บทที่ 15 นางรังแกได้ง่ายหรือ ?
แต่ฉู่หวูโยวกลับรู้ดีว่า ตระกูลเฟิงเป็นตระกูลแพทย์ เฟิงหยูหลันย่อมมีความรู้อยู่ไม่มากก็น้อย
หากใช้มือสัมผัสบาดแผลในสตอนนี้ เกรงว่าจะทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้นได้ และจะทำให้เกิดรอยแผลเป็นขึ้นได้ง่าย
เฟิงหยูหลันกรีดมีดลงไปได้อย่างแม่นยำ ถึงแม้จะดูน่าตกใจ แต่ด้วยทักษะการแพทย์ของตระกูลเฟิง หากคิดจะรักษาบาดแผลโดยไม่หลงเหลือรอยแผลเป็นทิ้งไว้ ก็นับว่าไม่ใช่ปัญหา
เห็นได้ชัดว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ เฟิงหยูหลันวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าฃเป็นอย่างดีแล้ว
เฟิงหยูหลันใส่ร้ายนาง เพราะเหตุผลของไป๋อี้เฉินเพียงอย่างเดียว ? หรือมีแผนร้ายอื่นแอบแฝงอยู่ด้วย ?
ฉู่หวูโยวเหลือบมองฉู่หรูเส่ว ฉู่หรูเสว่เข้ากับเฟิงหยูหลันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เกรงว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคงไม่ง่ายอย่างที่คิด
ในเมื่อพวกนางอยากทำร้ายนาง จะใช้วิธีการชั้นสูงสักหน่อยไม่ได้หรือ ?
ในยุคปัจจุบัน นับว่านางเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงคนหนึ่ง คิดจะใช้วิธีการหลอกเด็กเช่นนี้มาหลอกนาง ? ช่างน่าขำสิ้นดี
“หยูเอ๋อร์......” เฟิงหลิงหยุนรีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปหาเฟิงหยูหลัน เมื่อเห็นเลือดบนหน้าของเฟิงหยูหลัน มือก็สั่นเทาด้วยความตกใจอย่างช่วยไม่ได้
“หยูเอ๋อร์ไม่ต้องกลัวนะ หยูเอ๋อร์ไม่ต้องกลัวนะ พี่อยู่นี่แล้ว พี่จะไม่ปล่อยให้เจ้าเป็นอะไรเด็ดขาด” เฟิงหลิงหยุนพูดพลาง ก็หยิบยาชนิดหนึ่งออกมาจากหน้าอกอย่างรวดเร็ว แล้วช่วยใส่ยาที่บาดแผลของเฟิงหยูหลันในทันที
เพียงแต่ ตอนที่เฟิงหลิงหยุนใส่ยาลงไปบนบาดแผลของเฟิงหยูหลัน มือกลับหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง สายตาที่มองดูเฟิงหยูหลัน เผยให้เห็นความตกตะลึงออกมาไม่น้อย
ดูเหมือนเฟิงหยูหลันจะรีบกุมมือเฟิงหลิงหยุนอย่างตื่นตระหนก จากนั้นก็กำแน่นขึ้นเล็กน้อย
เฟิงหลิงหยุนรู้สึกตกใจอีกครั้ง เขาเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว จึงหันมองน้องหญิงด้วยความสงสาร และหลับตาลงเบา ๆ
น้องหญิงของเขา เขาจะไม่ช่วยได้อย่างไร ?
สีหน้าของเฟิงหลิงหยุนเปลี่ยนไปทันที เขาลังเลอยู่สักพัก จากนั้นจึงหันมองฉู่หวูโยว แล้วตะคอกออกมาอย่างดุดันว่า : “ฉู่หวูโยว เจ้ามันจิตใจชั่วร้ายจริง ๆ เรื่องนี้ ตระกูลเฟิงของเราไม่มีทางปล่อยให้จบลงง่าย ๆ แน่นอน”
ฉู่หวูโยวกวาดตามองเฟิงหลิงหยุน และแอบหัวเราะเยาะในใจ ตระกูลเฟิงเป็นตระกูลแพทย์ และเฟิงหลิงหยุนก็เป็นหมอหลวงที่อายุน้อยที่สุดในวังหลวง
บาดแผลบนใบหน้าของเฟิงหยูหลัน เห็นได้ชัดว่า เขามองออกตั้งแต่แวบแรกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ยังกล้าข่มขู่นางอีกว่า จะไม่ปล่อยให้เรื่องนี้จบลงง่าย ๆ
ดี ดีมาก ดูเหมือนละครฉากนี้จะยิ่งสนุกขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
ฉู่หวูโยวก้มหน้าลงเล็กน้อย จากนั้นจึงนำมีดที่เฟิงหยูหลันสอดเข้ามาในมือของตนเมื่อครู่ ออกมาชื่นชมอย่างจริงจัง : “มีดเล่มนี้ดีจริง ๆ”
เมื่อเฟิงหลิงหยุนเห็นมีดที่อยู่ในมือของฉู่หวูโยว แววตาทั้งสองข้างก็หมองหม่นลง และลึกเข้าไปในแววตาคู่นั้นก็เผยให้เห็นถึงความตื่นตระหนกออกมาอย่างรวดเร็ว
เฟิงหยูหลันเองก็ตกตะลึง และมีท่าทีตื่นตระหนกเล็กน้อย
ฉู่หวูโยวเห็นปฏิกิริยาตอบโต้ของพวกเขาแล้ว ก็รู้สึกพอใจอย่างยิ่ง นางแสยะยิ้ม แค่นี้ก็ตื่นตระหนกแล้วหรือ ?
อย่าเพิ่งตื่นตระหนกสิ อย่ารีบตกใจไป เรื่องสนุกเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น
“ฉู่หวูโยว เจ้าทำร้ายน้องหลันถึงขั้นนี้แล้ว กลับไม่รู้สึกผิดเลยสักนิด เรื่องนี้ข้าจะต้องทวงคืนความยุติธรรมแทนน้องหลันให้จงได้ ราชวงศ์ซวนหยวนนั้นมีกฎหมาย” เฟิงหลิงหยุนไม่เชื่อว่าฉู่หวูโยวจะมองอะไรออก ดังนั้นจึงยิ่งแสดงอำนาจมากขึ้น
ฉู่หวูโยวกวาดสายตามองเฟิงหลิงหยุนอย่างเย็นชาหนึ่งครั้ง
อย่างไรเสียเฟิงหลิงหยุนก็เป็นหมอหลวงประจำพระวรกายของฮ่องเต้ เขาย่อมมีความกล้าที่จะแสดงความโหดเหี้ยมเช่นนี้ออกมา คาดว่าคงเป็นเพราะสาเหตุนี้ด้วยเช่นเดียวกัน ที่ทำให้เขากล้าลงไม้ลงมือกับนาง
หากวันนี้ยังเป็นฉู่หวูโยวคนก่อน เกรงว่าพบเรื่องเช่นนี้เข้าคงทำตัวไม่ถูก และจะต้องถูกพวกเขาใส่ร้ายป้ายสีอย่างแน่นอน
จงใจทำร้ายผู้อื่น หากจะว่ากันตามเหตุผลแล้ว โทษสถานเบาก็คือถูกลงทัณฑ์ทางร่างกาย หากเป็นโทษสถานหนักก็เกรงว่าจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้
พวกเขาคิดจะส่งนางไปตาย
แต่น่าเสียดาย นางไม่ใช่ฉู่หวูโยวคนก่อน ที่จะปล่อยให้พวกเขารังแกได้ตามอำเภอใจอีกต่อไป
หากคิดจะใส่ร้ายนาง พวกเขานะหรือ ? ยังไม่คู่ควรหรอก
ตอนที่เฟิงหยูหลันสบตาเข้ากับสายตาของฉู่หวูโยว ที่ดูเหมือนจะยิ้มแต่กลับแฝงไปด้วยความเย็นชา ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้าน ตอนนี้ เฟิงหยูหลันกำลังรู้สึกกลัว
แต่เฟิงหยูหลันไม่เชื่อว่าฉู่หวูโยวจะทำอะไรได้ ?
ถึงแม้ฉู่หวูโยวจะไม่ปัญญาอ่อนแล้ว แต่ก็คงไม่ฉลาดถึงไหน ครั้งก่อนนางและน้องหยูติดกับฉู่หวูโยวเพียงเพราะไม่ระวังตัวเท่านั้น
ครั้งนี้พวกนางคิดวางแผนมาอย่างละเอียดรอบคอบ ไม่มีทางปล่อยให้ยัยขี้เหร่นี่พลิกสถานการณ์ได้เด็ดขาด
เมื่อคิดได้ดังนั้น เฟิงหยูหลันก็รู้สึกวางใจ และอดไม่ได้ที่จะนึกภาคภูมิใจ
ไม่ช้า ฉู่หวูโยวต้องจบเห่แน่นอน ! ไป๋อี้เฉินเป็นของนาง เป็นของนางคนเดียว !
เฟิงหยูหลันยังแสร้งทำสีหน้าโศกเศร้า น้ำเสียงสะอึกสะอื้นเล็กน้อย : “ฉู่หวูโยว เจ้า เจ้าทำเกินไปแล้ว ข้ารู้ดี ที่เจ้าต้องการทำให้ข้าเสียโฉม เป็นเพราะไม่ต้องการให้พี่เฉินสู่ขอข้า ตอนนี้ใบหน้าของข้าถูกเจ้าทำลายแล้ว ชั่วชีวิตของข้า เกรงว่าจะไม่ได้แต่งงานอีกแล้ว”
เฟิงหยูหลันยิ่งพูดก็ยิ่งช้ำใจ น้ำตาดูราวกับไข่มุกที่ขาดออกจากสาย ไหลรินลงมาไม่หยุด เห็นแล้วช่างน่าเวทนายิ่งนัก
คำพูดนี้ของเฟิงหยูหลัน ไม่เกียงแค่พูดกับฉู่หวูโยวเท่านั้น แต่ที่สำคัญก็คือ พูดให้ไป๋อี้เฉินฟัง
ไป๋อี้เฉินที่เดิมทียืนอยู่ด้านหลังนาง ตัวแข็งทื่อไปเล็กน้อย ราวกับว่ากำลังลังเลอะไรบางอย่าง
จากนั้นไป๋อี้เฉินก็หันไปทางฉู่หวูโยว แล้วพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า : “เจ้าลงมือได้โหดเหี้ยมเช่นนี้เลยหรือ”
เมื่อเฟิงหยูหลันได้ยินคำพูดของไป๋อี้เฉิน แววตาก็เผยประกายของความยินดีออกมาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่า การลงมือของนางครั้งนี้ไม่เสียเปล่า ไป๋อี้เฉินยังคงเข้าข้างนาง
เพียงแต่ น่าเสียดายที่ไป๋อี้เฉินยังไม่ยอมเอ่ยปากออกมาว่าจะแต่งงานกับนาง
“คุณชายเฟิง หวูโยวไม่รู้ประสีประสา หากมีอะไร ในฐานะที่ข้าเป็นพี่หญิง ข้าขอยอมรับผิดแทนนางเอง ขอคุณชายเฟิงโปรดละเว้นหวูโยวด้วย” ฉู่หรูเสว่หันมองฉู่หวูโยวหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงหันไปอ้อนวอนเฟิงหลิงหยุนเบา ๆ
“ละเว้นนาง ? เมื่อก่อนนางทำร้ายหยูเอ๋อร์จนบาดเจ็บ ตอนนั้นเห็นแก่ที่นางปัญญาอ่อน อีกทั้งยังไม่เกิดการบาดเจ็บรุนแรง ตระกูลเฟิงของเราจึงไม่ติดใจเอาความ แต่ตอนนี้นางหายดีแล้ว ไม่ปัญญาอ่อนแล้ว แต่กลับลงมืออย่างโหดเหี้ยม ทำร้ายหยูเอ๋อร์จนกลายเป็นเช่นนี้ เจ้าจะให้ข้าละเว้นนางได้อย่างไร” เห็นได้ชัดว่า เฟิงหลิงหยุนตัดสินใจใช้โอกาสครั้งนี้กำจัดฉู่หวูโยว เพื่อขจัดเสี้ยนหนามให้น้องหญิง
ดังนั้นเขาไม่มีทางยอมอ่อนข้อง่าย ๆ เด็ดขาด แน่นอนว่า ในเมื่อเรื่องนี้เริ่มต้นขึ้นแล้ว ก็ไม่อาจหยุดกลางคันได้อีก
เลือดที่บาดแผลของเฟิงหยูหลันหยุดลงแล้ว ดูเหมือนว่ายาของเฟิงหลิงหยุนจะได้ผลไม่น้อย
“เสว่เอ๋อร์ เจ้าเลิกปกป้องยัยขี้เหร่ที่จิตใจโหดเหี้ยมคนนี้ได้แล้ว ครั้งนี้อย่าว่าแต่เฟิงหลิงหยุนจะไม่ละเว้นนางเลย แม้แต่พวกเราเอง ก็ไม่มีทางยืนดูอยู่นิ่ง ๆ โดยไม่ทำอะไรแน่นอน” ซวนหยวนหลี่ยังไม่ลืมที่จะ “ผดุงความยุติธรรม” ด้วยใบหน้าที่บวมปูดไปด้วยรอยผึ้งต่อย
“ใช่แล้ว จะละเว้นนางไม่ได้เด็ดขาด จะต้องส่งตัวนางให้กับทางการจัดการ” ทุกคนต่างพูดสนับสนุนขึ้นมา ล้วนแล้วแต่โจมตีฉู่หวูโยว
มุมปากของฉู่หวูโยวปรากฏรอยยิ้มเย็นชา ที่ดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม แต่ละคนต่างคิดอยากจะกินนางจนแทบทนไม่ไหว ดูเหมือนว่าเสน่ห์ของนางคงร้ายไม่เบา จึงทำให้พวกเขาเกลียดนางเข้าไส้ขนาดนี้
ฉู่หวูโญวคนก่อน เป็นเพียงแค่คุณหนูปัญญาอ่อน แล้วทำไมถึงทำให้ทุกคนโกรธเคืองได้ถึงขนาดนี้ ?
ก็แค่มีคนโหมไฟให้ลุกโชนมากขึ้นเท่านั้น
“หวูโยว ทำไมเจ้าถึงไม่รู้ความเช่นนี้นะ เจ้ารีบขอโทษคุณหนูเฟิงเร็วเข้า ขอให้คุณหนูเฟิงให้อภัย อย่าทำให้เรื่องนี้ต้องกลายเป็นเรื่องใหญ่ วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของท่านพ่อนะ” ฉู่หรูเสว่ทำสีหน้าร้อนใจ นางดึงฉู่หวูโยวเพื่อต้องการให้ฉู่หวูโยวขอโทษ
ทันทีที่ฉู่หวูโยวยอมรับผิด ก็เท่ากับยอมรับโทษที่กรีดหน้าเฟิงหยูหลัน
เห็นการแสดงออกของฉู่หรูเสว่แล้ว ฉู่หวูโยวก็แอบยิ้มเยาะอยู่ในใจ