าของพวกท่าน พวกท่านหันมองหน้ากันสักเดี๋ยวก็จะรู้เอง” ครั้งนี้ฉู่หวูโยวยังไม่ทันจะเอ่ยปาก ตงเอ๋อร์ก็ตะโกนออกมาด้วยความตกตะลึงเสียก่อนแล้ว

เฟิงหยูหลันและไป๋ยี่หยูต่างประหลาดใจ ทั้งสองหันมองหน้าอีกฝ่ายแทบจะในเวลาเดียวกัน และกรีดร้องเสียงแหลมออกมาแทบจะพร้อมกันเช่นเดียวกัน

“กรี๊ด ข้าไม่อยากกลายเป็นหัวหมู ข้าไม่เอา” ไป๋ยี่หยูเห็นใบหน้าของเฟิงหยูหลันที่บวมเป่งออกมาอย่างรวดเร็ว ก็กรีดร้องออกมาทันที

นางรู้ดีว่า หน้าของตนเองก็คงเป็นเหมือนกับเฟิงหยูหลันอย่างแน่นอน ในระยะเวลาเพียงสั้น ๆ ก็บวมปูดเหมือนหัวหมูจริง ๆ อีกทั้งยังเกิดตุ่มพุพองเล็ก ๆ สีแดงขึ้นมาด้วย

เฟิงหยูหลันตัวสั่นและพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว

ฉู่หวูโยวชายตามองไป๋ยี่หยูด้วยสายตาที่เหมือนจะพูดว่า เจ้านั่นแหละปัญญาอ่อน : “สวรรค์ เป็นแล้วจริงด้วย”

ปกติแล้ว สองคนนี้รังแกร่างเดิมอย่างรุนแรงที่สุด

การตายของร่างเดิม พวกนางล้วนเป็นหนึ่งในฆาตกร การลงโทษแค่นี้ ยังนับว่าน้อยไปสำหรับพวกนาง

ยาเหล่านั้นออกฤทธิ์เพียงแค่สั้น ๆ ผ่านไปเพียงไม่กี่วันรอยแดงก็จะยุบลงแล้ว

“ฉู่หวูโยว เอายาถอนพิษออกมาเดี๋ยวนี้” เฟิงหยูหลันที่ตั้งสติขึ้นมาได้ แสดงสีหน้าชั่วร้าย ตระกูลเฟิงเป็นตระกูลแพทย์ เฟิงหยูหลันจึงย่อมรู้ดีว่าต้องใช้ยาถอนพิษ

ฉู่หวูโยวเงยหน้าขึ้นอย่างสงบ แล้วเหลือบตามองนาง : “ทำไม ? กลายเป็นหัวหมูแล้ว สมองก็กลายเป็นหมูด้วยอย่างนั้นหรือ หากมอบยาถอนพิษให้เจ้า แล้วข้าจะวางยาพิษให้ลำบากแต่แรกทำไม”

ทุกการกระทำของตนเอง ฉู่หวูโยวไม่คิดจะปิดบังเลยสักนิด ในเมื่อนางกล้าทำก็ย่อมกล้ารับ

“เจ้า......” เฟิงหยูหลันระงับความโกรธเอาไว้ นางนึกได้ว่าท่านพ่อของตนเองเป็นหมอที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ส่วนพี่ชายก็เป็นหมอหลวงในวัง ไม่สู้ไปขอความช่วยเหลือจากพี่ใหญ่จะดีกว่า

“ไป พวกเราไปหาพี่ใหญ่ของข้ากัน” เฟิงหยูหลันพาไป๋ยี่หยูเดินหนีไปอย่างลนลาน

เกรงว่าคนอื่นจะเห็นสภาพที่น่าอับอายของพวกนาง จึงต้องค่อย ๆ ย่องออกทางประตูหลังไป

ฉู่หรูเสว่ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง ในใจรู้สึกเกรงกลัวถึงขีดสุด แต่ในขณะเดียวกัน กลับรู้สึกโชคดีที่เมื่อครู่ตนเองไม่ได้เดินเข้าไปหาฉู่หวูโยว

“พี่หญิง ของดีขนาดนี้ หากท่านไม่ลองสักหน่อย ก็ดูจะน่าเสียดายนะ” ฉู่หวูโยวเหลือบมองฉู่หรูเสว่ แล้วแกว่งขวดใบเล็กที่อยู่ในมือเบา ๆ น้ำเสียงนุ่มนวล ชวนฟังอย่างยิ่ง

แต่ทว่า เมื่อดังเข้าไปในหูของฉู่หรูเสว่ กลับเหมือนเสียงปีศาจที่ดังขึ้นมาจากในนรก

“ไม่ มีต้อง ไม่ต้องหรอก” ฉู่หรูเสว่ที่ปกติแล้วมีเขี้ยวเล็บแหลมคม วาจามีคารมคมคาย เสแสร้งเก่งเป็นที่หนึ่ง มาบัดนี้กลับพูดจาติดขัด ยังไม่ทันพูดจบ ก็รีบวิ่งหนีไปอย่างตื่นตระหนก

ด้วยเกรงว่าฉู่หวูโยวจะสาดของสิ่งนั้นใส่หน้าของนาง

ฉู่หวูโยวแอบยิ้มเยาะในใจ หนี ฉู่หรูเสว่คิดว่านางหนีรอดแล้วอย่างนั้นหรือ

ชีวิตคนทั้งชีวิต จะปล่อยให้ตายไปโดยไร้ค่าเช่นนี้นะหรือ ในเมื่อนางย้อนอดีตกลับมาอยู่ในร่างร่างนี้ ก็ควรทวงความยุติธรรมให้กับเจ้าของร่างคนก่อน

ฆาตกรทุกคนที่ทำให้ร่างเดิมต้องตาย จะไม่มีใครหนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว

“นายหญิง นี่คืออะไรหรือเจ้าคะ ? ทำไมถึงได้น่ากลัวเช่นนี้ ?” ชิงจั๋วเองก็นึกหวั่นใจเล็กน้อย นึกถึงเมื่อครู่ที่ตนเองเดินออกมาทางด้านหลังของคุณหนูทั้งสอง หากนายหญิงสาดออกไปมากกว่านี้อีกสักหน่อย นางเองก็คงกลายเป็นหัวหมูไปด้วยเช่นกัน”

ปกติแล้ว คุณหนูทั้งสองรังแกนายหญิงมานับครั้งไม่ถ้วน ในที่สุด ครั้งนี้ก็ได้ระบายความแค้นเสียที

“คุณหนู สิ่งนั้นคืออะไรกันแน่เจ้าคะ ?” บรรดาสาวใช้ต่างมุงดูเข้ามาด้วยความสงสัย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel