บทที่ 12 ถูกจูบเข้าแล้ว
เพียงแต่ แววตาของซวนหยวนหรงโม่หยุดนิ่งอยู่ที่ถุงหอมใบนั้นเพียงครู่เดียว จากนั้นก็หันเหสายตาไป โดยที่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ
“องค์ชายเจ็ด ที่แท้พระองค์ก็ทรงอยู่ที่นี่เอง” จู่ ๆ ก็มีเสียงที่ไพเราะเสนาะหู แสดงออกถึงความยินดีอย่างชัดเจนดังขึ้นมา
ฉู่หรูเสว่ค่อย ๆ เยื้องย่างเข้ามาอย่างช้า ๆ ใบหน้าที่งดงามของนางเต็มไปด้วยความสุข เพียงแต่ ขณะที่มองเห็นฉู่หวูโยว ความสุขบนในหน้าของนางก็ชะงักลงอย่ากะทันหัน
แต่ว่า ไม่ช้ารอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉู่หรูเสว่อีกครั้ง เป็นรอยยิ้มที่งดงามตรึงใจ : “ที่แท้น้องหญิงเองก็อยู่ที่นี่ด้วย มิน่าเล่า พี่ตามหาน้องหญิงมาครึ่งวันก็ยังหาไม่พบ แขกเหรื่อต่างมากันพร้อมแล้ว ปกติน้องหญิงชอบบรรยากาศคึกคัก ทำไมยังไม่รีบไปอีกเล่า”
“เสว่เอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องเรียกยัยขี้เหร่นี่ไปจะได้ไหม เห็นยัยขี้เหร่นี่แล้ว ข้ารู้สึกกินข้าวไม่ลง” ยังไม่ทันที่ฉู่หวูโยวจะเอ่ยปากพูด ซวนหยวนหลี่ก็พูดขึ้นด้วยสีหน้ารังเกียจอีกครั้ง
ฉู่หวูโยวหรี่ตาลงเล็กน้อย เคยพบคนที่ปากร้าย แต่ไม่เคยพบที่ปากร้ายขนาดนี้มาก่อน
เป็นผู้ชายที่ปากคอเราะร้ายเช่นนี้ เป็นเรื่องที่ดีจริงหรือ ?
แต่ไหนแต่ไรมา นางไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น เพราะหากนางมีความแค้น ก็จะลงมือแก้แค้นในทันที
ซวนหยวนหลี่ดูถูกนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า เช่นนั้นก็คงโทษนางไม่ได้แล้ว
สายตาของนางจับจ้องไปที่ถุงหอมตรงเอวของซวนหยวนหลี่อีกครั้ง ต้อนนี้ซวนหยวนหลี่ก่นด่าอย่างสบายใจ ไม่รู้ว่าอีกเดี๋ยวยังจะสบายใจเช่นนี้อยู่อีกหรือไม่ ?
“ท่านอ๋องเก้า พระองค์อย่าทรงต่อว่าน้องหญิงเช่นนี้สิเพคะ น้องหญิงจะเสียใจได้นะเพคะ” ฉู่หรูเสว่ก้มหน้าลงเล็กน้อย และแสดงท่าทีกังวลใจแทนฉู่หวูโยว
“ข้ารู้ว่าเจ้าจิตใจงดงาม คอยปกป้องนางไปทุกที่ แต่คนอย่างนาง รู้จักด้วยหรือว่าอะไรคือความเสียใจ ? นางเป็นแค่ยัยบ๊องคนหนึ่ง ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ปัญญาอ่อนแล้ว แต่ก็คงไม่ฉลาดเท่าไรนักหรอก” ซวนหยวนหลี่แสดงสีหน้าเยาะเย้ยอย่างชัดเจน
“เมื่อก่อนเป็นเพราะน้องหญิงรักองค์ชายไป๋ ถึงได้ทำเรื่องที่......ผิดพลาดเหล่านั้นออกไป น้องหญิงไร้เดียงสา จิตใจงดงาม ในฐานะที่ข้าเป็นพี่หญิงย่อมต้องปกป้องนาง” ฉู่หรูเสว่ราวกับสวมวิญญาณนักแสดง แสดงออกมาได้ไม่เลวเลย
มุมปากของฉู่หวูโยวโค้งขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงหันมองฉู่หรูเสว่ด้วยสีหน้าที่ดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม จนฉู่หรูเสว่แทบไม่อาจเสแสร้งทำตัวไร้เดียงสาต่อไปได้อีก
“ไปเถอะ” จู่ ๆ องค์ชายเจ็ดซวนหยวนหรงโม่ที่นิ่งเงียบมาตลอด ก็เอ่ยปากพูดขึ้น ขณะที่เขาพูดขึ้นนั้น ก็หันหลังเดินจากไป
ซวนหยวนหลี่และฉู่หรูเสว่ต่างก็ผงะไป ราวกับคาดคิดไม่ถึงว่า จู่ ๆ ซวนหยวนหรงโม่จะเอ่ยปากพูดขึ้น แต่ต่างก็เดินตามไปในทันที
ฉู่หวูโยวเอง ก็เดินตามไปช้า ๆ ทางด้านหลังด้วยเช่นกัน ที่จริงแล้ว นางไม่เต็มใจจะไปกับพวกเขาเลยสักนิด
แต่ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาฉลองวันเกิดแล้ว
อีกทั้ง ยังมีเรื่องสนุกอีกอย่างให้คอยติดตามดูอยู่ นางไม่มีทางยอมพลาดแน่นอน
ตอนนี้จะเป็นฤดูร้อน อากาศร้อนอบอ้าว ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนต่างสวมใส่เสื้อผ้าเป็นทางการ ทำให้บนเสื้อผ้าของซวนหยวนหลี่ที่เดินอยู่ด้านหน้า เปียกชุ่มไปด้สยเหงื่อ เหงื่อซึมเข้าไปในถุงหอม กลิ่นของกลีบดอกไม้ค่อย ๆ แผ่ซ่าน ยิ่งนานไปก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น
รอยยิ้มที่มุมปากของฉู่หวูโยวเอง ก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเช่นกัน
เดินไปถึงลานด้านหน้า บรรดาคุณชายและคุณหนูวันหนุ่มสาว ต่างก็กำลังพูดคุยกันอยู่ใต้ศาลาในลาน
เมื่อเห็นพวกเขาเดินมา ทุกคนต่างก็หันมาทำความเคารพองค์ชายเจ็ดและซวนหยวนหลี่ จากนั้นก็อวยพรวันเกิดให้กับฉู่หรูเสว่
ไม่มีใครสนใจฉู่หวูโยวสักคน
ฉู่หวูโยวรู้สึกดีใจเสียด้วยซ้ำ ตอนที่บรรดาคุณหนูผู้สูกศักดิ์เหล่านั้นอวยพรวันเกิดให้กับฉู่หรูเสว่ แต่ละคนแววตาแฝงไปด้วยความอิจฉาริษยา คำอวยพรเช่นนั้น นางไม่อยากได้เลยสักนิด
ฉู่หวูโยวมีสีหน้าสงบนิ่งและเป็นธรรมชาติ ใบหน้าไม่แสดงออกถึงความหงุดหงิดใจ และยิ่งหาร่องรอยของความโมโหไม่เจอเลยสักนิด นางค่อย ๆ เดินตรงมาที่ศาลาอย่างช้า ๆ
ทุกคนที่อยู่ในลาน เมื่อเห็นปฏิกิริยาของฉู่หวูโยวต่างก็ตกตะลึง เห็นได้ชัดว่าคาดไม่ถึง ยัยบ๊องที่มักก่อเรื่องวุ่นวายมาโดยตลอด เมื่อถูกปฏิบัติเช่นนี้กลับยังคงสงบนิ่งอยู่ได้
ถึงแม้ตอนนี้นางไม่ปัญญาอ่อนแล้ว แต่ก็ไม่น่าจะเปลี่ยนแปลงไปมากขนาดนี้นะ ?
เมื่อฉู่หวูโยวเห็นสีหน้าประหลาดใจของทุกคน ก็แอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ ถึงแม้นางจะไม่รู้แน่ชัดนักว่า ฉู่หวูโยวคนเดิมมีปฏิสัมพันธ์อย่างไรกับพวกเขา
แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่นางรู้สึกมั่นใจ นั่นก็คือ พวกเขาต่างเห็นฉู่หวูโยวเป็นตัวตลก
รอยบวมปูดบนใบหน้าของเฟิงหยูหลันยุบลงแล้ว เพียงแต่ยังมีรอยแผลเป็นจาง ๆ อยู่ แต่เมื่อทาแป้งก็สามารถกลบได้อย่างสนิท
เฟิงหยูหลันเหลือบมองฉู่หวูโยวหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงยื่นกล่องเล็ก ๆ ในมือให้กับฉู่หรูเสว่ : “หรูเสว่ นี่คือของขวัญที่ข้าเตรียมให้เจ้าเป็นพิเศษ อีกทั้งพี่เฉินยังไปเลือกเป็นเพื่อนข้าด้วยนะ”
น้ำเสียงของเฟิงหยูหลันจงใจโอ้อวด โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงไป๋อี้เฉิน นางก็ยิ่งเน้นเสียงมากขึ้น
เห็นได้ชัดว่า เฟิงหยูหลันจงใจพูดเช่นนี้ให้ฉู่หวูโยวได้ยิน นางจงใจจะยั่วโมโหฉู่หวูโยว
ขณะที่เฟิงหยูหลันกำลังพูดอยู่นั้น ยังหันมองไป๋อี้เฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างออดอ้อนอีกด้วย
ไป๋อี้เฉินขมวดคิ้ว ดูเหมือนสีหน้าจะแสดงความโกรธออกมาเล็กน้อย แต่ไม่รู้ว่าโกรธฉู่หวูโยว หรือโกรธเฟิงหยูหลันกันแน่
สายตาของทุกคน ต่างจับจ้องไปที่ฉู่หวูโยว ต่างก็แสดงสีหน้ามีความสุขเมื่อเห็นผู้อื่นเป็นทุกข์ และต่างก็มีอารมณ์ที่รอดูเรื่องสนุก คอยดูปฏิกิริยาตอบโต้ของฉู่หวูโยว
รอดูฉู่หวูโยวคลุ้มคลั่งอย่างเช่นแต่ก่อน และแสกงท่าทางน่าอับอายออกมา
ใบหน้าของเฟิงหยูหลันแสดงออกถึงความสุขที่ได้เห็นผู้อื่นเป็นทุกข์
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ ฉู่หวูโยวไม่ใช่คุณหนูปัญญาอ่อนอย่างเช่นแต่ก่อนอีกแล้ว
ฉู่หวูโยวกลับทำเหมือนไม่ได้ยิน ยังคงมีสีหน้าสงบนิ่ง แม้กระทั่งหางตาก็ไม่เหลือบไปมองพวกเขา
รวมถึงไป๋อี้เฉินด้วย
แววตาของไป๋อี้เฉินหมองหม่นลงเล็กน้อย ความโกรธบนใบหน้าดูเหมือนว่าจะปรากฏชัดเจนยิ่งขึ้น
เห็นได้ชัดว่าทุกคนต่างตกตะลึง ฉู่หวูโยวได้ยินคำพูดเช่นนี้ของเฟิงหยูหลัน กลับยังคงสงบนิ่งอยู่ได้เช่นนี้ หรือว่าจะเปลี่ยนนิสัยแล้วจริง ๆ ?
ไป๋อี้เฉินหันมองฉู่หวูโยว และแสดงความตกตะลึงอย่างชัดเจน ลึกเข้าไปในแววตาของเขา ปรากฏความแตกต่างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ความสงบนิ่งที่เป็นธรรมชาติของนาง เกรงว่าคนอื่นคงไม่อาจลอกเลียนได้ อีกทั้ง สิ่งที่ยิ่งทำให้เขารู้สึกประหลาดใจก็คือ ภายใต้ความเป็นธรรมชาตินั้น ดูเหมื อนจะมีความหยิ่งทะนงที่ออกมาจากเนื้อแท้
อีกทั้งใบหน้าที่อัปลักษณ์ของนาง ดูเหมือนเป็นเพราะความสงบนิ่งในตอนนี้ จึงเผยให้เห็นถึงความแตกต่างบางอย่าง โดยเฉพาะรอยยิ้มจาง ๆ ที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้มตรงมุมปาก ช่างดูเป็นความเย้ายวนที่แสนพิเศษจริง ๆ
ผู้หญิงคนนี้ คือฉู่หวูโยวคนก่อนหน้าจริงหรือ ?
คิ้วของซวนหยวนหรงโม่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นาง เลิกขึ้นโดยไม่รู้ตัว และดูเหมือนจะมีอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นในแววตา
ขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึงอยู่นั้น กลับได้ยินเสียงแปลก ๆ ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน หึ่ง ๆ ๆ……
ดูเหมือนเสียงนั้นจะดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ และยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ
ทุกคนต่างหันมองไปทางที่มาของเสียง มีเพียงฉู่หวูโยวเท่านั้นที่สงบนิ่ง ไม่สะทกสะท้าน
แต่ทว่า ฉู่หวูโยวกลับถอยห่างออกไปหลายก้าวอย่างเงียบ ๆ
“ว้าย ผึ้งนี่นา ทำไมถึงมีผึ้งมามากขนาดนี้” จู่ ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น จากนั้นก็มีผึ้งฝูงใหญ่บินกรูกันลงมาจากท้องฟ้า
ผึ้งเหล่านั้น ส่วนมากจู่โจมเข้าใส่ซวนหยวนหลี่
แต่บรรดาคนเหล่านั้นที่แต่เดิมยืนอยู่ด้วยกัน เมื่อพวกเขาเห็นผึ้งฝูงใหญ่บินมา ต่างก็ตื่นตระหนก และโบกโบกมือไล่ตามสัญชาตญาณ ทำให้ผึ้งฝูงนั้นพลอยโจมตีพวกเขาไปด้วย
ภายในเวลาเพียงชั่วพริบตา บนใบหน้าของบรรดาคุณชายผู้หล่อเหลาและคุณหนูผู้งดงาม ต่างมีรอยบวมปูดไม่มากก็น้อย