บท
ตั้งค่า

บทที่ 13 นางลอยแล้ว

ซวนหยวนหลี่ดูจะน่าเวทนาที่สุด ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยบวมแดง เกรงว่าแม้แต่แม่ของเขามาเห็น ก็อาจจำเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ

แม้กระทั่งบนหน้าผากของซวนหยวนหรงโม่ ก็ถูกผึ้งที่ตื่นตระหนกบางตัว จุมพิตเข้าให้แล้ว

ในขณะที่เกิดความโกลาหลขึ้น ฉู่หวูโยวกลับเดินไปอยู่ที่ใต้ศาลา และกินขนมอย่างสบายใจ

ฉู่หวูโยวเห็นซวนหยวนหรงโม่ที่เดินเข้ามา แล้วนั่งลงฝั่งตรงข้ามที่อยู่ห่างจากนางออกไปไม่ไกลก็ผงะไป สายตาของนางจับจ้งไปยังรอยแดงบนหน้าผากของเขา ที่ถูกผึ้งบางตัวต่อยเข้า

บุปผานับหมื่นดอก เกิดจากจุดสีแดงเล็ก ๆ เพียงจุดเดียว จู่ ๆ ประโยคนี้ก็ปรากฏขึ้นในสมองของนาง แน่นอนว่า นางคงไม่โง่พอที่จะพูดออกมาแน่นอน

ฉู่หวูโยวกลืนขนมที่อยู่ในปาก จากนั้นจึงเหลือบมองบรรดาคุณชายและคุณหนูที่กำลังต่อสู้กับผึ้งพวกนั้นอย่างโกลาหล นางก็แสร้งทำเป็นพูดด้วยความโศกเศร้าว่า : “เฮ้อ หน้าตาขี้เหร่เกินไป แม้กระทั่งผึ้งยังรังเกียจ พวกมันไม่ยอมจูบข้าเพียงคนเดียว ช่างน่าเจ็บใจยิ่งนัก”

เพียงแต่ สีหน้าของนางกลับม่แสดงออกถึงความโศกเศร้าเลยสักนิด และในแววตากลับปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ ขึ้นอย่างชัดเจนอีกด้วย

มือที่กำลังจะจับแก้วน้ำชาของซวนหยวนหรงโม่ หยุดชะงักลงเล็กน้อย และดูเหมือนมุมปากจะกระตุกเบา ๆ โดยไม่รู้ตัว

ส่วนบรรดาผู้คนที่กำลังตื่นตระหนกอยู่นั้น ตอนนี้ก็เพิ่งจะสังเกตเห็นว่า ฉู่หวูโยวนั่งกินขนมอยู่อีกทางด้านหนึ่งอย่างสบายใจ

พวกเขานอกจากจะรู้สึกเจ็บปวดและอับอายแล้ว ทุกคนต่างก็จ้องมองฉู่หวูโยวด้วยสีหน้าโกรธเคือง

ซวนหยวนหลี่พยายามอย่างยิ่งที่จะลืมตาที่บวมเป่งขึ้น และจ้องเขม็งไปที่ฉู่หวูโยวอย่างดุดัน : “ยัยขี้เหร่ ต้องเป็นเจ้าแน่ เจ้าจะต้องใส่อะไรไว้บนตัวข้าอย่างแน่นอน”

ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าฉู่หวูโยวทำอะไรกับเขา ถึงขั้นไม่เชื่อว่าฉู่หวูโยวจะมีความสามารถเช่นนั้น แต่ตอนนี้เขามีความแค้นจุกอยู่เต็มอก และฉู่หวูโยวก็เป็นที่ระบายอารมณ์ชั้นดี

อีกทั้ง ต่อให้เรื่องนี้ฉู่หวูโยวไม่ได่เป็นสคนทำ เขาก็จะโยนความผิดให้กับฉู่หวูโยวอยู่ที่ ความแค้นของเขา จะไม่ระบานออกไปไม่ได้เด็ดขาด

เพียงแต่ ผึ้งเหล่านั้นยังคงไม่ละเว้นเขา และยังคงต่อยเขาอย่างต่อเนื่อง

“อ๋องเก้าเพคะ กินข้าวตามใจปากได้ แต่จะพูดตามใจปากไม้ได้นะเพคะ ท่านอ๋องเป็นใคร หม่อมฉันเป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง แล้วจะแอบใส่ของบนตัวพระองค์ โดยสามารถรอดพ้นสายตาอันเฉียบแหลมของพระองค์ไปได้อย่างไรเล่าเพคะ ?” ฉู่หวูโยวกัดขนมเข้าไปอีกหนึ่งคำ จากนั้นก็ค่อย ๆ พูดขึ้นอย่างช้า ๆ

คำพูดนี้ของนางดูเป็นธรรมชาติ เบา และเรียบง่าย

แต่กลับทำให้ซวนหยวนหลี่พูดอะไรไม่ออก

ซวนหยวนหลี่โกรธจนแทบกระอักเลือด

“เอาละ กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งตัวใหม่เสียสิ” ซวนหยวนหรงโม่เหลือบตามองซวนหยวนหลี่อย่างสงบนิ่ง

ในน้ำเสียงที่เบาของเขา กลับแฝงไปด้วยอำนาจที่ไม่อาจปฏิเสธได้

ฉู่หวูโยวผงะไปเล็กน้อย สีหน้าแสดงถึงความประหลาดใจออกมา คิดไม่ถึงเลยว่า องค์ชายเจ็ดไม่เพียงไม่เปิดโปงนาง แต่กลับช่วยนางอีกด้วย

ส่วนซวนหยวนหลี่นั้น กลับตกตะลึงไปโดยสมบูรณ์ และหันมองซวนหยวนหรงโม่อย่างไม่อยากเชื่อ

แต่ว่า เขาเองก็ไม่กล้าขัดใจซวนหยวนหรงโม่ อีกทั้ง หลังจากที่ฝูงชนสงบลงแล้ว ผึ้งเหล่านั้นทั้งหมด ต่างก็มาบินวนอยู่รอบตัวเขา และต่อยเขาจนเกือบตายอยู่แล้ว เขาจึงจากไปอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้พูดอะไรอีก

ฉู่หรูเสว่รู้สึกตกใตอย่างยิ่ง ดวงตาของนางทั้งสองข้างลดต่ำลง แต่กลับไม่อาจปิดบังความหม่นหมองในดวงตาได้

ปกติแล้ว น้อยนักที่องค์ชายเจ็ดจะเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดขึ้นก่อน แต่วันนี้กลับเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาเองติดต่อกันสองครั้ง และทั้งสองครั้งก็เยวข้องกับฉู่หวูโยว

องค์ชายเจ็ดหมายความว่าอย่างไรกันแน่ ?

องค์ชายเจ็ดคงไม่ได้รู้อะไรมาหรอกใช่ไหม ?

ฉู่หรูเสว่ทั้งตกใจทั้งกลัว แต่นางเป็นคนฉลาด ถึงแม้ตอนนี้จะรู้สึกตื่นตระหนกในใจมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางเผยอะไรให้เห็นเด็ดขาด

ถึงแม้ทุกคนต่างไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่เมื่อองค์ชายเจ็ดตรัสออกมาแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก

เพียงแต่ เป็นเพราะคำพูดของอ๋องเก้าเมื่อครู่ ทำให้ทุกคนต่างมองฉู่หวูโยวด้วยแววตาเกลียดชัง

โดยเฉพาะเฟิงหยูหลัน แววตาทั้งสองข้างที่จ้องมองฉู่หวูโยว ราวกับมีเปลวไฟแห่งความแค้นอยู่ และอยากจะเผาฉู่หวูโยวให้ตายเสียให้ได้

ไป๋อี้เฉินปรากฏสีหน้าครุ่นคิด ฉู่หวูโยวไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้วจริง ๆ เขารู้ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในศาลาในของฉู่หวูโยวเมื่อครั้งก่อนแล้ว

เพียงแต่วันนั้น สุดท้ายที่ฉู่หวูโยวพูดเรื่องยกเลิกการแต่งงานขึ้นมา จดบัดนี้เขาก็ยังไม่รู้ว่า นางพูดจากใจจริง ? หรือใช้กลยุทธ์แกล้วปล่อยเพื่อจับ ?

เมื่อครู่ตอนฉู่หวูโยวได้ยินคำพูดของเฟิงหยูหลันกลับไม่โกรธ นางตัดใจจากเขาได้แล้วจริงหรือ ? หรือเพียงแค่จะใช้วิธียอมถอยเพื่อชนะใจ ?

เมื่อก่อนฉู่หวูโยวคลั่งไคล้เขาขนาดนั้น เขาไม่เชื่อว่า จู่ ๆ ฉู่หวูโยวจะปลี่ยนไปได้อย่างกะทันหัน เรื่องของความรู้สึก ไม่ใช่จะเปลี่ยนแปลงกันได้ง่าย ๆ

ฉู่หวูโยวทำเรื่องมากมายเช่นนี้ คงเป็นเพราะต้องการดึงดูดความสนใจของเขา ใช่แล้ว ต้อเป็นเช่นนี้แน่

เมื่อคิดได้เช่นนี้ ความโกรธในใจของไป๋อี้เฉินเมื่อครู่ ก็หายไปอย่างน่าประหลาด

เพราะเรื่องวุ่นวายเมื่อครู่ ทำให้เสื้อผ้าของทุกคนเลอะเทอะ จึงต่างแยกย้ายกันไปแต่งตัวใหม่ โดยเฉพาะบรรดาคุณหนูที่รักสวยรักงาม ต่างก็รีบให้บรรดาสาวใช้เจิมเครื่องประทินโฉมให้กับพวกนาง

เพียงแต่ รอยบวมบนใบหน้าจะปิดอย่างไรก็ปิดไม่มิด

ดังนั้น พวกนางจึงยิ่งเกลียดฉู่หวูโยวเข้าไส้

เมื่อเฟิงหยูหลันเห็นไป๋อี้เฉินคอยมองฉู่หวูโยวอยู่เป็นระยะ อีกทั้งนางยังสังเกตเห็นว่า เวลาที่ไป๋อี้เฉินมองฉู่หวูโยว คล้ายกลับมีความรักปรากฏอยู่บนใบหน้า

แววตาทั้งสองข้างของเฟิงหยูหลันหรี่ลงเล็กน้อย ลึกเข้าไปในแววตา แฝงไปด้วยความชั่วร้าย

มือที่ซ่อนอยู่ภายใต้แขนเสื้อของนางกำแน่น ไป๋อี้ฉินเป็นของนาง นางจะปล่อยให้ใครมาแย่งไปไม่ได้ทั้งนั้น

ตอนที่เฟิงหยูหลันหันมองไป๋อี้เฉินอีกครั้ง ก็พบว่าไป๋อี้เฉินกำลังมองฉู่หวูโยวอีก ดวงตาทั้งสองข้างของเฟิงหยูหลันหมองหม่นลง ราวกับว่าในที่สุดก็ตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความตั้งใจอันแน่วแน่

แต่ละคนง่วนอยู่กับการแต่งหน้าและจัดระเบียบเสื้อผ้าของตนเอง โดยไม่มีใครเดินเข้ามาหาฉู่หวูโยว

ฉู่หวูโยวย่อมรู้ดีว่า ที่คนเหล่านั้นไม่เดินเข้ามาหาเป็นเพราะซวนหยวนหรงโม่ ผู้หญิงเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉู่หรูเสว่ ไม่มีทางเปิดเผยด้านมืดของตนเองต่อหน้าซวนหยวนหรงโม่อย่างแน่นอน

เมื่อไม่มีใครรบกวน ฉู่หวูโยวก็จิบชาและกินขนมด้วยความเพลิดเพลิน

“ภูมิใจมากเลยหรือ ?” จู่ ๆ น้ำเสียงที่ทุ้มต่ำแต่กลับมีเสน่ห์ดังขึ้นก็ดังขึ้นข้าง ๆ หูของนาง

ฉู่หวูโยวผงะไปเล็กน้อย และรีบเงยหน้าขึ้นทันที แล้วหันมองไปยังผู้ชายที่ยืนอยู่ห่างจากนางออกไปห้าเมตรกว่า นางรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงเลยว่าองค์ชายเจ็ดจะเป็นฝ่ายเข้ามาพูดกับนางก่อน

ฉู่หวูโยวหัวเราะเบา ๆ แล้วกระซิบขึ้นว่า : “ขอบพระทัยอ๋องเจ็ดที่ทรงช่วยเหลือเพคะ”

เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ นางรู้ดีว่าจนเองไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรทั้งสิ้น เพราะนางรู้ดีว่า การปิดบังเรื่องใด ๆ ก็ตามต่อหน้าเขา จะยิ่งเป็นเหมือนตัวตลกที่น่าอับอายมากกว่าเดิม

คำพูดที่ฟังดูสบาย ๆ ของฉู่หวูโยวเพียงประโยคเดียว แต่กลับทำให้เขากลายเป็นพวกเดียวกันได้อย่างแยบยล

ซวนหยวนหรงโม่ผงะไปครู่หนึ่ง แววตาที่ลึกซึ้งจนยากจะหยั่งถึง ปรากฏความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา เพียงแต่ ดูไม่ออกว่าเป็นความโมโหหรือว่า......

“ต่อไปเก็บหางจิ้งจอกของเจ้าเอาไว้ให้ดีล่ะ” ขนตายาวของซวนหยวนหรงโม่คล้อยต่ำลงเล็กน้อย ความรู้สึกที่ปรากฏขึ้นมาเมื่อครู่ ก็ถูกบดบังอย่างรวดเร็ว

น้ำเสียงของเขายังคงทุ้มต่ำและมีเสน่ห์ เพียงแต่ครั้งนี้กลับดูเหมือนจะมีความหมายพิเศษบางอย่าง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel