บท
ตั้งค่า

บทที่ 16 ฉากเด็ดฉากหนึ่ง

ฉู่หวูโยวค่อยๆ สะบัดมือของฉู่หรูเสว่ออก ดวงตาทั้งสองช้างมองไปยังมีดเล็กที่ดูงดงามปานนั้นที่เฟิงหยูหลันให้นางไว้เมื่อครู่ ค่อยๆ หยิบขึ้นมาเล่นไปมา

“ช่างเป็นมีดดีที่ยากจะเห็นได้เชียวจริงๆ” ริมฝีปากแดงของฉู่หวูโยวขยับขึ้น เสียงนุ่มนวลละมึน สีหน้าท่าทางปล่อยไปตามธรรมชาติของมัน ราวกับว่ากำลังชื่นชมงานศิลปะที่งดงามสุดๆ ชิ้นหนึ่งก็ว่าได้

ขอโทษ มันช่างน่าขำจริงๆ? สำหรับคนพวกนี้นางแม้แต่อธิบายก็ยังขี้เกียจเลย

แน่นอนนางก็ทราบเรื่องแบบนี้เป็นอย่างดี จะอธิบายไปก็เปลืองน้ำลายเปล่าๆ เพราะว่าใครต่างก็ไม่เชื่อว่าเฟิงหยูหลันจะกรีดใบหน้าของตัวเองให้บาดเจ็บได้

นางอยากจะยืนยันความบริสุทธิ์ก็ต้องมีหลักฐาน และหลักฐานนี้ก็กุมอยู่ในมือของนางนั่นเอง

องค์ชายเจ็ดซวนหยวนหรงโม่ที่เมื่อครู่ถูกฉู่หวูโยวอุปมาว่าเป็นนางจิ้งจอกที่ยั่วยวนให้หลงใหลยังคงนั่งอยู่ใต้พลับพลาไม่ไกลนักอยู่ ราวกับว่าไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยในขณะที่อยู่รวมกันตรงนั้น

ได้เพียงเมื่อตอนที่ได้ยินคำพูดของฉู่หวูโยว ดวงตาทั้งคู่ของเขาก็ค่อยๆ เงยขึ้นมองข้ามไป

สายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่มีดที่อยู่ในมือของฉู่หวูโยว ทำท่าเหมือนคิดอะไรอยู่

ฉู่หรูเสว่อึ้งไปชั่วขณะหนึ่งในทันใด ในตอนนี้ฉู่หวูโยวคิดไม่ถึงว่าจะสามารถดูนิ่งได้ถึงเพียงนี้ได้ เมื่อไหร่กันที่ฉู่หวูโยวมีความสามารถในการจัดการเรื่องเช่นนี้แล้วไม่ตระหนกบ้าง

ฉู่หรูเสว่คิดอยู่ว่าหากเป็นตัวนางเองที่พบเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ก็ไม่อาจจะนิ่งได้ปานนี้

ตอนนี้นางต้องยอมรับเลย ฉู่หวูโยวเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ อันที่จริงไม่ใช่ฉู่หวูโยวที่เซ่อๆ โล่เล่าคนนั้นเช่นเมื่อก่อนอีกแล้ว

ฉู่หรูเสว่แอบรู้สึกได้ว่าแผนการทั้งหมดในวันนี้ เกรงว่าจะไม่เป็นไปตามที่นางคิดว่าจะสมบูรณ์แบบปานนั้นได้

คิดถึงตรงนี้ ในใจของฉู่หรูเสว่ก็ตกตะลึงขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้

ผู้คนต่างก็ถูกสีหน้าท่าทางที่ดูนิ่งเป็นธรรมชาติเช่นนี้ของฉู่หวูโยวทำให้ตะลึงกันไป ต่างมองไปที่นางด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

เฟิงหลิงหยุนเห็นมีดที่อยู่ในมือของฉู่หวูโยว ดวงตาทั้งสองครั้งก็ค่อยๆ มืดมนขึ้น ลึกลงไปยังดวงตานั้นหลบซ่อนความตื่นเต้นในนั้นเอาไว้อย่างรวดเร็ว

แต่คำพูดของฉู่หวูโยวยิ่งทำให้เขาแอบตกตะลึงขึ้นในใจ

ก่อนหน้านี้ฉู่หวูโยวพูดถึงปัญหาของมีดมาก่อน เขาคิดว่าฉู่หวูโยวเพียงแค่พูดโดยที่ไม่มีเจตนาอะไร แต่ว่าตอนนี้ฉู่หวูโยวก็พูดถึงอีกครั้ง?

หรือว่าฉู่หวูโยวมองอะไรออกจริงหรือ?

ในใจของเฟิงหลิงหยุนก็เริ่มร้อนรนขึ้นมาเช่นกัน

“ไร้ซึ่งยาที่จะสามารถช่วยได้แล้ว ทำร้ายคน ไม่เพียงแต่ไม่มีเจตนาสำนึกผิดคิดที่จะแก้ไขแม้แต่นิด คิดไม่ถึงว่ายังกล้าอวดดีเช่นนี้อีก เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าราชวงศ์ซวนหยวนไม่มีกฎมณเฑียรบาล?” ซวนหยวนหลี่อดที่จะเหงาปากไม่ได้ ก็เลยกล่าวตำหนิอีกครั้ง

“แต่ว่าพวกเรากลับไม่ได้เห็นฉู่หวูโยวกรีดเฟิงหยูหลันให้บาดเจ็บกับตาตัวเอง ต่างเป็นเพียงเฟิงหยูหลันเท่านั้นที่พูดเอง พวกเราก็ไม่อาจจะเชื่อคำพูดเพียงฝ่ายเดียวเช่นกัน” ท่ามกลางเสียงที่แตกแยกของผู้คนที่มีต่อฉู่หวูโยว ทันใดนั้นก็เกิดเสียงที่ไม่ลงรอยกันออกมา

บนในหน้าที่งดงามของซวนหยวนเฉินในตอนนี้เป็นการยากที่จะจริงจัง เขาไม่ใช่ว่าจะเอนเอียงช่วยใคร เขาเพียงแค่พูดตามเหตุการณ์ที่เห็นเท่านั้น: “ข้าคิดว่าก่อนที่จะสืบหาความจริง ทุกคนไม่ควรกล่าวตำหนิฉู่หวูโยวเช่นนี้”

“แม้ว่าจะเป็นนักโทษฆ่าคนตายก็ยังต้องผ่านการสอบสวนจึงจะสามารถดำเนินความผิดได้ ข้าคิดว่าทุกคนในตอนนี้ทำต่อฉู่หวูโยวเช่นนี้ไม่ยุติธรรม”

ฉู่หวูโยวมองไปยังหนุ่มน้อยที่เอ่ยปากพูดแทนนาง

หนุ่มน้อยงามมาก งามมากจริงๆ เป็นความงามที่ดูประณีตจนถึงจุดสุดยอดเช่นนั้น

หนุ่มน้อยที่งดงามช่างน่ารักอย่างเป็นธรรมชาติจริงๆ

สาวน้อยอายุราวสิบหกสิบเจ็ดปี เป็นช่วงอายุที่กำลังจะ......เบ่งบานก็ไม่บานพอดี!

ช่างดีจริงๆ เลย!

ฉู่หวูโยวลืมไปว่าร่างของนางในตอนนี้ก็เพิ่งจะอายุแค่เพียง 16 ปีเท่านั้นเอง!

ฉู่หวูโยวมองไปยังซวนหยวนเฉินแล้วก็ยิ้มครู่หนึ่ง คนเขาช่วยนาง ตามมารยาทสังคมขั้นพื้นฐานที่สุดของนาง ยิ้มเล็กน้อยตามมารยาทก็ย่อมขาดไม่ได้

ตอนนี้ฉู่หวูโยวแม้ว่าจะแต่งตัวเป็นรูปลักษณ์ที่อัปลักษณ์เช่นนี้ แต่ว่าในตอนนี้รอยยิ้มของนางดูไปแล้วกลับสบายเอามากๆ ราวกับว่ามีแรงดึงดูดที่มีเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง

ใบหน้าขององค์ชายสิบซวนหยวนเฉินก็แดงขึ้นมาในทันที

ฉู่หวูโยวอึ้งไปครู่หนึ่ง รอยยิ้มที่อยู่มุมปากก็ปลดปล่อยออกมาอย่างไม่รู้ตัว หนุ่มน้อยรูปงามเขินอายง่ายเช่นนี้เลยหรือ?

องค์ชายเจ็ดที่อยู่ในพลับพลาโดยปกติแล้วใต้ตานั้นดูสงบนิ่งราวกับบ่อน้ำโบราณจู่ๆ ก็มีระลอกคลื่นเล็กน้อยกระเพื่อมขึ้นมา เขากุมถ้วยชาที่อยู่ในมือแน่นขึ้น ขนตายาวกระเพื่อมขึ้นแต่กลับยังคงหลบซ่อนรอยคลื่นนั้นที่อยู่ใต้ดวงตาไว้ไม่มิดอยู่ดี

“ซวนหยวนเฉิน คำพูดนี้ของเจ้าหมายความว่าอะไร? หรือเป็นไปได้ว่าแม่นางเฟิงจะสามารถกรีดใบหน้าของตนเองให้บาดเจ็บแล้วใส่ร้ายฉู่หวูโยวงั้นหรือ” ซวนหยวนหลี่ชอบเป็นปฏิปักษ์ต่อซวนหยวนเฉินมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แน่นอนว่าจะไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปแน่นอน

ซวนหยวนเฉินเน้นย้ำไปยังเจตนาของเขาอย่างจริงจัง: “ข้าไม่ได้พูดเช่นนี้ ข้าได้เพียงคิดว่าก่อนที่ความจริงจะปรากฏออกมา ใครก็ไม่ควรตัดสินอย่างง่ายดายออกมา”

ฉู่หวูโยวมองไปยังใบหน้ารูปงามอย่างหมดจรดจริงๆ ของหนุ่มน้อย ลุ่มหลงอยู่บ้างเล็กน้อย สติหลุดไปบ้าง ความหมดจรดเช่นนี้ช่างหาได้ยากยิ่งจริงๆ

วันนี้เขาช่วยนาง นางรับน้ำใจนี้ไว้แล้ว ก็จะจดจำบุญคุณนี้เอาไว้เช่นกัน ในอนาคตหากเขาต้องการ นางย่อมคืนให้เขาแน่นอน

องค์ชายเจ็ดเงยหน้าขึ้น มองไปยังฉู่หวูโยวที่กำลังมองไปยังซวนหยวนเฉินด้วยสติที่หลุดลอยไปอยู่ ระลอกคลื่นในดวงตาของเขาที่เพิ่งหายไปดูเหมือนจะมีแนวโน้มเวียนกลับมาอีกครั้ง

เฟิงหลิงหยุนจู่ๆ ก็เอ่ยปากขึ้น: “วันนี้ฝ่าบาทก็มาด้วย เรื่องนี้ก็ให้ฝ่าบาทมาตัดสินเถอะ”

เฟิงหลิงหยุนเป็นหมอหลวงที่อยู่ในวัง เป็นคนสำคัญที่ฝ่าบาทจะเรียกใช้ ในตอนนี้เขาเอ่ยถึงว่าให้ฝ่าบาทมาตัดสิน เห็นได้ชัดว่ามีความคิดอย่างอื่นเป็นแน่

ฉู่หวูโยวกวดสายตามองไปยังเฟิงหลิงหยุนครู่หนึ่ง ในใจยิ่มเย็นชาอยู่ เฟิงหลิงหยุนกำลังคิดวางแผนอะไรอยู่ แน่นอนว่านางคาดเดาได้

ในเมื่อเฟิงหลิงหยุนอยากจะก่อเรื่องให้ใหญ่ขึ้น งั้นนางก็ได้เพียงต้องเล่นด้วยให้ถึงที่สุด!

ฝ่าบาทในตอนนี้อันที่จริงก็ควรจะมาถึงแล้ว

เข้ามายังโถงใหญ่ แขกเหรื่อต่างก็มากันครบแล้ว กำลังเตรียมที่จะเปิดงานพระราชพิธีอยู่ เมื่อเห็นพวกเขาบุกเข้ามาเช่นนี้ ก็อดที่จะตกตะลึงขึ้นมาอย่างไม่ทันตั้งตัว

“นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ฮูหยินใหญ่เห็นเลือดสดที่อยู่บนใบหน้าของเฟิงหยูหลัน ก็เลยตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจขึ้นมาทันที

ดวงตาทั้งสองข้างของฉู่หยุนเทียนค่อยๆ มืดมนขึ้น กวาดสายตามองไปยังฮูหยินใหญ่อย่างไม่พอใจเล็กน้อยครู่หนึ่ง หลังจากนั้นดวงตาที่แหลมคมทั้งคู่นั้นของเขากวาดมองไปยังเฟิงหลิงหยุน เฟิงหยูหลัน สุดท้ายก็หยุดไว้ด้วยใบหน้าที่สงบเรียบเฉย บนร่างของฉู่หวูโยวที่เปี่ยมไปด้วยสีหน้าที่เป็นธรรมชาติแอบถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

เฟิงหลิงหยุนตัดไฟแต่ต้นลม: “ฉู่หวูโยวจงใจทำร้ายเฟิงหยูหลันซึ่งเป็นน้องหญิงของกระหม่อม กระหม่อมขอบังอาจ วิงวอนฝ่าบาทให้กระหม่อมทวงความยุติธรรมให้แก่น้องหญิงด้วย”

ดวงตาจองฉู่หยุนเทียนยังคงหยุดอยู่บนตัวของฉู่หวูโยว บนใบหน้ากลับไม่ได้อารมณ์มากมาย สำหรับคำพูดของเฟิงหลิงหยุน ก็ไม่ได้เห็นด้วยหรือว่าปฏิเสธ

หลายวันนี้ที่เขากลับมามีการไปมาหาสู่กับลูกสาว ก็ย่อมเข้าใจลูกสาวของตน เขาทราบดีว่าหวูโยวในตอนนี้รับรองว่าจะไม่ทำเรื่องเช่นนั้นเป็นอันขาด

ลูกสาวของเขาเอง เขาเชื่อใจ

“นี่มันเกิดอะไรขึ้น?” ฝ่าบาทค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้น คำพูดพอออกจากปากไป ก็แฝงไว้ด้วยความน่าเกรงขามที่ทำให้คนตกตะลึงไปเลย ดวงตาที่รู้ทุกสิ่งทุกอย่างคู่นั้นได้กวาดมองไปยังผู้คน

สายตาของฝ่าบาทมาหยุดไว้บนร่างของฉู่หวูโยว ตอนที่เห็นฉู่หวูโยวที่ราวกับว่าไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น ปลายคิ้วของฝ่าบาทก็เลิกขึ้นครู่หนึ่ง ความสงสัยที่อยู่ลึกลงไปในดวงตาก็แอบหลบซ่อนไปอย่างรวดเร็วทันที

“เรียนฝ่าบาท เมื่อครู่ที่เรือนหน้าฉู่หวูโยวใช้มีดกรีดหน้าของน้องเล็กบาดเจ็บ ตอนนั้นทุกคนต่างก็อยู่ในที่ตรงนั้น ต่างเห็นกับตาตัวเองทั้งนั้น ทั้งหมดสามารถเป็นพยานได้” เฟิงหลิงหยุนฟ้องร้องก่อนออกมาอย่างร้อนตัวอีกครั้ง

“เป็นจริงเช่นนี้หรือ?” ดวงตาทั้งคู่ของฝ่าบาทหรี่ลงเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มองไปยังเฟิงหยูหลัน

ฝ่าบาททราบดีว่าเมื่อก่อนฉู่หวูโยวอันที่จริงก็โง่เขลา ไม่รู้เรื่องรู้ราว แต่ว่าแต่กลับไม่ถึงขนาดว่าจะลงมือโหดเหี้ยมเช่นนี้ได้

ยิ่งไปกว่านั้นในตอนนี้ฉู่หวูโยวก็ไม่ได้โง่เขลาแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel